ลืมตาขึ้นมา แสงอัสดงเฉิดฉาย ความสว่างที่เปิดโลกทัศน์แห่งปัจจุยุคสมัยในยามเช้าแห่งความสดชื่น ด้วยแสงสีแดงอ่อนๆจากรูปทรงเรขาที่ทำให้สรรพสิ่งคงอยู่ การก่อกำเนิด การดำรงค์ด้วยการมีตัวตนและความอบอุ่นจากการเคลื่อนไหวของอสสารภายใน จุดศูนย์แห่งความสมดุล พัฒนาการแห่งลักษณะพัฒนาการเฉพาะตัวอันโดดเด่นของต่างสายพันธุ์ รูปร่างอันเป็นที่สุดของวิวัฒนาการ จะก่อเกิดขึ้นได้ไม่ หากไร้ซึ่งสีแดงแห่งความอบอุ่นที่สาดส่องสู่ทุกอณูแห่งต้นกำเนิด ถูกแล้ว ตัวฉัน ณ ตอนนี้จะมีตัวตนหรือหากไม่มีสิ่งนี้ จิตวิญญาณ จากครั้งอดีตกาลสู่ปัจจุบันกาลยังคงวนเวียนอยู่ ณ จุดก่อกำเนิดด้วยปัจจัยที่ไร้การพิสูจน์ แม้ด้วยหลักการแห่งศาสตร์วิทยก็ตาม สิ่งใดฤๅจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ ออร่า(Ora) คลื่นรังสีโทนร้อนแห่งความอบอุ่นจากการแผ่ของสิ่งมีชีวิต เหนือกว่าธรรมชาติของสติปัญญาของสัตว์ผู้ซึ่งชื่อได้ว่าเป็นเลิศที่สุดจะหยั่งรู้ถึงสาเหตุของการแผ่อันนั้น หนึ่งในความมหัศจรรย์แห่งสีแดง ซึ่งตัวฉันเองได้เคยที่จะพิสูจน์แต่ต้องพบกับความน่าสะพรึงของสีแดงที่ทำให้ฉันจดจำมาถึงวันนี้ จากการพิสูจน์แสงแดดจากความร้อนในร่างกายที่แผ่ออกมาจากคนปกติที่แข็งแรงนั้นดูเข้มดุจสีเลือด เมื่อเทียบกับคนที่เป็นโรคแล้วนั้น สีที่ได้จะไล่โทนอ่อนลงจนถึงสีเหลืองนวล ซึ่งในวงการของความก้าวหน้าต่างก็รู้กันในเรื่องนี้ ใช่แต่เฉพาะในร่างกายของสัตว์ แม้แต่พืช เมื่อเปรียบเทียบออร่าที่แผ่จากใบไม้สดจะเป็นสีในโทนอุ่น แต่กลับกันกับใบไม้แห้งเรากลับพบว่าไม่เกิดการแผ่ออกมาแม้แต่น้อย จึงมักจะเชื่อกันว่าสิ่งที่ดับสูญออร่านั้นจะสลายไปด้วย แต่ทว่าหลักการนั้นได้ถูกลบลงไปเสียแล้วจากสิ่งที่ได้เจอหลังจากนั้นเพียงไม่นานเลยจริงๆ วันหนึ่ง เป็นเวลาพลบค่ำเริ่มสลัวๆ ณ ห้องแลบที่ฉันและทางสมาคม (O.M.S) ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อพิสูจน์ปรากฏการณ์ต่างๆในทางธรรมชาติ ซึ่งในตอนนั้นก็คือรังสีแดงหรือที่เรียกกันติดปากว่า ออร่า นั่นเอง ตอนนี้เหล่าทีมวิจัยต่างก็ทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว มีเพียงเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ขอค้นข้อมูลที่จะเป็นกรณีศึกษาของวันถัดไปซึ่งอยู่อีกห้องหนึ่งที่ถัดกันไป มีเพียงมู่ลี่ปิดหน้าต่างที่กั้นระหว่างห้องที่สามารถมองเห็นกันได้ แต่ฉันอยู่เพียงคนเดียว ณิ ห้องทดลองรังสีเหล่านั้น ชุดทดลองรังสีนั้นจะมี กล้องที่จับความเคลื่อนไหว เครื่องสแกน เรดาร์ตรวจจับและสเกลสร้างภาพในสภาวะจริง พร้อมทั้งตัวจับโมเลกุลความวัยสูงประกอบกัน และสื่อทั้งหมดจะทำการส่งข้อมูลมา ณ มอนิเตอร์พลาสม่าที่จะให้ภาพที่ถูกต้องมากที่สุด ตอนนั้นเวลา2ทุ่มกว่าๆแล้ว ฉันนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์พร้อมทั้งจิบกาแฟไปพลางเป็นการรอเพื่อนที่วุ่นอยู่อีกห้องหนึ่ง ฉันเองไม่ค่อยได้สนใจหน้าจอเลยเพราะไม่มีสื่อกลางที่จะนำมาทดลอง มันจะไปมีอะไรน่ามองนักล่ะ ฉันก้อได้แต่เหล่หน้าจอเป็นพักๆ มันจะมีอะไรกันนักหนากับไอ้หน้าจอว่างๆนี้ ซักพักก้อชักสงใส ตาที่เหล่ไปรอบๆเริ่มเล็งเข้ามา ณ จุดเดียวคือที่หน้าจอ จุดแดงอ่อนๆที่เยื้องกึ่งกลางเล็กน้อย ทีแรกก็ไม่คิดอะไร กาแฟกระเด็นมั้ง เอาผ้ามาเช็ดสิ ทำไมมันไม่ออกล่ะ ไม่เลยมันตรงกันข้ามคราบอ่อนๆกลับดูเข้มขึ้นจนดูชัดว่าเป็นสีส้ม มันน่าแปลกเรดาร์จับโดนอะไรเข้าล่ะ มันไม่แค่นั้นแล้วสิ สีส้มนั้นกลับแผ่ออกเป็นวงกว้างขึ้น มันขยายออกและจากส้มก็เริ่มกลายเป็นสีแดงที่เด่นชัด ฉันเริ่มระแวงแล้วสิ มีใครเล่นอะไรตลกหรือจะเป็นไปได้อย่างไรกีมีฉันอยู่คนเดียว พยายามมองไปรอบๆแต่มันก็ไม่มีอะไรซักอย่างที่เรดาร์จะจับได้เลยนี่นา หน้าจอแสงสีแดงเริ่มดูเป็นรูปร่างมันชัดเจนฉันแน่ใจ ว่ามันเหมือนร่างของคนๆหนึ่ง ซึ่งสีแดงดูเข้มขึ้นก้อหมายความว่ายิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เรดาร์นั้นอยู่เยื้องไปข้างหลังทางซ้ายมือเพียงแค่ไม่ถึง2เมตร แล้วที่เห็นนี่มันคืออะไรล่ะ ฉันรู้ว่าตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงเหมือนว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อาการวาบซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและติดต่อกันไม่หยุดเสียที บ่งบอกได้ว่ามีบางสิ่งแน่นอนอยู่ด้านหลัง ไม่มีทางเป็นเพื่อนเธอแน่ เขาอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งประตูอยู่ด้านหน้าถ้าเปิดมาต้องเห็นสิ ฉันรู้เพียงว่าตอนนี้ อย่ากลัวในสิ่งที่ไม่เคยเห็น แต่จงกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว ฉันจะไม่หลับตา และหันหลังไปเผชิญกับสิ่งนั้น แต่ทว่าไม่ ไม่มี ไม่มีอะไรเลยตรงหน้าฉัน แล้วในมอนิเตอร์นั่นคืออะไรกันล่ะ ฉันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกหนาวและวูบวาบไปทั้งตัว อย่าร้องออกมานะ กลั้นมันเอาไว้ มีบางสิ่งเข้ามาในตัวฉันและผ่านออกไป ทำอะไรไม่ถูกแล้วในวินาทีนี้ แต่ในมอนิเตอร์ตอนนี้สีแดงที่เข้มดุจสีเลือดนั้นเริ่มกระจายและจางออก เหมือนกลุ่มควันที่แตกตัวออกจากกัน ฉันได้เจอกับอะไรเข้าล่ะนั่น แต่ที่รู้แน่ชัดไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนเป็นแน่ ไม่สามารถจับต้องได้ แต่ฉันรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ สิ่งนี้คืออะไรกันแน่ หลังจากวันนั้นฉันได้เก็บเรื่องนี้ไว้โดยไม่บอกเล่าเรื่องราวที่ฉันได้ประสบให้ใครได้รับฟัง เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่ ใครจะไปเชื่อว่าเรดาร์จับภาพคนได้ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลยนอกจากฉัน จนถึงวันนี้ ฉันไม่เคยได้พบเจออะไรแบบนั้นอีกเลย แต่ทว่าความทรงจำในครั้งนั้นยังตรึงใจฉันตลอดไป ฉันไม่เชื่ออีกต่อไปว่าสสารที่มีชีวิตเพียงเท่านั้นที่จะมีการแผ่รังสีแดงออกมา การทดลองเรื่องเหล่านี้ยังคงมีอยู่ต่อไป นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากต่างไม่เคยหยุดนิ่งที่จะหาคำตอบจากแสงสีแดงเหล่านี้ นานแสนนาน จนในที่สุดสิ่งที่ฉันได้เคยประสบนั้นก้อได้ถูกเปิดเผย ไม่ได้มีฉันคนเดียวเสียแล้วที่เชื่อ เมื่อได้มีการพิสูจน์บ้านร้างหลังหนึ่งในมลรัฐจอเจีย ณ สหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งร้างมานานถึง13ปี ในเวลาช่วงค่ำที่ได้มีการพิสูจน์กัน โดยการนำชุดตรวจจับรังสีออร่านั้นมาฉาย ณ ห้องโถงและตามห้องต่างๆ คำตอบที่สร้างความแปลกใจแก่ทุกสายตา มีรังสีสีแดงกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆรายรอบบ้านหลังนั้น เป็นรูปร่างที่แตกต่างกันบ้าง คล้ายคลึงกันบ้าง ที่ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าเวลาค่ำคืนแบบนี้ และบ้านที่ถูกทิ้งร้างมาถึง13ปี จะมีความร้อนได้ยังไงกัน จากครานั้นเองได้ทำให้ผู้คนในวงการนี้ต่างตื่นตะลึง และได้มีการพิสูจน์กันมากมาย มีทั้งที่ได้พบและไม่เจอะเจอเลยก้อมี สิ่งนี้หลายคนเรียกว่าปรากฏการณ์ แต่สำหรับฉัน มันคือความจริง ยังมีคนอีกมากที่ต้องการจะเห็นแต่ไม่ได้เห็น อาจเป็นเพราะว่า สิ่งนี้อยู่ที่ความศรัทธาของคน ถ้าคุณเชื่อ คุณอาจจะไม่ได้เห็นก็เป็นได้ หรือหากคุณได้เจอเข้ากับตัวของคุณเอง จงอย่าตกใจในสิ่งที่คุณเห็น มันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการให้ใครมาพิสูจน์ แต่หากเพียงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของใครๆที่แตกต่างกันออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกพิสูจน์ผ่านกาลเวลาของตัวมันเอง แม้แต่ตัวของคุณเอง ณ ตอนนี้ สีแดงคืออะไรในความคิดของคุณ สำหรับฉันแล้วสีแดงคือสื่อที่สะท้อนของความรู้สึกที่รุนแรงเกินต้านทาน คือพลังที่แฝงด้วยความสุขุม จนบางครั้งก็ยากเสียจะเข้าใจในความรู้สึกอันนั้น ผ่านมา6ปีแล้วกับความสะพรึงในครั้งนั้น ฉันแต่งงานและมีครอบครัว ลูกสาววัยน่ารักที่มักจะตั้งคำถามในทุกสิ่งที่เจ้าหล่อนได้พบเห็น ฉันเองก็มีความสุขกับการได้เป็นฝ่ายตอบคำถามเหล่านั้น ในตอนนี้ความรู้สึกของฉันต่อสีแดงนั้นต่างไปจากเดิม สีแดง ณ เวลานี้คือความมั่นใจ คือความสุข ความอบอุ่นที่ฉันได้รับหลังจากการมีคนที่ฉันรัก และคนที่รักและห่วงใยในตัวฉัน ตอนนี้ฉันพยายามที่จะลืมเรื่องเมื่อ6ปีก่อนนั้นเสีย เรื่องของวันวาน ก็คือวันวาน สีแดงในตอนี้คือสีที่ทำให้ความรู้สึกของฉันเติมเต็ม แล้วคุณล่ะ สีแดงในความหมายของคุณคืออะไร
25 กรกฎาคม 2546 19:34 น. - comment id 69313
อ่านแล้วลุ้นระทึก ถ้าเจอเองกับตัวคงเผ่นแน่บ
25 กรกฎาคม 2546 21:26 น. - comment id 69316
ลองแต่งแนวที่นำสิ่งเร้นลับที่แปลกๆมาใส่ในเนื้อเรื่องที่เมคขึ้นดูบ้าง ให้มันออกมาในแนวตื่นเต้นหวิวๆนิดๆ จะถูกใจใครบ้างไหมน้อ ข้อแนะนำเรื่องนี้ถ้ารีบๆอ่านอ่ะไม่เข้าถึงความรู้สึกหรอกบอกตามตรงเพราะเวลาแต่งน่ะมันเกิดความรู้สึกหนาวๆวูบๆแบบบอกไม่ถูกจะเหมือนกับกลัวๆฤป่าวก้อไม่เชิง แต่มันเกิดความรู้สึกแบบบอกไม่ถูก แต่งเองหนาวเองเลย เป็นเรื่องแรกที่แต่งแล้วรู้สึกกลัวนะ
28 กรกฎาคม 2546 14:45 น. - comment id 69321
ลึกลับและน่าค้นหานะ...
29 กรกฎาคม 2546 12:39 น. - comment id 69326
เป็นเรื่องยากที่จะได้สัมผัสกับสิ่งแบบนี้นะ แต่ถ้าได้เจอคงจะรู้สึกในแบบเดียวกับเธอคนที่ได้เจอ หรือไม่อาจจะร้องลั่นออกมาแล้วล่ะ
31 กรกฎาคม 2546 08:47 น. - comment id 69331
เป็นศาสตร์หนึ่งที่ดูทีไรใจมันหวิว
1 สิงหาคม 2546 10:05 น. - comment id 69335
ทีแรกเห็นชื่อเรื่องไม่รู้จะมาแนวไหนแน่ พออ่านแล้วใช่แฮะแบบนี้จริงๆด้วย เป็นหนึ่งคนที่ชอบนิยายแนวลึกลับค่ะ ^___^ จะมาคอยตามอ่านนะชอบอ่ะแบบนี้
1 สิงหาคม 2546 18:36 น. - comment id 69344
มาวิ่งเล่นแถวๆ นี้อ่า... อ่านจบแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างน่าพิสูจน์ในความลึกลับค่ะ...แต่งแนวนี้ก็ดีนะ
2 สิงหาคม 2546 05:55 น. - comment id 69346
น่ากลัวง่ะ
2 สิงหาคม 2546 12:05 น. - comment id 69348
น่าพิสูจน์นะเรื่องแบบนี้ แต่เอถ้าให้เราไปพิสูจน์คงไม่เอาด้วย นี่โจ้เรื่องแนวนี้บางทีก็อ่านแล้วรู้สึกระแวงเหมือนกันนะจ๊ะ