ต้นข้าวกับการบรรลุธรรม..........
โอ้ละหนอ
เมื่อวานนี้ได้รับจดหมายบอกบุญมาจากอาจารย์ปฐมและคุณภัทรา นิคมานนท์ ฉบับหนึ่ง ได้แจ้งเรื่องการทำบุญมาดังนี้
เกี่ยวกับการซื้อที่ดินเพื่อสร้างอนุสรณ์สถานการบรรลุธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
ตามประวัติ......หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้ติดตามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปบำเพ็ญเพียรที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.2476 อายุ 45 ปี พรรษา 9
บรรลุธรรมที่ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างปี พ.ศ.2483-2484 อายุ 52-53 ปี พรรษา 16-17
ด้วยการ น้อมนำรวงข้าวที่สุกเหลืองอร่ามมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน
ที่เสนาสนะป่ากลางทุ่งนา บ้านโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
ท่านเล่าว่า เย็นวันหนึ่ง เมื่อปัดกวาดเสร็จ ออกจากที่พักไปสรงน้ำ ได้เห็นข้าวในไร่ของชาวเขาสุกเหลืองอร่าม ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในใจในขณะนั้นขึ้นมาว่า
ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด ใจ ที่พาให้เกิด-ตาย อยู่ไม่หยุด ก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายในเช่นเดียวกันกับเมล็ดข้าว เชื้อนั้นถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้หมดสิ้นไป ก็จะต้องพาให้เกิด-ตายอยู่ไม่หยุด ก็แล้วอะไรเล่าที่เป็นเชื้อของใจ ถ้าไม่ใช่กิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน........
ท่านพิจารณาทบทวนไปมาในสมาธิ โดยถือเอาอวิชชาเป็นเป้าหมายแห่งการวิพาษษ์วิจารณ์ พิจารณาทบทวนไปหน้า-ถอยหลัง อนุโลมปฎิโลมด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงของอวิฃฃา นับแต่หัวค่ำไปจนดึก ไม่ลดละการพิจารณา ระหว่าง อวิชชากับใจ พอจวนสว่างจึงตัดสินกันลงได้ที่ ปัญญา ตัวอวิชชา ขาดกระเด็นไปไม่มีอะไรเหลืออยู่
การพิจารณาข้าวก็มายุติที่ข้าวสุกหมดการงอกอีกต่อไป การพิจารณาจิต ก็มาหยุดกันที่อวิชชาดับ กลายเป็นจิตสุกขึ้นมาเหมือนข้าวที่สุก จิตหมดการก่อกำเนิดเกิดในภพต่าง ๆ อย่างประจักษ์ใจ สิ่งที่เหลือให้ชมอย่างสมใจคือความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วน ๆ ท่ามกลางกระท่อมกลางเขาที่มีเพียงชาวป่าอุปัฎฐากดูแล
ขณะที่จิดผ่านดงหนาฝ่ากิเลสวัฎฎ์ไปได้แล้ว ก็เกิดความอัศจรรย์ใจอยู่แต่ผู้เดียว จนอรุณรุ่งพระอาทิตย์เริ่มสว่างบนฟ้า ใจก็เริ่มสว่างจากอวิชชาขึ้นสู่ธรรมอัศจรรย์ ถึงวิมุตติหลุดพ้นในเวลาเดียวกันกับพระอาทิตย์อุทัยเริ่มฉายแสงส่องปฐพี ช่าวเป็นฤกษ์งามยามดีเสียนี่กระไร.........
จากการติดตามสืบเสาะค้นคว้าเพื่อเขียนประวัติครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน ในโครงการหนังสือบูรพาจารย์ ทำให้ทราบว่าสถานที่บรรลุธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นทุ่งนาบริเวณที่เรียกว่า วัดร้างทุ่งกุย หมู่ 1 ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นที่ของเอกชน ได้ขอซื้อคืนมาในราคาเฉลี่ยตารางวาละ 300.- บาท พระครูสิริวัฒน์(พระอาจารย์เศวต สกก.สิริ)เจ้าอาวาสวัดเจติยบรรพต และเจ้าคณะตำบลแม่ปั๋ง(ธ) ได้ติดต่อขอซื้อคืนมา จึงได้บอกบุญมาให้ทราบ เพื่อผู้มีจิตกุศลอยากร่วมทำบุญได้ร่วมทำบุญด้วยกันต่อไป..........
นี่ก็นับเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้าวเรื่องหนึ่งอยู่เหมือนกัน.......ที่หลวงปู่ได้นำมาเป็นตัวพิจารณาในการบรรลุธรรมของหลวงงปู่ท่านจนได้เกิดดวงตาเห็นธรรมฉะนี้แล.............