ลุ่มลึกอิสราวดี 22

แก้วประเสริฐ


                ลุ่มลึกอิสราวดี  22
     ครั้นหลังจากที่ต่างชำระล้างเลือดสะอาดดีแล้ว  ชายหนุ่มก็ขึ้นจากแอ่งน้ำ
พร้อมกับเจ้าขนทอง   ส่วนเจ้าขนทองก็สะบัดน้ำให้หลุดจากขนมันพร้อม
กับตีลังกาไปหลายๆรอบ    ชายหนุ่มรีบแต่งตัวเพื่อจะออกเดินทางต่อไป
     อากาศช่วงนี้ค่อนข้างเย็น   ด้วยก้อนเมฆมาบดบังดวงอาทิตย์ทำให้ร่มรื่น
ภายหลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็มาทานผลไม้ร่วมเจ้าลิงขนทอง    ซึ่งเขา
เองยังไม่รู้ว่าหนทางจะไปทางใดเพียงแต่คิดว่าจะหาทางออกจากป่าเขาดงดิบ
ซึ่งอุดมไปด้วยภูเขามากมายนัก 
    จึงได้ชวนเจ้าขนทองเดินเลียบไปทางเชิงเขาผ่านหน้าผาที่ทอดเป็นทางเป็น
ระยะ บ้างก็เรียบบ้างก็ขรุขระ       ชายหนุ่มมองไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาที่ใกล้ๆ
กันเห็นมีสะพานไม้เก่าๆทอดเรียงรายไปตามไหล่เขา คิดว่าคงจะเป็นการสร้าง
โดยน้ำมือของมนุษย์แน่นอน     แต่สะพานดูช่างเก่ามากๆเสียด้วยจะใช้การได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้     
     
    ดังนั้นเขาจึงต่างพากันเดินเลียบหน้าผาไปเพื่อหมายค้นหาทาง ซึ่งเขาคิดว่า
ในเมื่อมีสะพานทอดของอีกเขาลูกหนึ่งแล้วก็คงจะมีการเชื่อมต่อกัน
ระหว่าเขาต่อเขาแน่     
แต่อยู่ที่ใดล่ะชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง    จวบจนตะวันเริ่มสูงขึ้นอากาศก็เริ่มจะ
ร้อนอบอ้าว    
ชายหนุ่มมองไปยังเบื้องล่างเห็นเป็นลำธารสายน้ำเล็กๆที่ทอดยาวเหยียด
แต่กับมีควันลอยเป็นกลุ่มๆคล้ายหมอกจนไปสิ้นสุดทางที่คดเคี้ยวลับเหลี่ยมเขา
    หากว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนหน้าผาที่เป็นทางเดินแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะข้ามลำธารนี้ได้อย่างไรกัน   น้ำในลำธารคงจะร้อนมากและจนปรากฏหมอกควันขึ้น   ไอของหมอกยามเมื่อมากระทบผิวกายเขายังรู้สึกว่าค่อนข้างแสบร้อน      เมื่อเป็นเช่นนี้เห็นว่าจะต้องอาศัย
สะพานหากมีข้ามไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่งที่เรียบชัน   
     หาทางไต่เกาะได้ยากยิ่งนักอีกหมอก
ควันก็เกิดละอองจับยังหินผาย่อมจะลื่นมากๆเสียด้วย    
ชายหนุ่มสอดส่ายสายตาไปข้างหน้าแล้วเดินทางไปเรื่อยๆ    
           คิดหวังว่าโอกาสที่จะพบสะพานก็คงจะมี    ครั้นเดินทางไปตามเรียบผสมขรุขระ
แล้วก็เป็นอุโมงค์ที่ถูกเจาะทะลุให้เป็นทางเดินต่อไป   
จึงได้เดินตรงไปแล้วลอดช่องลอดที่เป็นทางเดิน  ใช้เวลานานพอประมาณจึงพ้นจากอุโมงค์นั้น   เพื่อพ้นปากทางออกของอุโมงค์    
เบื้องหน้าเขาก็พบสะพานทอดไปสู่ยังภูเขาอีกลูกหนึ่ง  
   ชายหนุ่มดีใจมากจึงได้รีบจูงมือเจ้าขนทองให้เร่งการเดินทาง
เพื่อให้ถึงสะพานดังกล่าว      
         พอถึงสะพานที่ทำด้วยไม้แต่ทว่ามันผุมากจะใช้ได้หรือเปล่า   เชือกเถาวัลย์ที่ใช้ใน
การผูกมัดก็ค่อนข้างเก่า    ชายหนุ่มเกิดความลังเลใจทดลองเขย่าสะพานดูเห็นว่าพอจะใช้
งานได้ในบางช่วง     ฝ่ายเจ้าขนทองเห็นดังนั้นมันพุ่งร่างไปยังสะพานก่อนชายหนุ่มซึ่งยัง
เกิดความลังเลใจ  มันซึ่งบัดนี้มีรูปร่างใหญ่โตมากจริงๆ  หัวมันสูงเทียมกับไหล่ของเขาแต่
น้ำหนักคงจะมากกว่าเขามากนัก    มันรู้โดยสัญชาติฌานมันว่าคงเป็นหน้าที่ของมันที่จะ
ทดสอบสะพานนี้ก่อนชายหนุ่ม   ร่างมันเดินไปขย่มสะพานไปเรื่อยๆจนถึงกลางสะพาน
ไม้ที่ผุบางอันร่วงหล่นไปยังพื้นที่มีน้ำในลำธารรองรับ   ชายหนุ่มมองตามลงไป
           เขารู้สึกตกใจด้วยเห็นไม้ที่แห้งผุนั้นเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นทันที   หากแม้นเป็นเขาและเจ้า
ขนทองก็อย่าหมายมีชีวิตรอดไปได้   ด้วยน้ำในลำธารมีความร้อนสูงหรืออาจจะเป็นกรด
ที่ทำลายทุกๆสิ่ง        เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้พอเหลือบสายตาไปก็เห็นเจ้าขนทองไปอยู่ยังอีก
ฟากหนึ่งของภูเขาแล้ว       ดังนั้นเขาจึงค่อยๆย่างเท้าหยั่งลงไปและจับเชือกที่ทำถ้วยเถาวัลย์
ค่อยๆเหนี่ยวไว้    ก้าวไปทีละก้าวๆจนเกือบถึงปลายสะพานทันใดนั้นเอง   เชือกที่ผูกสะพานก็
ขาดออกจากกัน   ด้วยรับน้ำหนักเขาไม่ได้ด้วยเจ้าขนทองล่วงหน้าไปแล้วทำให้เชือกเกิดการผุ
กร่อนมากยิ่งขึ้น   สะพานได้ขาดแยกจากกันทันที   
            ชายหนุ่มคว้าเชือกที่มีกระดานผุๆนั้น เชือกและกระดานหล่นฟาดกับผนังของภูเขาทันที
เสียงดังโครมของเศษไม้สะพานที่ผุ   ร่วงหล่นไปยังสายน้ำทันทีเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง
ส่วนร่างของเขาห้อยต่องแต่งอยู่ปลายสะพานที่ขาดจากกัน    เขาปล่อยร่างที่เคว้งคว้างปลาย
สะพานที่ห้อยอยู่     เสียงเจ้าขนทองขู่ร้องเจี๊ยกๆๆดังลั่นไปทั่วมันแสดงอาการเหมือนจะมาช่วยเหลือเขา    
 มันยืนอยู่หน้าผาของภูเขาที่มีสะพานเชื่อมต่อไปเรื่อยๆ
           ดังนั้นชายหนุ่มค่อยๆไต่เชือกและเหยียบบนไม้ที่ห้อยร่องแร่ง   ค่อยๆไต่ขึ้นมาทีละน้อยๆ
พอพ้นเชือกที่เขาเหยียบพ้นแล้วก็ขาดร่วงหล่นไป   เขาค่อยๆรีบไต่ขึ้นมาจนถึงหน้าผาที่เจ้าขนทอง
มันรีบเอื้อมมือมาฉุดร่างเขาทันที   อาศัยเจ้าขนทองทำให้ชายหนุ่มพ้นจากสะพานไม้ที่ห้อยอยู่ได้
          เมื่อพ้นเหตุการณ์ร้ายผ่านไปเขาถึงกับทอดหายใจเฮือกใหญ่และนั่งลงทันทีบนสะพานไม้
ที่ทอดยาวเหยียดไปข้างหน้า   เขารู้สึกอ่อนล้าแขนทั้งสองข้างที่เกร็งดึงร่างไว้ตลอดเวลาในระหว่าง
ที่เหนี่ยวไต่ขึ้นมา       พอพักสักครู่หายเมื่อยล้าแล้วก็ชวนเจ้าขนทองออกเดินทางไปตามสะพาน
ที่ทอดยาวไกล       ชายหนุ่มลังเลสงสัยว่าจะไปทางใดดี   ด้วยทั้งสองด้านนั้นถูกเขาบดบังไปเสีย
สิ้นเห็นแต่เพียงสะพานสองฟากเท่านั้นเอง      
          ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้วเขาจึงตัดสินใจออกเดินทางไปทางที่ยังมองเห็นต้นไม้ที่เขียวขจี
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นไม่มีต้นไม้เลย    ดังนั้นชายหนุ่มจึงชวนเจ้าขนทองเดินไปทางด้านขวามือค่อยๆ
ย่างทดลองไม้สะพานไปเรื่อยๆ   ด้วยบทเรียนที่ข้ามสะพานระหว่างเขาต่อเขานั้นทำให้ชายหนุ่มต้อง
ระมัดระวัง   นี่ขนาดเขาระมัดระวังแล้วยังเกิดปัญหาได้ด้วยความเก่าของไม้   เขาคิดว่ามันคงจะสร้าง
มานมนานแล้ว   หาได้สร้างไม่นานความเก่าตลอดจนเถาวัลย์ที่ใช้ผูกมัดบ่งบอกอายุของมันให้รู้ได้
           เมื่อทั้งสองเดินทางมาสิ้นสุดยังปลายสะพานเห็นเป็นทางเรียบๆทอดลงสู่เบื้องล่างของขุนเขา
ซึ่งอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่ล้อมรอบไปหมด   ต้นไม้นาๆชนิดขึ้นแต่เขามองไปข้างหน้ากับเห็นซากของ
ปราสาทหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ  อายุอานามคงนานมากๆด้วยบางแห่งก็ยังดูดีแต่บางแห่งก็
เป็นซากปรักหักพังตามที่สายตาเขามองเห็นแต่ไกลๆ     จึงชวนเจ้าขนทองเดินฝ่าดงไม้มุ่งหน้าหมาย
ที่จะไปดูยังปราสาทนั้นทันที
           พอเดินไปอีกไม่เท่าไหร่เขาก็พบบรรดางูต่างๆพันอยู่ตามกิ่งไม้และพื้นดิน  แต่ยามที่เขาเดินไป
นั้นบรรดาอสรพิษทั้งหลายต่างรีบหนีหลบไปเสียสิ้น   คงเหลือไว้แค่ทางเดินให้เขาและเจ้าขนทองเท่านั้น
     เขามองไปรอบๆล้วนแล้วแต่อสรพิษทั้งสิ้นส่วนที่ไกลหน่อยก็แผ่พังพานขู่เสียงฟู่ฟ๊อดๆๆ
ได้ยินมาถึงเขาแต่มันไม่กล้าเข้ามาใกล้ๆ    เพียงแค่ส่งเสียงขู่เท่านั้น
           เสียงร้องของนกดังมากๆเขารีบแหงนหน้ามองดูบนท้องฟ้า   เห็นบรรดานกที่เขาไม่เคยเห็นมา
ก่อนในชีวิตตัวมันช่างใหญ่โตมาก  
หัวมันมีหงอนสีแดงปากงองุ้มปกคอมันออกสีขาวเหลือบทอง
ลำตัวมันสลับไปด้วยสีต่างๆ  แลดูสวยงามยิ่งนักยามกระทบกับแสงของดวงอาทิตย์ มันมากันเป็นฝูงๆ
เขากะราวประมาณเกือบสิบกว่าตัวเห็นจะได้
    มันส่งเสียงร้องประหลาดนักผิดกับบรรดานกทั่วๆไป
             เสียงร้องของมันกับทำให้บรรดาอสรพิษทั้งหลายต่างหนีลงพื้นดินแล้วหนีหายไปทันทีด้วย
ความเกรงกลัวยามได้ยินเสียงร้องของนกประหลาดนี้     มีตัวหนึ่งบินถลาปีกลงมาหาเขา
โอ้โฮๆๆร่างมันขนาดเท่าสุ่มที่ใช้ขังไก่แต่หางมันกับยาวมากหลากสี  กรงเล็บมันกางออกเห็นความ
แหลมคมของมันได้อย่างชัดเจน     ชายหนุ่มรีบดึงมือเจ้าขนทองหลบไปข้างต้นไม้ใหญ่ทันที
            เสียงลมกระพือของปีกมันช่างรุนแรงนักบรรดาต้นไม้เล็กต่างลู่เอนตามแรงกระเพื่อมของปีกมัน 
แล้วร่างมันก็ถลาขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง    แต่คราวนี้มันร้องเสียงแปลกประหลาดบรรดานกที่แยกกัน
แต่เป็นฝูงต่างพุ่งร่างมันถลาลงมาหาเขาแทบหมดทุกๆตัว
    ชายหนุ่มรีบมองหาสถานที่จะหลบมันแต่
ทว่าไม่มีที่จะหลบได้นอกจากเหล่าต้นไม้ใหญ่เท่านั้น
        บัดนี้เกิดแรงลมคล้ายพายุพัดกระหน่ำจนกิ่งไม้
บางกิ่งหักสะบั้นทันที   ขอนไม้ของกิ่งหักหล่นมาเกือบจะถูกตัวเสียงโครมสนั่นลั่นไปหมด
            เมื่อหาทางหนีไม่ได้เช่นนี้เขาจึงจำเป็นต้องต่อสู้กับมันอีกด้วยความจำเป็นทั้งที่เขาไม่อยากจะต่อสู้
กับมันด้วยเรือนร่างขนมันช่างสวยงามยิ่งนัก    แต่เมื่อจำเป็นเช่นนี้เขาจึงล้วงไปในย่ามหยิบก้อนหินสีแดง
ออกมาหลายๆก้อน   
เมื่อนกประหลาดตัวหนึ่งถลาปีกพร้อมกางเล็บใกล้เข้ามา   
เขาขว้างก้อนหินใส่ในตัวมันทันที   
ผลปรากฏว่ามันร้องดังลั่นพร้อมทั้งบินขึ้นไปบนฟ้าอีกคราหนึ่ง   และแล้วมันก็หุบปีกถลาลงไปยังอีกฟากหนึ่งของชายป่าดงดิบ    
เสียงดังโครมครามๆเหล่าแมกไม้แตกกระจายไปด้วยแรงดิ้นของมัน
          เมื่อบรรดานกประหลาดเห็นเช่นนี้ ต่างก็รีบหุบปีกถลาเข้าใส่ชายหนุ่มทันทีส่วนเจ้าขนทองรีบไปแอบ
ยังด้านหลังของชายหนุ่ม    เมื่อได้ระยะก็ขว้างก้อนหินสีแดงเลือดงูยักษ์ใส่บรรดานกทั้งหลายด้วยความแม่นยำ
เสียงร้องอย่างโหยหวนดังลั่นป่า   ร่างนกประหลาดหลายๆตัวถูกก้อนหินสีแดงขว้าง ต่างก็ร่วงหล่นตายไปเกือบหมดสิ้น    
คงเหลือเพียงบางตัวเท่านั้นที่มันไม่กล้าเข้ามาด้วย
คงเห็นพวกมันต่างหล่นตายไป   
และแล้วมันก็ร้องก้องสะท้านท้องฟ้า
    เหลือประมาณสองสามตัวรีบบินหนีหายไปกับท้องฟ้าฝ่าก้อนเมฆหายไป
          หลังจากนั้นชายหนุ่มเมือเห็นบรรดาเหล่านกประหลาดหนีหายไปหมดแล้ว  จึงได้เดินไปดูซากร่างนกประหลาดตัวมันช่างใหญ่โตมากๆ   แต่สีมันช่างงดงามอะไรเช่นนี้เขาจึงทดลองถอนขนมันขึ้นมาขนที่นิ่มๆน่ารัก
ทำให้เขานึกได้ว่าเขาเองไม่มีเสื้อใส่   
หากนำขนนกนี้มาจัดทำเป็นเสื้อก็คงจะดี   
เมื่อมีความคิดเช่นนั้นจึงได้ถอน
นกทันทีเลือกเอาที่พอจะทำเสื้อใส่ได้
    เขานั่งจัดระเบียบขนแล้วใช้เอ็นร้อยผูกมัดพร้อมใช้มีดน้อยที่แสนคมตัด
ให้เป็นรูปร่างพอจะสวมใส่  ดูไปก็คล้ายๆเสื้อม่อฮ่อมของชาวเชียงใหม่ไม่ผิดแต่ความละเอียดนั้นไม่มีเพียงแค่
พอสวมใส่ได้เท่านั้น    แต่สีสันมันยามกระทบกับแสงอาทิตย์ช่างส่งประกายแวววาวสดใสหลากสีสวยงามนัก
          ครั้นจัดการกับขนนกประหลาดแล้วเขาก็นำมาสวมใส่   ทำให้ร่างกายเขาแลดูสง่างามประกอบกับใบหน้า
ที่คมขำเรียกว่าหล่อก็ไม่ปาน
    เข้ากับเคราหนวดที่เขียวครึ้มผมที่ถูกมัดยาวไว้เบื้องหลัง
แปรเปลี่ยนสภาพเขาไปเสียสิ้น   เมื่อทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยแล้วจึงออกเดินทางต่อเจ้าขนทองมองร่างเขาด้วยความประหลาดใจนัก
พลางออกนำหน้าลัดเลาะผ่านทางเดินที่คล้ายๆกับมีคนทำทางไว้ให้แล้ว   
เพื่อมุ่งสู่ปราสาทที่แลเห็นแต่ไกล
           
           อากาศเริ่มเย็นขึ้นด้วยเวลาตกล่วงบ่ายไปแล้ว  พระอาทิตย์ส่งแสงเหนือยอดเขาไม่มากนัก    หากยังไม่ถึง
ปราสาทเห็นทีจะต้องหาที่พักแล้วออกเดินทางต่อไป  ดังนั้นจึงรีบเดินทางแต่ไม่ค่อยจะรีบร้อนสักเท่าไหร่ ส่วน
เจ้าขนทองก็พุ่งหายไปสักพัก   พร้อมกลับมาด้วยผลไม้แปลกๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแต่คิดว่าคงจะกินได้
ด้วย   เจ้าขนทองเป็นสัตว์ที่แสนฉลาดย่อมจะล่วงรู้ว่าผลไม้ใดกินได้หรือไม่ได้จึงไม่ค่อยสนใจมากนัก
           ครั้นตกเวลาเย็นเขาก็มาถึงที่บริเวณปราสาท   หน้าปราสาทเป็นลานกว้างๆบริเวณเป็นกำแพงกั้นล้อมรอบ
แต่ทว่าแตกหักทะลายไปทั่ว   และบริเวณปราสาทซึ่งบางส่วนหักพังไปตามกาลเวลา  แต่ยังมีส่วนหลงเหลืออยู่
บ้าง       แต่เขาต้องชะงักทันทีด้วยหน้าปราสาทส่วนที่ดีและยอดปราสาทกับมีบรรดาลิงจำนวนมากมายนัก
            ดังนั้นเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆนักได้แต่ยืนมอง  ทันใดนั้นเหล่าลิงเมื่อเห็นร่างชายหนุ่มพร้อมเจ้าขนทอง
ต่างก็วิ่งพรูกันเข้ามาแยกเขียวบ้างตีลังกาทะยานตัวนำหน้ามา    เจ้าขนทองเห็นเช่นนั้น ก็พุ่งร่างทะยานใส่ทันที
พร้อมแยกเขี้ยวแก้วมันออก  แสงของเขี้ยวแก้วกระทบกับแสงอาทิตย์ส่งประกายใสแวววาวทำให้บรรดาเหล่า
ลิงที่เฝ้าปราสาทอยู่ต่างชะงักไปหมดสิ้น   เสียงขู่ที่คำรามกึกก้องต่างหยุดชะงักมันมองมายังเจ้าขนทองร่างมัน
ทั้งหมดเล็กกว่าเจ้าขนทองมากนัก   พากันตีลังกาถอยหลังไปทันที
            เมื่อเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มเห็นเจ้าขนทองกู่ก้องพลางขย่มร่างมันไปๆมาๆ ยิ่งทำให้บรรดาลิงทั้งหลายต่าง
ก็รีบเผ่นหนีทันที   ชายหนุ่มอดหัวร่อออกมาเสียมิได้เนื่องจากเห็นอาการลิงเหล่านี้ต่างแสดงอาการดุร้ายแต่พอ
พบเจ้าขนทองกับกลัวเจ้าขนทองเผ่นหนีไปละทิศละทางจ้าละหวั่น  เหลือจะเป็นด้วยอำนาจของมันสู้เจ้าขนทอง
ไม่ได้จึงเกรงกลัว       สักครู่ใหญ่ๆก็มีเสียงดังกังวานขู่ของลิงเข้ามาจากภายในปราสาทร่างที่ปรากฏเป็นร่างลิง
ขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับเจ้าขนทอง    แต่ทว่าขนทั้งตัวมันเป็นสีขาวเป็นสำลีส่งประกายแววสดใสมันพุ่งร่างเข้าหาเจ้าขนทองทันที    เหล่าบรรดาลิงทั้งหลายต่างๆก็ขย่มร่างขู่ด้วยพอเห็นเจ้าลิงขนสีขาว
       ชายหนุ่มคิดว่าคงจะเป็นหัวหน้าของบรรดาเจ้าลิงทั้งหลายเหล่านี้แน่นอน
พอร่างเจ้าลิงขาวทะยานมาถึง    ก็พุ่งร่างเข้าใส่ร่างเจ้าขนทองทันที   เจ้าขนทองหาเกรงกลัวใดไม่ต่างตัวต่าง
ฟัดกันต่อสู้กันชุลมุนไปหมด  แต่ร่างเจ้าลิงขาวนั้นรู้สึกจะเสียเปรียบเจ้าขนทองเล็กน้อยพละกำลังเจ้าขนทอง
มีมากกว่าเจ้าลิงขาว  ด้วยเหตุที่เจ้าขนทองกินดีงูยักษ์เข้าไปทำให้เกิดพละกำลังมหาศาลความได้เปรียบเสีย
เปรียบสักครู่ใหญ่    ก็ปรากฏผลแพ้ชนะขึ้นด้วยร่างเจ้าลิงขาวปะทะสู้เจ้าขนทองไม่ได้ถูกเจ้าขนทองกัดและ
สะบัดร่างมันกระเด็นยามปะทะกันทุกๆครั้งไป  จนร่างสีขาวมันเปื้อนเลือดแดงปนขาวไปทั่ว 
       ทางด้านเจ้าขนทองหาได้มีบาดแผลแต่ประการใดไม่    ชายหนุ่มบังเกิดความสงสารเจ้าลิงขาวขึ้นมา
ก็เรียกเจ้าขนทองให้กลับมา   ไม่เช่นนั้นเห็นทีเจ้าลิงขาวก็คงจะต้องจบชีวิตภายใต้เขี้ยวแก้วแน่นอน  เมื่อเจ้า
ขนทองได้ยินเสียงเรียกเช่นนั้น   มันก็พุ่งทะยานเข้ามาหาเขาทันทีแต่ยังส่งเสียงขู่คำรามเหมือนจะบอกเจ้าลิง
ขาวว่าหากชายหนุ่มไม่เรียกก่อนมึงตายแน่  ชายหนุ่มคิดพลางหัวร่อ   
              ทันใดนั้นเสียงตวาดดังกึกก้องของชายร่างชราที่ปรากฏร่างก้าวออกมาเรียกเจ้าลิงขาวทันทีเจ้าลิง
ขาวครั้นได้ยินเสียงเรียก  ก็หันหลังพุ่งร่างมาหาชายชราที่มีใบหน้าอิ่มเอิบและเคราหนวดผมเป็นสีขาวโพลน
ไปทั่วศีรษะ พลางลูบไปยังหัวเจ้าลิงขาวพลางหลับตาร่ายมนต์เป่าไปยังร่างเจ้าลิงขาวทันที  บาดแผลต่างๆ
ของเจ้าลิงขาวก็รู้สึกว่าจะหายไปหมดสิ้น    ครั้นแล้วชายชราก็เขม่นมองมายังชายหนุ่มทันที   เมื่อชายชรา
มองเห็นร่างชายหนุ่ม  ดวงตาของชายชราคนนั้นก็พลันเบิกโพล่ง  พร้อมกล่าวคำอุทานออกมา..........
                      *   แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    17 กุมภาพันธ์ 2553 14:23 น. - comment id 83812

    ตามมาอ่านค่ะ11.gif11.gif11.gif
  • กิ่งโศก

    17 กุมภาพันธ์ 2553 16:02 น. - comment id 83838

    กำลังสนุกครับ
  • แขกประจำบ้านกลอน

    17 กุมภาพันธ์ 2553 19:15 น. - comment id 83839

    ชวนให้ตามติด ติดตามอีกแล้วคะ
    ขอบคุณมากนะคะครูแก้ว
    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 กุมภาพันธ์ 2553 12:50 น. - comment id 92443

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
        ศิษย์รัก  ไม่แต่เธอสนุก  ครูเองก็สนุกด้วยในการเขียนเรื่องนี้จ๊ะ  รักศิษย์เรามากเสมอ
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 กุมภาพันธ์ 2553 12:51 น. - comment id 92444

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แขกประจำบ้านกลอน
    
         ผมรับรองว่าสนุกแน่ๆครับเรื่องนี้ นี่ขนาด
    แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์นะครับ  ยังต้องผจญภัยอีก
    นานกว่าจะออกจากป่าครับ  รักเสมอ
    
           16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 กุมภาพันธ์ 2553 12:54 น. - comment id 92445

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
         คุณฝนครับขอบคุณผมจะสลับไปบ้างครับ
    ด้วยไม่อยากจะให้ผู้ที่อ่านเครียดมากๆครับรักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 กุมภาพันธ์ 2553 12:57 น. - comment id 92446

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ คมดาบนารี
    
         ขอโทษด้วยนะครับที่ข้ามไปด้วยผมแต่ง
    เรื่องต่อไปครับเลยเบลอๆไปหน่อย ด้วยผมจะ
    แต่งวันต่อวันครับ  หวังว่าไม่โกรธ
    ผมนะครับ  ติดตามต่อไปนะครับ รักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 กุมภาพันธ์ 2553 12:48 น. - comment id 92579

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อยฯ
    
          จ๊ะหากติดตามไปเหมือนอ่านนิยายเรื่อง
    หนึ่งนะครับผมพยายามจะเขียนให้ดีครับ รักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • คมดาบนารี

    18 กุมภาพันธ์ 2553 09:39 น. - comment id 92770

    ไม่ได้ติดตามมาพักนึงเลยอ่ะค่ะ..ไว้จะมาติดตามใหม่นะคะ.....
    
    ....ด้วยความเคารพค่ะ....36.gif29.gif
  • โคลอน

    18 กุมภาพันธ์ 2553 10:52 น. - comment id 92816

    โห ใกล้จะอยู่ในช่วงไคล์แม๊กซ์แล้ว
    
    ลุ้นๆค่ะ46.gif46.gif46.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน