เรื่องเล่าของแม่ ตอน คนเลี้ยงผี
ปุยเมจิกา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตาแดงชายแก่ผิวขาว จมูกโด่งหน้าตาคล้ายฝรั่ง รูปร่างท้วมสูง ผมหงอกขาวทั้งศีรษะ วันๆนั่งอยู่แต่ในบ้านไม้ที่อยู่ในสวนมืดครึ้ม ด้วยต้นไม้หนาแน่น บริเวณข้างบ้านหญ้าขึ้นรกรุงรัง ที่บ้านแกไม่ค่อยมีใครย่างกลายเข้าบ่อยนัก โดยเฉพาะเด็กๆ ต่างกลัวเพราะผู้ใหญ่ห้ามไว้ว่าแกเลี้ยงผีห้ามไปอย่างเด็ดขาด จำได้ว่าเคยผ่านไปครั้งเดียว ไปสองคนกับลูกของน้า พอเห็นแกก็วิ่งกลับบ้าน มันน่ากลัวจริงๆ แม่เล่าว่าแกมีลูกหลายคน ลูกสาวสวยๆทั้งนั้น สูงขาวเหมือนฝรั่ง แต่ผมดำ แต่งงานไปกับนายทหารทั้งสามคน โดยเฉพาะคนที่สามสวยมาก สามีเป็นเสนาธิการทหาร (นึกถึงสาวเครือฟ้าคนสาวสวยมักถูกเลือกจากชายดี มียศศักดิ์)ลูกชายเป็นทหารตามพี่สาวไปอยู่ที่จังหวัดอื่น แกอยู่กับภรรยาและลูกสาวคนเล็ก ซึ่งทั้งอ้วนและผิวคล้ำไม่สวยเหมือนพี่สาว แต่งงานกับชาวสวนธรรมดา แกมีตำรายานัตถุ์ที่เลื่องลือ ในสมัยนั้นคนส่วนใหญ่มักจะนัดยานัตถุ์ (ผงสมุนไพรสีเหลืองคล้ายดินใส่ขวดแก้วขนาดใหญ่กว่าหัวแม่มือเล็กน้อย ใช้หลอดทำด้วยโลหะโค้งเป็นรูปตัวยูปลายทั้งสองยาวไม่เท่ากัน เทยานัตถุ์ใส่มือ เกลี่ยให้บางๆ ใช้ปลายหลอดด้านยาววางที่มือถูใส่ยา ประมาณครึ่งหลอด ปลายหลอดด้านสั้นใส่ปาก แล้วเป่าให้ยาเข้าจมูก สักครู่ก็จะจาม เขาว่ามันทำให้จมูกโล่ง บรรเทาอาการหวัดได้ดี) เป่าไปจนสุดท้ายก็ติด วันไหนไม่ได้เป่าหงุดหงิดหายใจไม่สะดวก คนเรานี่หนอ หาสิ่งเสพติดให้ตัวเองทุกยุคทุกสมัย พวกทำนาก็ติดกระท่อม มาขอน้ำที่บ้านกินกระท่อมเป็นประจำเวลามาทำนา กินจนหน้าดำ ขี้เขียว อากาศร้อนทนทำงานได้ดี แต่พอฝนตั้งเค้ามาเริ่มสั่น วิ่งเข้าห้างนา(เพิงพักในนา)
ภรรยาแกชื่อยายลับ มีหน้าที่นำยาไปส่งตามที่ต่างๆ ร้านขายยา ร้านชำ ตามบ้าน ต่างอำเภอ แกมีตำรายาอายุวัฒนะ ดูแกแข็งแรง กระฉับกระเฉง แกนุ่งผ้าแปลกไปจากคนอื่น นุ่งผ้าถุงลายไทยดอกพิกุลสีเหลือง พื้นสีน้ำตาล คาดเข็มขัด ด้านข้างดึงขึ้นทั้งสองข้างเรียกว่าหยักรั้ง เหมือนเขมร แกว่ามันทำให้เดินสะดวก สบายทะมัดทะแมงดี หิ้วตะกร้าสานใบใหญ่ ไม่น่าเชื่อคนแก่อายุอายุเจ็ดสิบกว่าเกือบจะแปดสิบ ยังแข็งแรง พูดคุยเก่ง
แม่เล่าให้ฟังว่า ตาแดงแกเป็นคนมีวิชาอาคม เลี้ยงผีหลายตัว วันดีคืนดีแกก็เอาผีไปปล่อยให้อยู่ตามต้นไม้ ต้นไข่เน่าหน้าบ้านเราก็มี (ไข่เน่าเป็นไม้ยืนต้นใบคล้ายใบยางพารา ลำต้นมีสีขาวโพลน มากเมื่อกระทบแสงจันทร์ กิ่งมีผิวเกลี้ยงคล้ายงาช้าง ลูกกลมๆเล็กเป็นช่อเท่าลูกมะเดื่อ เวลาสุกจะมีกลิ่นเหมือนไข่เน่า ) ด้วยความที่มันเป็นสวนร้างมาก่อน เมื่อมีคนบอกว่าเอาผีมาปล่อย บวกกับกลิ่นลูกไข่เน่า มันก็ทำให้ขนลุก ได้เหมือนกัน ในตอนกลางคืน มีคนเดินผ่าน ได้ยินเสียงร้องหิวโหย มีลุงเขยของแม่แกบวชหลายพรรษาเพิ่งสึกออกมาเพราะถูกใจสีกา(ป้าของแม่) แกไม่กลัวผี ก็ชวนผู้ชายในหมู่บ้านหลายคน ไปดูกัน โคนต้นไข่เน่า จะเป็นโพลงใหญ่ เขาใช้ไม้เคาะดู สักพักก็ขึ้นไปร้องบนปลายยอด พอปีนขึ้นไปที่ยอด ก็ลงมาร้องที่โคนต้น ทำอย่างนี้หลายครั้งก็จับไม่ได้ สุดท้ายก็ถอยกลับไป ไม่นานก็เงียบไป เขาว่าแกมาเอาผีแกกลับไปแล้ว
คนเลี้ยงผีเขาจะมีกฎของเขาเลยว่าเวลาจะกินข้าว หรือกินอะไรก็ตาม ต้องเชิญเรียกให้ผีกินก่อน ไม่เช่นนั้นจะโดนผีหักคอ หรือไม่ก็เป็นบ้าไปเลย เหมือน เช็กนก (คนจีนที่ชื่อว่านก) ที่กินข้าวแล้วเกิด ตาเหลือกเหมือนถูกบีบคอแล้วก็ตายคาสำรับกับข้าว โดยที่ลูกและภรรยาช่วยไม่ทัน สาเหตุไม่ได้เชิญผีกินก่อน แกคงจะลืม ส่วนตาแดงเพียงแค่ผิดปกติไปเท่านั้น เอง ที่แกไม่พูดไม่คุยกับใคร สุดท้ายไม่ได้ข่าวแกอีกเลย แกตายเมื่อไหร่เราไม่รู้ และผีที่แกเลี้ยงไปอยู่ที่ไหนหมด มีเรื่องอื่นมากมายเข้ามาในชีวิตทำให้เราลืมเรื่องแกไปเลย.