ลุ่มลึกอิสราวดี 4 ด้วยความสงสัยจึงว่ายน้ำไปยังม่านน้ำตกทันที สิ่งที่เขาแลเห็น เป็นโพรงขนาดย่อมๆ มีตะไคล้น้ำจับและต้นเฟิร์นขึ้นปิดบังปากโพรง กิ่งก้านใบเขียวชอุ่ม ชายหนุ่มก้าวผ่านก้อนหินที่ลื่นพยายามเข้าไปดู แต่พลันหวนคิดได้ว่า หากเขาเข้าไปตอนนี้หากพบสัตว์ร้ายอาศัยก็ ยากนักที่จะป้องกันตัวได้ จึงได้ถอยหลังหันตัวกลับก้าวลงน้ำอีก แล้วว่ายน้ำไปยังฝั่งที่เขาตากเสื้อผ้ารวมทั้งมีดน้อยไว้ เขานั่งยังริมน้ำ พลางคิดว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสา ของมนุษย์ทำให้เกิดความสับสนขึ้นมา ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปพิสูจน์ อีกใจหนึ่งก็กล้าๆกลัวๆ เขาเอนกายลงนอนตากแดดทั้งที่ตัวล่อนจ้อน พลางใช้สมองขบคิดเรื่องนี้อย่างหนัก ในที่สุดด้วยความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นสัญชาติฌานของมนุษย์ทำ ให้เขาตัดสินใจทันที “เอาว๊ะ!!!....เป็นไงเป็นกัน หากไม่เข้าไปพิสูจน์จิตใจเราจะว้าวุ่นยิ่งขึ้น” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง ครั้นตกลงใจแน่วแน่แล้ว ก็ลุกขึ้นเดินไปยังที่ตากเสื้อผ้าซึ่งยังหมาดๆอยู่ จัดการรวบแล้วเอาผ้าคาดเอวมัดห่อไว้ที่มุมปลายด้านหนึ่ง ส่วนอีกปลายหนึ่งเขา ก็นำมีดน้อยมาห่อไว้ ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขานำผ้าคาดเองที่หุ้มห่อของทั้งหมด ขึ้นพาดบ่าพัน คอไว้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อมิให้หลุดหายไป แล้วค่อยๆหย่อนกายลงไปยังแหล่งน้ำ อีกครั้งหนึ่ง เขาค่อยๆพยุงกายโดยมิให้น้ำได้ถูกกับเสื้อผ้าที่พันรอบคอไว้ พยุง ร่างกระเพื่อมตัวช้าๆ กระนั้นน้ำยังเปียกเสื้อผ้าที่เขาพาดไว้เปียกบางส่วน ช่าง เถอะเขาคิด ใจนั้นจดจ่ออยู่ที่หลังม่านน้ำตกซึ่งมีโพรงคล้ายๆถ้ำ เมื่อมาถึงแล้วฝ่าสายน้ำแห่งม่านน้ำตกเข้าไป เสื้อผ้าก็เปียกชุ่มอีกครั้ง “โถๆๆ...อุตส่าห์ไม่ให้เปียกยังเปียกอยู่ดี งั้น!!!...รู้อย่างนี้สวมใส่ตั้งแต่แรกก็ดี” เขาอุทานเสียงออกมา แล้วรีบแต่งตัวทั้งๆที่เสื้อผ้าที่บางแห่งขาดวิ่นไปอย่างรวดเร็ว เขามองท้องฟ้า ดูแสงตะวัน เขานึกนี่คงจะตกราวบ่ายโมงกว่าด้วยพระอาทิตย์คล้อยเพียงเล็กน้อย เหมาะที่จะเข้าไปอย่างน้อยแสงของพระอาทิตย์ก็ยังสอดเข้าไปบ้าง มิฉะนั้นเขาคง จะมองอะไรไม่เห็นเป็นแน่แท้ ครั้นแต่งตัวเสร็จอย่างลวกๆแล้ว ก็แก้มัดชายผ้าคาดเอว นำมีดน้อยออกมาถือไว้ ด้วยมือขวาส่วนผ้าคาดเอวก็คาดที่เอวโดยฝักเหน็บไว้ด้วย เมื่อเตรียมพร้อมเรียบร้อย เขาค่อยๆก้าวเข้าไปโดยแหวกต้นหญ้าเฟิร์นซึ่งมีใบหนาและมีหนามเล็กน้อยออก ด้วยความไม่ประมาท เขาตัดต้นเฟิร์นซึ่งมีขนาดใหญ่พอประมาณ เลาะก้านกิ่งออก เพื่อใช้ในการแหวกทางนำหน้า ค่อยๆใช้ต้นเฟิร์นเขี่ยไปก่อนจึงค่อยๆเดิน ภายใน มืดแต่มีแสงสลัวๆ เขายืนปรับสายตาสักพักครั้นลืมตาขึ้นให้สายตาชินกับแสงภาย ในถ้ำซึ่งมีขนาดปากทางแค่เอวเขาเท่านั้น เขาค่อยๆย่อตัวลงแล้วคลานเข้าไปอาศัย ต้นเฟิร์นนำทาง เขาคลานสักพักความรู้สึกบอกว่า ภายในค่อยๆใหญ่และสูงขึ้นตาม ลำดับ จนในที่สุดเขาสามารถยืนได้ เมื่อเขายืนขึ้นแล้วก็ให้สังเกตภายในอีกครั้งพบว่า มีสายธารน้ำเล็กๆไหลคู่ขนานกับภายในถ้ำแล้วค่อยๆใหญ่ขึ้นตามลำดับคู่ขนาดกับถ้ำด้วย ดังนั้นเขาจึงมองไปข้างหน้า ก็เห็นแสงสว่างจ้าอยู่ปลายถ้ำเล็กๆด้วยความที่เขา มีประสบการณ์และศึกษาไว้พอประมาณพอจะทราบว่า ข้างหน้าคงเป็นทางออกของถ้ำ ระหว่างภูเขานี้ ชายหนุ่มดีใจมากที่ไม่ต้องเสียเวลาปีนป่ายข้ามเขาซึ่งไม่รู้ว่าใช้เวลา อีกเท่าไหร่ นี่คงเป็นทางลัดที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ เดินทางไปเรื่อยๆแสงสว่างยิ่งใหญ่ ขึ้นใหญ่ขึ้น ความสว่างเริ่มส่องเข้ามาในถ้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นก่อนจะออกจากถ้ำเขาเห็นมีบริเวณกว้างขวางด้านข้างของถ้ำ ชายหนุ่ม หยุดชะงักเปลี่ยนใจที่จะออกจากถ้ำก่อนพระอาทิตย์จะหมดแสง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินไปยังบริเวณที่กว้างขวางสำรวจบริเวณทันที สถานที่นั้นจัดดูคล้ายๆมีคนอาศัยอยู่ มาก่อนถึงแม้ว่าจะผ่านเวลาเนิ่นนาน โดยมีฝุ่นละออกและหยากไย่พอประมาณ เขาเหลือบ ไปเห็นลักษณะคล้ายใต้มีด้ามไม้อยู่สองสามอัน จึงแน่ใจว่าคงจะมีคนเคยอยู่มาก่อนแน่นอน ข้างๆใต้นั้นมีหินสองก้อน ทำให้ชายหนุ่มนึกนิยายโบราณที่เขาใช้หินเหล็กไฟมาตีกัน ให้ประกายไฟเกิด เขาหยิบหินสองก้อนนั้นขึ้นมาพิจารณาดูก็เห็นเป็นก้อนหินธรรมดาแต่ทว่าออกสีแดงดำ อมคล้ำๆ ลักษณะผิดกับหินทั่วๆไปจึงทดลองนำมาตีดู เสียงดังกังวานแต่ไม่มีประกายไฟ เกิดขึ้นเลย เขานึกว่าคงจะตีผิดเหลี่ยมกระมังจึงทดทองใหม่นำแหง่หินมาทดลองตีอีกครั้ง คราวนี้ปรากฏประกายไฟแว๊ปๆขึ้น ชายหนุ่มดีใจมากจึงนำไม้ที่หุ้มห่อใต้ไว้มาด้ามหนึ่งแล้ว วางไว้บนหินให้ปลายที่หุ้มห่อยื่นออกมาแล้วนำหินไฟมาตีให้ประกายไฟต้องกระชุไฟนั้น เขาทดลองหลายๆครั้ง จนประสบความสำเร็จเมื่อประกายไฟต้องกับกระชุที่หุ้มห่อนั้นเกิด ควันขึ้นมาและมีจุดไฟเล็กๆเขารีบนำขึ้นมาเป่าทันที ทันใดนั้นก็เกิดเปลวไฟลุกขึ้นทันที ภายในถ้ำบริเวณลานกว้างนั้นก็สว่างกระจ่างดั่งแสงตะวันสอดส่องเห็นสภาพภายใน ถ้ำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขารีบเก็บหินกระชุไฟที่เหลือไว้เหน็บไว้ข้างๆเอวแล้วถือกระชุที่ติดไฟ เดินสำรวจภายในบริเวณนั้นทันที หากไม่สังเกตให้ละเอียดก็จะมองไม่เห็นด้วยที่ผนัง นั้นมีเหลือบหินซ้อนๆกัน มุมหนึ่งของที่ซ้อนนั้นเป็นบริเวณกว้างพอประมาณมีแท่นหิน วางอยู่ เหนือแท่นหินนั้น มีซอกโพรงเล็กๆ เข้าก้าวขึ้นบนแท่นหินยกกระชุไฟส่องเข้าไป ดูก็เห็น มีดาบเล่มหนึ่งและหนังสือสองสามเล่มวางเรียงไว้ เขาค่อยๆยื่นมือซ้ายออกไปดึง ดาบและหนังสือนั้นออกมาทันที เขาต้องค่อยๆพลิกหน้าหนังสือนั้นสำรวจดูเป็นภาษาที่ เขาอ่านไม่ออกเลย แต่มีภาพต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นการใช้สำหรับฝึกอาวุธแน่ๆเขาคิด ความคิดอ่านที่จะออกจากถ้ำไปก็หยุดชะงักทันที เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าจะขอ ศึกษาหนังสือเล่มต่างๆนี้ก่อน เขาวางหนังสือลงแล้วหยิบดาบที่มีฝักหนังหุ้มอยู่ลวด ลายของปลอกช่างวิจิตรพิสดารนักเขาคิด ครั้นดึงตัวดาบออกปรากฏว่าเมื่อกระทบกับแสง ของกระชุไฟก็เกิดประกายแพรวพราวเป็นประกายรุ้งเจ็ดสีทันที ใบมีดสีเขียวมรกต ทำให้ นึกถึงมีดน้อยที่เขานำมามิได้ช่างมีประพาฬคล้ายๆกัน หรือว่า????....เขาคิดจะเป็นของคู่กันกระมังถึงได้มีประกายเหมือนๆกัน พลางหยิบ มีดน้อยชักออกจากฝักทันที ยามใบมีดน้อยกระทบแสงกระชุไฟก็เกิดประกายแสงสีงดงาม ดุจเดียวกันกับดาบเล่มนี้ แน่ล่ะคงจะเป็นของคู่กันแน่ๆ....ด้วยมีประกายและใบมีดคล้ายๆกัน เขารำพึงกับตัวเอง แล้วก็จัดการสอดดาบกับมีดน้อยเข้าฝัก มีดน้อยก็เสียบเข้าข้างเอวส่วนดาบก็วางไว้ข้างๆตัวเขา หันมาเปิดหนังสือ สองเล่มนั้นมีภาพการใช้อาวุธและคำอธิบายซึ่งเขาอ่านไม่ออกเลยสักตัวเดียว ส่วนเล่มสุดท้ายไม่มีภาพอะไรเลยเป็นแค่ตัวหนังสือเท่านั้น สงสัยว่าจะเป็นเรื่องราวของดาบนี้ กระมังเขาคิดในใจ เมื่อปิดหนังสือทั้งหมดลงเขาก็เดินสำรวจภายในต่อไป แต่ก็ไม่มีอะไรอีก นอกจากโพรงน้ำแอ่งเล็กๆที่มีน้ำหยดจากหินย้อยลงมายังแอ่งน้ำเล็กๆเท่านั้น สงสัยจะเป็นที่ล้าง หน้าหรือว่าใช้กินในระหว่างอยู่ที่นี่ แล้วอาหารล่ะเขาคิดพยายามค้นหาตรวจดูแต่ไม่พบอะไรๆทั้ง สิ้น คงจะไปหาเอานอกถ้ำนี่นา เอาล่ะน่ะ!!!.....จะพักที่นี่สักพักเขาคิด เพื่อจะขอศึกษาภาพต่างๆนี้ก่อนที่จะออกไปข้างนอกถ้ำ เนื่องจากเขาเป็นคนชอบศึกษาการเรียนอยู่แล้ว เมื่อพบสิ่งแปลกๆถึงแม้ว่าจะอ่านภาษาในหนังสือ ไม่ออกก็ตาม แต่เขาก็จะขอศึกษาไว้ไม่เสียหลายนี่นา เขาคิดและเราก็ไม่รีบร้อนอะไรด้วยถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่างในเรื่องค้นหาทางกลับที่พัก ป่านฉะนี้ทางบริษัทคงจะวุ่นวายและได้รับแจ้งจากผู้รับ งานว่าเขาได้หายตัวไป และทางบริษัทตลอดจนผู้ที่ให้เขาทำงานของบริษัทคงจะติดตามเขาอยู่ ช่างเถอะเขาเองก็จนปัญญาไม่รู้จะหาทางกลับไปได้อย่างไร เอาปัจจุบันไว้ก่อนแหละดีรักษาตัว ให้รอด วันหนึ่งก็คงจะได้กลับไปแหละ เขาปลอบใจตัวเอง วันคืนค่อยๆผ่านไปชายหนุ่มก็เฝ้าแต่ค้นคว้าศึกษาภาพนั้นๆและกระทำตาม โดยใช้ดาบและมีด ประกอบท่าทางการร่ายรำตามภาพที่วาดเอาไว้ เวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่เขาไม่รู้ รู้แต่ว่าหาก เขาหิวก็จะออกจากถ้ำไปซึ่งไม่ห่างกับบริเวณนี้มากนัก ฝั่งทางหน้าถ้ำที่ปรากฏเป็นป่าไม้เหมือนฝั่ง ทางที่เขาผ่านมา แต่ทว่ามีต้นไม้ออกลูกออกผลมากกว่าเท่านั้น เขาเลือกเก็บผลไม้ที่มีรอยเจาะของ นกไว้จดจำต้นไม้ไว้ลักษณะผลไม้ เพื่อจะได้ใช้ต่อไปในวันข้างหน้า เมื่อรวบรวมอาหารผลไม้ ได้มากพอ ก็ลำเลียงเข้าถ้ำ เวลานอนเขาก็นอนที่แท่นหินนั้น ส่วนน้ำตัดปัญหาไปด้วยมีแอ่งน้ำ ใช้ดื่มกิน ส่วนอาบน้ำหรือเขาก็ใช้ลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกฝั่งโน้นมาออกทางฝั่งด้านนี้แทน เมื่อหมดปัญหาเรื่องการกินและน้ำท่าแล้วเขา ก็หมั่นค้นคว้าศึกษาภาพต่างๆนั้นเวลาจะ ผ่านไปเท่าไหร่เขาไม่รู้ด้วยมุ่งมั่นต่อการฝึกฝน เขานำเอาวิชาความรู้ครั้งฝึกดาบกระบี่กระบอง ตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ เข้าประกอบท่าร่างผสมผสานกับภาพต่างๆตอนแรกก็ติดขัดแต่พอเขา ปรับให้กลมกลืนกันก็สามารถเข้ากันได้และรู้สึกว่าเกิด พลานุภาพมากกว่าในภาพเสียอีก ด้วย เขาออกจากถ้ำไปฝึกฝนกับต้นไม้ต่างๆในท่วงท่าที่ได้ผสมผสานกันกับภาพกับที่เรียนมาด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็ฝึกการขว้างก้อนหินประกอบเข้าไปด้วยตลอดจนการขว้างมีดน้อยของ เขาให้เข้าเป้าได้อย่างแม่นยำไม่ผิดพลาดเป้าได้ แต่ด้วยความไม่ประมาทเขาจึงยังไม่ออกจาก ถ้ำ ใช้เวลาฝึกฝนต่อไปจนแน่แก่ใจว่าได้ศึกษาจนครบถ้วนละเอียดแล้วนั่นแหละถึงไว้วางใจ ครั้นสมความปรารถนาแล้วชายหนุ่มก็เริ่มคิดจะออกเดินทางค้นหาทางกลับที่พักต่อไป โดยเขาจะนำดาบและมีดน้อยพร้อมตำราที่เขาอ่านไม่ออกติดตัวไป ส่วนภาพต่างๆนั้นเขานำไป เก็บไว้ยังที่เดิม แต่ด้วยความสวยงามของฝักมีดและดาบทั้งสองจะเป็นที่สงสัยสังเกตหากเขา ไปพบกับทหารทั้งหลายอีก จึงได้ไปยังลำธารค้นหาก้อนหินที่หยาบๆมานั่งขัดลวดลายต่างๆ ฝักและด้ามมีดและดาบให้หมด แม้ว่าจะมีพลอยสีต่างๆอยู่และได้กระเด็นออกมา เขาเพียงแต่ เก็บพลอยสีต่างๆไว้ แล้วนั่งขัดฝักดาบและมีดจนกระทั่งเกลี้ยงเกลาไม่มีลวดลายหลงเหลืออีก ต่อไป ดูสภาพคล้ายฝักดาบและมีดธรรมดาหาความสวยงามเหมือนเดิมอีกและยังน่าเกลียด กว่าเดิมอีกไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจคนที่พบเห็น พลางคิดว่าไว้พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแต่ ความที่เคยได้อาศัยมานานจนไม่รู้ว่านานสักเท่าไหร่ก็เกิดอาวรณ์ต่อสถานที่นี้ คิดว่าสักวัน หนึ่งหากเขากลับที่พักเก่าไม่ได้ และได้ท่องเที่ยวจนพอใจแล้วสิ้นปัญญากลับสู่สภาพเดิม ก็จะกลับมาที่นี้อีกด้วยเป็นสถานที่สงบอาหารก็สมบูรณ์พร้อมทุกประการยกเว้นเนื้อสัตว์ เท่านั้นที่เขาไม่ได้แตะต้องมานานจนจำไม่ได้ว่านานสักเท่าไหร่ แล้วจึงได้เข้าพักผ่อน บนแท่นหินคิดไปต่างๆนาๆจนหลับไป เสียงร้องของนกและลิงค่างต่างๆร้องแว่วเข้ามาในถ้ำนั่นแหละเขาจึงตื่นและรีบ อาบน้ำชำระกายให้สะอาด เขามองภาพตัวเองในน้ำที่ใสราวกับกระจกมิปาน เมื่อเห็น สภาพแล้วเขาอดหัวร่อไม่ได้ เนื่องจากใบหน้าเขาเปลี่ยนแปลงไปมากมีหนวดเครารกรุงรัง ตลอดจนผมเผ้าก็ยาวเป็นฟูฝอยปะบ่า บดบังใบหน้าที่เคยจัดได้ว่างามคนหนึ่งไปหมดสิ้น เมื่อเรียบร้อยแล้ว เขาก็เข้าไปยังที่แท่นแล้วยกมือขึ้นกราบลงบนแท่นหินรำลึกถึงผู้ที่เคยอาศัย อยู่ก่อนแล้วไหว้ไปยังเทพยดาทั้งหลายที่ดลบันดาลให้เขาได้มายังที่นี่ เมื่อจัดการขอขมาแล้ว ชายหนุ่มจึงหันหน้าเดินออกจากถ้ำมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าใหญ่พร้อมเตรียมเสบียงผลไม้ไว้เดิน ทางด้วย จนกระทั่งร่างเขาหายลับไปกับป่าไม้อันรกชัฏมุ่งหน้าสู่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง..... * แก้วประเสริฐ. *
31 มกราคม 2553 13:01 น. - comment id 113945
เหมือนเดินทางไปด้วยเลยนะคะเนี่ย ในแต่ละบทแต่ละตอน ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเจอกับอะไร เป็นกำลังใจให้เขียนให้จบนะคะ วันนี้มาแนวเรียบร้อย อิอิ
31 มกราคม 2553 13:08 น. - comment id 113948
คุณ โคลอน คุณฝนครับงานเขียนผมหากไม่ติดตามแต่ ต้นๆแล้วยากนักจะเดาได้ครับ ด้วยผมเองชอบแนว ทางนี้ และไม่ต้องการเป็นลักษณะน้ำเน่าที่สามารถ เดาได้ ผมมักจะดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆและฉีกแนว การเขียนมิให้คนอ่านได้เดาเรื่องที่ผมต้องการเขียน ได้ครับ ผมรับรองว่าสนุกแน่ๆครับ ด้วยสมอง และจินตนาการผมกำลังพุ่งรุ่งโรจน์มากครับที่ ได้กลับมาเขียนหนังสืออีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณ รักเสมอครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2553 14:30 น. - comment id 113953
โห ครูแก้ว ผมกลับมาอีกที เข้าสู่ ตอนสี่ แล้วหรือครับ ขอกลับไปอ่านตอนสองก่อนครับ
31 มกราคม 2553 14:46 น. - comment id 113954
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเราครูว่างเว้นงานหนังสือมา นานแล้ว พอกลับมาจับสมองก็เลยปรู๊ดปราด ทันทีแหละ ดีแล้วกลับไปอ่านให้ติดต่อกัน ด้วยงานครูนั้นจะจับหรือเดาเนื้อหาครูเอง ไม่ค่อยได้หรอก ด้วยครูมักจะฉีกแนวเขียน ไปเรื่อยๆไม่ค่อยจะซ้ำๆกันหรอกจ้า หากไม่ ประติดประต่อแล้วยากจะเดา ศิษย์เราก็เขียน ดี ลองดูแนวการเขียนครูว่าเป็นฉันท์ใดนะ อ้อ ครูจะว่างเว้นงานกลอนไปสักพักเพื่อให้ พวกเธอเล่นกัน ไปสนุกๆจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2553 17:18 น. - comment id 113967
แอบลุ้นๆ ด้วยคนค่ะ
31 มกราคม 2553 17:25 น. - comment id 113970
มาให้กำลังใจครูแก้วคะ ติดตามอ่านทุกวันนะคะ และก็จะรออานตอนต่อไปด้วยคะ
31 มกราคม 2553 19:20 น. - comment id 113983
คุณ ฉางน้อย ไม่ต้องลุ้นหรอกหลานรักเอ๋ย หากติด ตามอ่านก็จะรู้ ลุงเองตั้งใจว่าเรื่องนี้แม้จะไม่ใช่ นิทานหรือนิยาย นวนิยายแต่ก็จะแฝงบางอย่าง ผสมผสานกันเท่าที่อารมณ์บ้าๆของลุง อิอิหลานรัก ก็ติดนิดๆนะ ตอนที่อารมณ์การเขียนเกิดสงสัยว่า จะยาวแน่ๆด้วย นี่ขนาดเริ่มเรื่องเท่านั้นยังไปไม่ ถึง 5% เลยล่ะจ้า รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2553 19:24 น. - comment id 113984
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ขอบคุณที่แวะมาอ่านนิทานกึ่งนิยายแบบบ้าๆ ของผมนะครับ เรื่องจะไปเรื่อยๆแล้ววกเข้าสู่ความ สนุกสนานขึ้นไปเรื่อยๆครับ หากอ่านควรจะอ่าน ตั้งแต่ต้นด้วย เพราะผมจะวกเวียนกันหากไม่ ติดตามอ่านแล้วจะเสียอรรถรสไปนะครับ ผมตั้งใจ ว่าจะแต่งทุกๆวัน หาเรื่องแต่งไปเรื่อยๆจนกว่า จะจบครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะจบแบบไหนถึง จะไม่เป็นน้ำเน่าครับ อิอิ หวังว่าคงจะได้รับ ความหรรษาไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
1 กุมภาพันธ์ 2553 21:47 น. - comment id 114075
เป็นเรื่องเล่าที่สนุกและแปลกดีค่ะนิทานแบบนี้ชอบ อ่านแล้วไม่เบื่อดีค่ะคุณลุง แต่กระต่ายต้องนึกภาพตามค่ะเลยบางทีกลับมาอ่านอีก ค่อยไปอ่านตอนต่อไป ด้วยรักและเคารพ กระต่ายน้อย
1 กุมภาพันธ์ 2553 22:55 น. - comment id 114083
10..........
1 กุมภาพันธ์ 2553 23:04 น. - comment id 114084
คุณ กระต่ายน้อย กระต่ายเอ๋ย ลุงเขียนไปแบบช้าๆแล้วค่อย เพิ่มอรรถรสขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความกระชับ ของเรื่องจ้า แต่ควรอ่านตั้งแต่ต้น เพราะลุงเขียน แบบให้เดาได้ยากๆจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กุมภาพันธ์ 2553 23:06 น. - comment id 114085
คุณ ฉางน้อย มาอ่านงานจริงนิดผสมโม้ๆจริงนะสิ่งแวดล้อม ที่สร้างขึ้นมานอกนั้นลุงโม้แหลกเลยจ้า หลานรัก ลุงชอบแบบแปลกๆบ้าๆนิดๆจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
2 กุมภาพันธ์ 2553 08:45 น. - comment id 114090
อืม ติดตามอ่าน...ตอนนี้พระเอกเริ่มฝึกวิชาแล้ว....รอการผจญภัย ..ภาค ๕ ครับครู
2 กุมภาพันธ์ 2553 11:21 น. - comment id 114099
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักครูเอย การเดินเรื่องนี้ยังไม่ถึง สิบเปอร์เซ็นต์ ครูไม่เร่งรีบร้อนเพราะตั้งใจว่า จะค่อยดำเนินเรื่องป ไม่เหมือนกับเรื่องทัศยุราชันย์ ที่ครูรีบร้อนไปหน่อยจ้า รักศิษย์เสมอ แก้วประเสริฐ.
5 กุมภาพันธ์ 2553 00:14 น. - comment id 114212
เริ่มเพลินค่ะคุณลุง...
5 กุมภาพันธ์ 2553 11:39 น. - comment id 114227
คุณ คมดาบนารี เรื่องที่เขาตัวไว้ว่าเรื่องสั้น แต่ผมจะไม่สั้น ตามเขาแล้วครับ เพียงแต่ตอนสั้นๆเท่านั้นครับ แต่จะเป็นเรื่องยาวแน่นอน ด้วยมาถึงตอนนี้แล้ว ผมก็เริ่มจะวางพอร์ตเรื่องไว้ในสมองแล้วครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.