เวลากับคนสองคน…

Nonmin

"พ่อกับแม่จะไปออสเตรเลียหรือคะ!?" ฉันถามด้วยความตกใจ พ่อกับแม่ยิ้มเศร้าๆ แล้วแม่ก็พูดว่า "ใช่พ่อกับแม่ได้งานที่นั่นแพร ลูกต้องเข้าใจพ่อกับแม่นะจ๊ะ มันเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ไปเป็นครูของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แต่ที่เราไม่รับลูกไปด้วยเพราะว่า ลูกจะต้องเรียนให้จบ ม.6 ปีนี้เสียก่อนจึงค่อยตามพ่อแม่ไปอยู่ที่ออสเตรเลีย" เมื่อได้ฟัง หัวใจที่ไร้เดียงสาของฉันเหมือนแตกสลาย ไม่แพรเราจะต้องไม่ร้องไห้
          "แล้วหนูจะไปอยู่กับใครในเวลาที่หนูเรียน ม.6 ล่ะคะ?" ฉันถามเสียงสั่นๆ พ่อรีบพูดขึ้นว่า "ไปอยู่กับพี่เอกของลูกที่บ้านพี่สะใภ้ไงล่ะพ่อรู้นะ ว่าพวกญาติๆ ของพี่สะใภ้เขาไม่ชอบลูก แต่ลูกต้องอดทน รออีกสองเดือนเท่านั้น ลูกก็จะเรียนจบ ม.6 แล้วจะได้ไปเรียนที่มหา'ลัยที่ออสเตรเลีย ไปอยู่กับพ่อแม่" เมื่อฉันได้ฟังก็รู้สึกเหมือนอิฐกระทบหัวอย่างจัง "เปรี้ยง!" ฉันต้องไปอยู่บ้านพี่สะใภ้เหรอ? ทั้งๆ ที่พวกเขาเกลียดฉันจะตาย?
          สองวันต่อมาฉันก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของพี่นกซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของฉัน เมื่อมาถึงหน้ารั้ว คนรับใช้คนหนึ่งก็เอาจดหมายมาส่งให้ฉัน เป็นจดหมายจากพี่เอก พี่ชายของฉัน
          'ถึง แพร
                    พี่ต้องขอโทษด้วยที่ต้องบอกข่าวร้ายให้แพรรู้ว่า พี่ต้องไปทำงานที่อเมริกากับนกอย่าเร่งด่วนก่อนหน้าที่แพรจะมาอยู่ที่นี่หนึ่งวัน พี่ขอโทษจริงๆพี่ไม่รู้ว่าแพรจะตัดสินใจอย่างไร แพรจะอยู่ที่บ้านของนกหรือเปล่า? แต่ถ้าแพรตัดสินใจจะอยู่ที่บ้านของนก แพรก็ไปเจรจากับคุณป้ากัลยาเอาเอง ถึงคุณป้าเขาจะไม่ชอบแพร แต่พี่ก็ขอให้แพรอดทนไว้ จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายที่แพรจะได้ไปอยู่ที่ออสเตรเลีย
                                                                                                                                         จากพี่เอก'
          เมื่ออ่านจดหมายจบ ฉันก็อยากจะปล่อยโฮออกมาเดี๋ยวนั้น ฉันต้องไปพูดกับนางยักษ์กัลยา คุณแม่ของพี่นกผู้โหดร้ายนั่นด้วยตนเองน่ะหรือ? แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เมื่อเดินเข้ามาพบกับคุณกัลยา ฉันจึงยกมือสวัสดี แต่นางยักษ์กัลยาไม่สวัสดีตอบ แต่กลับพูดว่า
          "ทำไมตาเอกถึงต้องเอายายเด็กคนนี้มาให้ฉันเลี้ยงด้วยนะนี่! ฉันขอบอกไว้ก่อนนะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเมตตาที่จะให้เด็กยากไร้มาอยู่! ฉันไม่ต้องการอุปการะเธอ!" เมื่อได้ฟัง ฉันก็เกิดอาการเลือดขึ้นหน้า ฉันจึงกัดลิ้นและพูดว่า "หนูไม่ใช่เด็กยากไร้ค่ะ และหนูไม่ได้ต้องการที่จะให้คุณมาอุปการะหนู เพียงแต่หนูต้องการให้คุณใจดีรับหนูเข้ามาอยู่ที่นี่เพียงสองเดือน หนูสัญญาค่ะว่าถ้าหนูจบ ม.6 เมื่อไหร่ หนูจะออกจากบ้านหลังนี้ไปทันที" เมื่อฉันพูดจบ ดูเหมือนคุณกัลยาจะโกรธนิดหน่อยที่ฉันกล้าพูดโดยไม่แสดงอาการสะทกสะท้านอย่างใดเลย
          "ได้ที่ฉันให้เธอเข้ามาอยู่เพราะฉันเห็นว่าถึงยังไงเธอก็เป็นน้องสาวของตาเอกที่ดีกับฉันมาตลอด แต่ในเมื่อเธอไม่ใช่ญาติฉัน ฉันก็จะไม่ให้เธออยู่ฟรี! เธอจะต้องทำงานเหมือนคนรับใช้ที่นี่!" คุณกัลยาพูด ฉันคิดว่าถ้าฉันปฏิเสธฉันก็จะไม่ได้อยู่เอาเถอะแพร ตอบตกลงเขาไป ทนอีกแค่สองเดือนเท่านั้นแล้วฉันก็พยักหน้า
          ฉันทำงานหนักทุกอย่าง ฉันต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 มาเก็บที่นอนที่ห้องของฉัน แล้วมากวาดพื้น ถูพื้น เตรียมอาหารเช้าให้คุณกัลยา กับลูกชายคนรองที่ชื่อว่าคุณพิท เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วหลังจากนั้นฉันก็เดินไปโรงเรียน พอกลับมาในตอน 4 โมงฉันก็ต้องปัด กวาด เช็ด ถูบ้านแล้วเตรียมอาหารเย็นอีกฉันทำงานหนักทุกวัน เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณกัลยาให้ฉันอยู่ที่นี่
          จนเมื่อเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนฉันก็ได้ยินคนรับใช้คุยกันถึงเรื่องลูกชายคนเล็กของคุณกัลยา ฉันจึงถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร พี่รินจึงเล่าให้ฉันฟัง "เขาชื่อคุณวาทิน เป็นลูกชายคนเล็กของคุณกัลยาน่ะ เขาไปอยู่ที่อเมริกากับพ่อของเขาเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้เขาเพิ่งเรียนจบ ม.6 กำลังจะกลับมาที่กรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้" เมื่อฉันได้ฟังก็เข้านอน แล้วก็ภาวนาอยู่ในใจ "ขอให้คุณวาทินเป็นคนใจดี อย่าให้เหมือนคุณกัลยา หรือคุณพิทเลยนะ"     
          วันต่อมาซึ่งเป็นวันเสาร์ ขณะที่ฉันกำลังทำความสะอาดหน้าบ้านอยู่ ก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน คนที่ลงจากรถมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี อายุพอๆ กันกับฉัน เขาแต่งตัวดีแล้วเดินเข้ามาในบ้าน ฉันหลบทางให้เขาเดินผ่าน และคิดในใจว่าคนนี้แหละคุณวาทิน แต่เขาไม่หันมามองฉันเลยเขาเข้าไปในบ้าน คุณกัลยากับคุณพิทออกมาต้อนรับ ในขณะที่ฉันแอบมองอยู่นั้นเอง คุณกัลยาก็ทำสีหน้าน่ากลัวจ้องมาที่ฉันเหมือนจะบอกว่า "อย่ามองลูกชายฉันนะ!" ดังนั้นฉันจึงทำงานต่อไป
          คุณวาทินเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เขาก็ดีกว่าแม่และพี่ชายของเขา เขาไม่ได้รังเกียจฉัน บางวันที่ฉันเดินกลับจากโรงเรียนเขาจะยิ้มให้ฉัน บางครั้งก็พูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับฉัน ฉันคิดว่าตัวเองชอบเขา จึงแอบมองอยู่ห่างๆ เสมอๆ
          ความสัมพันธ์ของฉันกับเขามันเริ่มขึ้นในคืนที่มีงานเลี้ยงของบริษัท ซึ่งคุณกัลยาเป็นประธาน คุณกัลยาสั่งให้ฉันเฝ้าบ้าน แต่คุณวาทินรีบมาพูด "โธ่! แม่ฮะ! แพรงามเขาไม่ใช่คนใช้สักหน่อย ให้เขาไปงานเลี้ยงนี่เถอะนะครับแม่" ดูท่าทางคุณกัลยาไม่อยากขัดใจลูกชายคนเล็ก จึงตามใจ แต่แล้วคุณพิทก็พูดกับคุณวาทินว่า "ไปดีกับยายนี่ทำไม" แต่คุณวาทินไม่สนใจคำพูดของคุณพิท แล้วเขาก็พาฉันไปร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ระหว่างทางเขาบ่นว่า "ฉันเบื่อแม่กับพี่ฉันจริงๆ ที่พวกเขาชอบทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองดีเสมอ" ฉันมองหน้าเขาแล้วรู้สึกแปลกๆ
          หลังจากที่ฉันถูกเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ถูกจับใส่ชุดงานเลี้ยงเลิศหรู ก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนร่างเป็นคุณหนูไปเลย ฉันรีบพูดกับคุณวาทินว่า "ฉฉันไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณยังไงดี" คุณวาทินยิ้มแล้วเราสองคนก็ไปที่งานเลี้ยงแห่งนั้นด้วยกัน
          เมื่อมาถึงคุณกัลยากับคุณพิทถึงกับอึ้ง คุณกัลยาเกิดอาการหมั่นไส้ฉันนิดหน่อยจึงทาบทามคุณวาทินให้รู้จักกับคุณหนูคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของประธานบริษัทที่ชื่อว่า คุณวิลาสินี เมื่อเธอเห็นฉันเข้าก็เข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นแฟนคุณวาทิน หล่อนจึงถามว่า "เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน มาทำตัวสนิทกับคุณวาทิน?" ฉันได้ฟังก็โมโหนิดหน่อยแล้วพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า "พ่อแม่ของฉันเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ออสเตรเลียส่วนการที่ฉันจะสนิทหรือจะพูดคุยกับใครนั้นมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่คุณไม่ควรจะยุ่ง" เมื่อวิลาสินีได้ฟังก็สาดน้ำใส่ฉันแล้วทำท่าจะตบ จนคนข้างๆ ต้องรีบมาห้ามไว้ฉันตกใจนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกสะใจที่ได้พูดคำๆ นั้นออกมา
          แล้วพวกเราทั้งหมดก็กลับบ้าน คุณพิทกับคุณกัลยาเปลี่ยนทีท่าเมื่อรู้ว่าพ่อกับแม่เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในออสเตรเลีย ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก เพราะอีกไม่กี่วันนี้ฉันก็ต้องจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว จากกับคุณวาทิน
          ฉันตั้งใจว่าจะบอกความรู้สึกจากใจของฉันที่มีให้เขาก่อนวันที่ฉันจะไปและในที่สุดฉันก็ได้รับพิธีจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 วันนั้นเองพ่อโทรเข้ามือถือมาหาฉัน "แพรหรือลูกพ่อดีใจด้วยนะ ที่เรียนจบเสียทีเออ แพร พรุ่งนี้พ่อจะให้คุณลุงข้างบ้านเก่าของเรามารับหนูไปที่ดอนเมืองนะลูก" พ่อพูดขึ้น ฉันได้แต่คิดในใจ "พรุ่งนี้แล้วหรือเร็วจัง" แต่แล้วฉันก็คิดว่าเช้าวันพรุ่งนี้ฉันจะสารภาพรักกับคุณวาทินให้ได้
          คืนนั้นเองขณะที่ฉันสางผมอยู่ที่ห้องนอน ก็มีเสียงเคาะประตู ฉันจึงออกไปรับ แต่แล้วก็ตกใจสุดขีดที่พบว่าคนที่เข้ามาหาฉันเป็นคุณวาทิน"เธอจะไปแล้วหรือ" เขาถามฉันเสียงเศร้าๆ ฉันพยักหน้า คิดอยู่ว่าเราจะบอกเขาตอนนี้ก่อนที่มันจะสายไปดีมั๊ย แต่แล้วเขาก็กอดฉันแล้วพูดว่า "ก่อนที่เธอจะไปฉันอยากบอกว่าฉันรักเธอ" ดูเหมือนน้ำตาฉันจะรื้นออกมาฉันกอดตอบเขา
          ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ยังคงนึกถึงภาพเมื่อคืนเขาอยู่กับฉันบนเตียงนี้ตลอดแต่ตอนนี้เขาออกไปแล้วหยุดคิดเถอะรักแรกของเธอมันสิ้นสุดแล้ว แพรถึงเธอกับเขาจะมีอะไรกันเมื่อคืน แต่เธอควรตระหนักว่า 'เธอกับเขาต้องแยกจากกัน'
           
          ตอนนี้ฉันอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว และกำลังนั่งรถจะไปที่บ้านของพ่อกับแม่ แล้วทันใดนั้นฉันก็ได้รับเมล์จากมือถือเป็นของวาทิน
          "ฉันจะรอเธอจนกว่าเธอจะกลับมานะ แพรงาม"
          เมื่อฉันได้อ่านก็ยิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกแปลกใจตัวเองแพรงามผู้ไม่เคยร้องไห้แล้วฉันก็ส่งเมล์กลับไป
          "ถ้าฉันเรียนจบจากที่ออสเตรเลียแล้วฉันจะกลับไปหาคุณฉันรักคุณค่ะ วาทิน"				
				
comments powered by Disqus
  • รุ้

    14 กรกฎาคม 2546 09:47 น. - comment id 69206

    นิยายหรือ
    นึกว่าจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
    มันรวบรัดจังครับ
  • รุ้งสวรรค์

    14 กรกฎาคม 2546 09:48 น. - comment id 69207

    กิๆๆ  รุ้งสวรรค์ ครับ
  • Nonmin

    7 สิงหาคม 2546 21:02 น. - comment id 69371

    คง...รวบรัดจริงๆ มั้งคะ -_- 
    แต่งขึ้นเองค่ะ...
  • yacoolmi

    15 พฤศจิกายน 2546 13:24 น. - comment id 70188

    ก็หนุกไปอีกแบบค่ะ
  • เด็กน้อย

    21 พฤศจิกายน 2546 21:37 น. - comment id 70294

    ความรักกับความห่างไกลทำไมมันต้องมาคู่กันด้วยน้า ไม่เข้าใจจิงๆๆ
  • Nonmin

    23 พฤศจิกายน 2546 21:54 น. - comment id 70307

    เหอๆๆ อยากรู้ใช่แม๊ มันดูโรแมนติกดีไงล่ะ ฮ่าฮ่า
  Nonmin

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน