+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เสียงเพลงลูกทุ่งดังแว่วมาแต่ไกล น้ำเสียงกังวาลใสทุกวันที่เดินผ่านต้านตาลหน้าบ้าน เพื่อจะออกไปหัวถนน เป็นเสียงของลุงประยูร ดังมาจากกระตอบข้างบ้านของแกเอง บางครั้งก็ได้ยินเสียงแกเรียกภรรยา แม่ยวนใจจ๋า หิวข้าวแล้ว ขอน้ำ ขออาหาร ขอเครื่องใช้ อยู่เป็นประจำ ชายผิวขาวซีด ตาบอดทั้งสองข้าง มือและเท้ากุดหมด ตามตัวเป็นแผล น้ำเหลืองไหล ส่งกลิ่นคลุ้ง ต้องอยู่ในมุ้งตลอดเวลา เพราะต้องกันแมลงวันแมลงวี่ตอมแผลของแก ลุงเป็นญาติฝ่ายแม่ มีลูกสี่คน ผู้หญิงคนโตรุ่นราวคราวเดียวกับพี่สาวเรา คนรองเป็นผู้ชายเรียนหนังสือรุ่นเดียวกับเรา คนถัดมาเป็นผู้ชาย และผู้หญิง เกือบทุกวันเรามักจะไปเล่นบ้านนี้เพราะอยู่ใกล้ที่สุด แกทำงานเป็นคนงานสร้างทางรถไฟ สมัยนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่นอกจากจะทำนา แล้วก็รับจ้างทำทางรถไฟ เขาเรียกล้างหิน เราก็ยังสงสัยว่าล้างหินทำไม ไปทำเป็นจุดๆ เป็นระยะทางไกลพอสมควร ที่นี่แม่เราก็มักทำขนมข้าวเหนียวไปขายมีทั้งข้าวเหนียวขาวหน้าไข่(สังขยา) ข้าวเหนียวขาวหน้ากาก(มะพร้าวผัดน้ำตาลปี๊บ) ข้าวเหนียวเหลืองหน้าปลา หน้ากุ้ง แม่ทำขนมอร่อยมาก กลางคืนแม่จะแช่ข้าวเหนียวไว้ ตีสาม ลุกขึ้นนึ่ง พ่อจะขูดมะพร้าวคั้นน้ำกะทิไว้มูนข้าวเหนียว เรากับพี่สาว ไม่ได้ช่วยอะไร ช่วยแต่งานบ้านอย่างอื่น เช่นล้างจาน กวดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า พอตีห้าแม่ก็จะหาบข้าวเหนียว ขึ้นรถไฟที่สถานีแสงแดด ส่วนใหญ่เป็นรถขบวนส่งสินค้า พอถึงจุดที่มีคนงานรถไฟก็จะชลอรถให้แม่ค้ากระโดดลงไปขายของ นึกภาพดูแล้วชีวิตแม่เสี่ยงกับการตกรถไฟแลละโดนรถไฟทับตาย แต่แม่ก็รอดมาได้ ทุกครั้งขายขนมส่งลูกเรียนได้ คติพจน์ของแม่กับพ่อ ตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือ ลำบากแค่ไหนก็ทนได้ ขอให้ลูกได้เรียนหนังสือ ไปทำงานล้างหินได้สักพัก ลุงประยูรแกถูกงูกัดที่เท้าสมัยนั้นยังไม่รู้จักเซรุ่ม ถูกงูกัดก็รักษากับหมอตามบ้าน จำได้ว่าหมอที่มารักษาชื่อหมอเริญ ชายแก่รูปร่างสูง ผิวขาว หลังโก่งค่อมเล็กน้อยตามแบบคนแก่ทั่วไป ใส่เสื้อหม้อฮ่อม นุ่งโสร่ง ถือย่าม มีดคล้ายมีดปาดตาล หม้อดินใส่ยาต้มซึ่งเครื่องยาไม่รู้เหมือนกัน ว่ามีอะไรบ้าง ลูกหลานแกรับมรดกไปบ้างหรือเปล่า ภูมปัญญาชาวบ้านมักจะหายไปเรื่อยๆ พร้อมกับการล้มหายตายจากไป ของคน การรักษาของแกให้ลุงนอนบนพื้นบ้าน ปลายเท้าโผล่ เลยพื้นออกมาแค่ข้อเท้า ด้านล่าง มีเตาไฟ ต้มยาหม้อให้ไอลอยขึ้นไป รมเท้าข้างที่ถูกงูกัด ลูกๆมีหน้าที่เติมฟืนใส่เตาให้น้ำเดือดตลอดเวลา เพื่อไอจะได้รมแผล น้ำเหลืองใสๆก็ไหลเยิ้มลงในหม้อ เราไปเล่นกับลูกเขาก็ต้องช่วยใส่ฟื้นให้ เล่นไปสักพัก ลุงก็จะเรียกไปเติมฟืน ทำอย่างนี้อยู่หลายวัน จนแผลแห้งดีขึ้น แกก็ไปทำงานได้ตามปกติ ต่อมาสักประมาณไม่นา แผลแกเริ่ม กำเริบขึ้นมาอีก เนื้อเริ่มเป็นแผลเน่า ข้อนิ้วค่อยๆ หลุดทีละข้อจนกุดหมด ตามฝ่ามือฝ่าเท้าพุพองเป็นแผลเฟะ เวลาจะเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยัน อยู่สักพัก งานก็ไม่ได้ทำ ลูกทั้งสี่คนมีป้าของแกซึ่งอาศัยใกล้ๆกัน พอจะมีฐานะอยู่บ้างและแกก็ไม่มีลูก เด็กสี่คนก็เลยได้เรียนหนังสือ ภรรยาแกไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ลุงแกทนทุกข์ทรมาน กับแผลที่ลุกลามจนกลายเป็นโรคเรื้อน สุดท้ายตาก็บอด ต้องอาศัยในกระตอบแยกจากบ้านอยู่ในมุ้งตลอดเวลา แต่วันๆแกก็ฟังวิทยุ ร้องเพลงตามประสาคนมีดนตรีในหัวใจ แกไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย มีชีวิตไปตามอัตตะภาพของแก มีชีวิตอยู่จนลูกสาวโตเป็นสาวมีงานทำ แต่งงานมีลูกนับเวลาแล้วเกือบสิบห้าปี ชีวิตลุงผู้น่าสงสาร ถือเป็นบทเรียน บทหนึ่งที่คนเราสามารถมีความสุขได้ตามอัตตะภาพของตนเอง ไม่ท้อแท้ต่อโชคชะตาตนเอง ไม่ว่าจะเลวร้ายสักเพียงไหน ความอดทนของลูกๆที่ขาดหลักของครอบครัว มุมานะเรียนหนังสือจนมีงานทำ คนเราเมื่อมีครอบครัว การสร้างภูมิคุ้มกันให้คนในครอบครัวเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราสี่คนพี่น้องต้องหอบหิ้ว พ่อและแม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใหญ่ต่างจังหวัด จนทุกคนซึ่งอยู่ในฐานะกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างครอบครัวพากันลำบากมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทำให้คิดว่าหากมีโอกาส ควรจะหาเงินเก็บไว้สักก้อนหนึ่ง ไว้รักษาตัวเองเมื่อเจ็บป่วยยามแก่เฒ่า เนื่องจากทุกคนคงหนีวัฏจักรนี้ไม่พ้น จะได้ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็ทำงานจนตัวเป็นเกลียว ลำบากยากเข็นมาก เพื่อส่งลูกๆเรียนมาถึงทุกวันนี้นับเป็นบุญคุญ อย่างใหญ่หลวงแล้ว ถึงไม่มีเงินเก็บรักษาตัวก็มิได้โทษพ่อแม่ ก็เต็มใจทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด บางครั้งลูกๆก็มักจะบ่นแม่ว่าเข้มงวดกับการใช้เงิน ละเอียดถี่ถ้วนทุกบาททุกสตางค์ ผิดกับพ่อ อะไรก็เอาเงินไปก่อน จะเอาเท่าไรพ่อให้ กลายเป็นไม่สอนให้ลูกรู้จักใช้เงิน สิ่งที่สร้างให้กับลูกๆคือความซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะซื้อของอะไร เงินทอนแม้ห้าสิบสตางค์ก็ต้องคืนแม่ ไม่ใช่ให้ไหนึ่งร้อยค่าของห้าสิบบาทอีกห้าสิบบาทไม่ต้องคืน สร้างนิสัยคดโกงตั้งแต่ยังเด็ก โตขึ้นจะมีความรับผิดชอบได้อย่างไร
22 มกราคม 2553 13:33 น. - comment id 113466
เดี๋ยวว่างๆจะเข้ามาอ่านนะ
22 มกราคม 2553 19:06 น. - comment id 113473
สรุปว่าการรักษาของหมองูคนนั้นมีส่วนทำให้ ลุงแกมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่ต้องแลกกับการเสีย มือ เท้า และดวงตาทั้งสองข้าง น่าอนาถจริง เห็นแม่บัวพูดถึงงานล้างหินทางรถไฟ พี่เคยฟังเรื่องที่พ่อเล่าให้ฟังว่าปู่ของพี่เคย รับจ้างทหารญี่ปุ่น ตัดฟืนเป็นเชื้อเพลิงรถ จักรไอน้ำในสมัยสงครามโลก เรียกฟืนที่ตัด นั้นว่า " ฟืนหลา " ไม่ได้ถามความหมาย จากพ่อ แต่พี่คิดว่า น่าจะเป็นความยาว ท่อนละหนึ่งหลา สมัยก่อนมีอาชีพแปลกๆนะแต่มันคลาสสิคดี ว่ามั้ย
23 มกราคม 2553 11:07 น. - comment id 113487
ลุงใจเด็ดไม่ยอมเสียกำลังใจ พ่ายแพ้ ต่อโชคชะตา
24 มกราคม 2553 01:55 น. - comment id 113511
ใช่เลยค่ะ พี่เสมอจุก
25 มกราคม 2553 04:56 น. - comment id 113543
เศร้ามากๆ สงสารลุง