... ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการมีความรัก เสียใจ ทุกข์ใจ เจ็บใจ สุดแสนจะทรมาน เจ็บเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด แต่ไม่เคยคิดที่จะโกรธหรือเกลียดใครที่ทำกับเรา ไม่ใช่คนที่แสนดีอะไรมากมายหรอกนะ ก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น...แต่กลับรู้สึกโกรธและเกลียดตัวเองมากกว่าที่รักคนง่าย ไว้ใจคนอื่นจนเกินไป แค่เขาพูดดี พูดเพราะ ก็หลงรักเขาง่ายๆ... ... ใครดีมาก็ดีตอบ ใครร้ายมาก็เฉยๆ แต่ถ้าร้ายมากๆ ยิ่งร้ายเท่าไหร่ยิ่งต้องขออโหสิกรรม และต้องให้อภัย คิดซะว่าชาติก่อนเราคงไปทำเขาให้เจ็บแบบนี้ ชาตินี้เขาเลยตามมาเอาคืน "หนึ่งเจ็บนี้ฉันใช้หนี้เธอ" ... ไม่รู้สินะ ไม่รู้ว่าชาติก่อน กับ ชาติหน้าจะมีจริงหรือเปล่า แต่เพื่อความไม่ประมาทในชีวิต ขอทำแต่ความดีไว้ก่อน ชีวิตเมื่อถึงทางแยกที่ต้องเลือก เราก็ขอเลือกเดินไปในทางที่ไม่ผิดศีลจะดีกว่า จะได้นอนตายตาหลับ... เผื่อผลบุญจะได้หนุนส่งให้ได้ไปเกิดเป็นนางฟ้าบน"วิมานเมฆ" ณ ขณะนี้เรายังเป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงอยู่ปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ก็คือ "เงิน" เงินสามารถทำให้เราปฏิบัติหน้าที่ทางโลกได้อย่างไม่ติดขัด แต่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเงินคือทุกสิ่งในชีวิตหรอกนะ ... เราเชื่อเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ เชื่อเรื่องเวร เรื่องกรรม เพราะฉะนั้น ถ้าเราตายไป เราต้องใช้ "บุญ" นำทางในโลกของวิญญาณ เราต้องเตรียมเสบียงบุญไว้เยอะๆ เพราะว่าโลกนี้เราจนเงินอยู่แล้ว ไม่อยากให้โลกหน้าของเราต้องจนบุญอีก ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่เราเชื่อของเราอย่างนี้ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ใครใคร่เชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ตายไปแล้วอย่ามาขอบุญจากเราก็แล้วกันนะเอ่อ ... ... เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องความรักไร้สาระ แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ ต้องอยู่กันเป็นคู่ เป็นกลุ่ม และตราบใดที่เรายังเป็นคนที่ยังไม่ละเลิกแล้วซึ่ง รัก โลภ โกรธ หลง เรายังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎสงสาร ไม่หลุดพ้น "ความรัก" ก็ยังคงอยู่คู่กับโลกใบนี้ต่อไป อ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์ อ่านเพื่อเป็นตัวอย่าง หรือ อ่านเพื่อให้ได้คิด ว่าอย่าเป็นเช่นนี้เลย *สิ่งที่เราได้รับจากการมีความรัก ในตอนนั้นเราอายุ 22 ปี เราได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นเพื่อนของแฟนเพื่อนอีกที หน้าตาก็ธรรมดา แต่ว่าเขาเอาใจเก่ง ด้วยความที่เราเป็นเด็กเรียนไม่เคยมีแฟน ก็เลยหลงคารมเขาง่ายๆ เราก็กำลังเรียนอยู่ปี 4 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในจังหวัด เขาก็คอยมารับมาส่ง พาไปกินข้าวดูหนังเอาใจสารพัด จนในที่สุดเมื่อเราเรียนจบ เราก็ตัดสินใจ อยู่กับเขาเช่นสามี-ภรรยา ไม่มีงานแต่งงานที่ใหญ่โตอะไรเพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับพิธีการ เราเชื่อมั่นในความรักมากกว่า ญาติผู้ใหญ่ก็รับรู้ผูกข้อมือให้เราทั้งสองคน ช่วงแรกๆ ชีวิตคู่ก็มีความสุขดีนะ เราได้แต่คิดในใจว่า เรานี่ช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีอะไรเช่นนี้ แต่หารู้ไม่ว่านี้มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น... ... เขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเราท้องลูกแรก ด้วยความเจ้าชู้ของเขา เขาก็ไปทำผู้หญิงอีกคนหนึ่งท้อง ตอนนั้นเราเสียใจมาก ก็ได้แต่ร้องไห้ และก็บอกให้เขาเลือกเอาระหว่างเรากับผู้หญิงคนนั้น เราก็ไม่รู้นะว่าเขาตกลงกันยังไง ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ตัดสินใจไปทำแท้ง... อาจเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า เวรกรรมจึงตามทัน ทำให้ชีวิตครอบครัวของเราต้องแตกแยก เขาชอบดื่อเป็นประจำ และก็ยังเจ้าชู้เหมือนเดิม เราก็ได้แต่คิดว่าความดีของเราจะชนะใจเขาได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เราตัดสินใจมีลูกคนที่สอง ปัญหาต่างๆก็เริ่มหนักขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ถึงตอนนี้เราเริ่มรู้แล้วว่าชีวิตครอบครัวนอกจากความรักแล้ว มันยังต้องมีส่วนประกอบอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะประคองชีวิตคุ่ให้อยู่รอด "ความรัก ไม่สำคัญเท่ากับความเข้าใจ ความเข้าใจไม่สำคัญ เท่ากับความซื่อสัตย์ และความซื่อสัตย์ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการให้อภัย" ... เรื่องร้ายๆ เริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่เรามีลูกคนที่2 ได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน การถนอมน้ำใจกัน รวมถึงปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่รายได้ของเรายังเท่าเดิม เราเริ่มมีปัญหาหนี้สิน เริ่มทะเลาะกัน จนในที่สุดเราก็ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจขอหย่าจากเขา ซึ่งการกระทำของเราครั้งนี้เราทำเพื่อที่จะให้ตัวเขาและครอบครัวเขาไม่ต้องมารับผิดชอบหนี้สินร่วมกับเรา แต่เขากลับเข้าใจว่าเราไม่ได้รักเขาอีก แต่ก็เอาเถอะสุดแล้วแต่ใครจะคิด เรารู้ตัวเองดีว่าเราเป็นใคร และกำลังทำอะไรอยู่... เมื่อทำไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำ ไม่ว่าผลของมันจะออกมาดีหรือร้ายประการใด เราต้องยอมรับมันให้ได้ และ ณ เวลานี้สิ่งที่เรากับเขา ยังต้องพบเจอกันอยู่ก็เพียงเพื่อ"ลูก" เท่านั้น ... และพอมาถึงวันนี้ เราไม่เคยคิดว่า "ความรัก" มันจะเป็นปัญหาของเราอีกครั้ง เราเป็นผู้หญิงที่มีความอดทน อดกลั้น และไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบาก เราไม่เคยอ่อนแอในเรื่องของการทำงานหรือ ในการต่อสู้ชีวิต แต่เรากลับพ่ายแพ้ต่อ "ความรัก" อย่างหมดท่า เราเป็นคนอ่อนไหวง่าย แคร์ความรู้สึกของคนรอบข้าง รักคนง่าย เราชอบคนพูดเพราะ เอาใจเก่ง และนั่นมันก็คือจุดอ่อนของเรา มันทำให้เราต้องเสียน้ำตาอีกครั้งกับผู้ชายคนนี้ เราไม่บอกนะว่าเรารู้จักเขาได้ยังไง ครั้งแรกเขาดูดีมากในสายตาของเรา เขาไม่ใช่คนรูปหล่อ แต่ดูเป็นผู้ใหญ่มาดขรึม ดูแล้วรู้สึกอบอุ่น พูดจาไพเราะ สุภาพ แววตาอ่อนโยน เขาคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาเราทุกเรื่อง เวลาที่เราร้องไห้เสียใจก็มีเขาคอยเป็นเพื่อน คอยให้กำลังใจ จนในที่สุด เราก็"รักเขา" และ เราก็คิดว่า "เขาก็รักเราเช่นกัน" ... ชีวิตคนเรามันเปรียบเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน มีหัวกับก้อย มีด้านมืดกับด้านสว่าง มีดีกับไม่ดี มันแล้วแต่ว่าใครจะมองโลกแบบไหน ถ้าเขาคิดไม่เหมือนเรา หรือ เราคิดไม่เหมือนเขา มันก็ไม่มีใครผิด เพราะมันเป็นความคิดส่วนบุคคล เราได้รู้จักเขาแค่เพียงด้านเดียว คือ ด้านที่เขาแสดงให้เราดูและมันไม่ใช่ด้านที่เขาเป็น เขาเป็นคนฉลาด รู้จักใช้คำพูด วางตัวได้ดี พูดเก่ง เอาใจเป็น แต่เราซิใจร้อน คิดยังไง รู้สึกยังไงก็พูดออกไปแบบนั้นไม่ได้กลั่นกรองคำพูด ... มันเหมือนเราอยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยศัตรูที่รู้จุดอ่อนของเรา เราเหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคายก็รอด เขาไม่ค่อยบอกเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเขาให้เรารู้เลย และหลายๆเรื่อง หลายๆอย่างที่ผ่านมา มันเท่าให้เราเริ่มไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไป..เขาบอกว่า"รักและคิดถึงเรา" แต่เขาก็พูดแบบนี้กับผู้หญิงอีกหลายๆคน เราไม่เคยเกลียดหรือโกรธเขานะ ที่ทำกับเราแบบนี้ แต่เราเสียใจมากกว่าว่าทำไมชีวิตของเราต้องมาเจอแต่ผู้ชายเจ้าชู้ด้วยนะ ความเสียใจ น้อยใจ ครั้งแล้วครั้งเล่า นอนร้องไห้คนเดียวทุกคืน ร้องจนไม่เหลือน้ำตา เขาก็ยังคงทำร้ายความรู้สึกของเราด้วยการบอกว่าเรา "เป็นได้แค่เพื่อน" ไม่มีคำว่ารักและคิดถึง หลุดออกมาจากปากเขาอีกเลย เพราะ คำว่า "รักและคิดถึง" เขาเอาไปให้คนอื่นแล้ว เราไม่รู้จะทำยังไงดีกับความรู้สึกที่แสนจะทรมาน มันเจ็บ เจ็บเกินกว่าจะมีคำบรรยายใดๆ เหมือนโดนเข็มร้อยเล่มพันเล่มทิ่มแทงหัวใจ บางครั้งเราคิดว่าถ้าเขาฆ่าเราให้ตายไปเสีย ยังจะดีกว่าให้เราต้องมาทรมานใจเหมือนตายทั้งเป็นอย่างนี้. ... เราไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของเรายังไงดี "เมื่อไหร่นะ? เราจะรู้สึกเข็ดกับเรื่อง ความรักแบบนี้ซะที" เราได้แต่สวดมนต์ นั่งสมาธิ พยายามตั้งสติ ยกระดับจิตใจให้หลุดพ้นจากอารมณ์เศร้า อธิฐานขอพรจากพระรัตนตรัย ขอให้ท่านช่วยดลบันดาลให้เราอย่าได้รู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึก เศร้า เสียใจ อาลัยอาวรณ์กับความสูญเสีย ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก อีกต่อไป ... ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาโกหกเรา เพื่อนเราทุกคนที่รู้เรื่องของเราต่างก็ฉงนสนเท่ห์กันน่าดูว่าทำไมถึงมีผู้หญิงที่โง่อย่างเราหลงเหลืออยู่ เราก็ยังคงคบและคุยกับเขาต่อไป มาจนถึงวันนี้ วินาทีนี้ เราก็ได้รู้ว่าเขาไปตกลงสัญญาที่จะแต่งงานมีครอบครัวกับผู้หญิงอีกคน และวางแผนที่จะมีลูกด้วยกัน เขาวางแผนอนาคตร่วมกัน เราต่อว่าเขา และก็ถามเขาว่าจริงหรือเปล่า เขาไม่ตอบว่าจริงหรือไม่จริง แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะแก้ตัวกับเราและไม่น่าเชื่อ เขาใช้คำพูดที่ทำร้ายใจเรามากที่สุดเขาถามเราว่า "รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ในฐานะอะไร" เราก็อึ้ง พูดไม่ออก เขาปิดบังเรามาตลอดแล้วเราจะรู้ได้ยังไงหล่ะ แล้วตัวเราหล่ะมีความสำคัญแค่ไหนในใจเขา ... "เราเป็นได้แค่เพื่อนของเขาเท่านั้นเองเหรอ" ทำไมเขาถึงทำกับเราได้ขนาดนี้ ความรัก ความห่วงใย ที่เรามีให้เขาตลอดมามันคงไม่มีค่าสำหรับเขาเลยซินะ.... ความทุกข์ทรมานของเรายังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้สิ่งที่ทำให้เราต้องเป็นทุกข์ต่อไปอีกคือการที่เราอยากจะเลิกคุยกับเขา เลิกรักเขาแต่เราทำไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตามแต่ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม... ... ทั้งๆที่อยากจะเลิกเพราะเขาทำกับเราขนาดนี้แต่เราก็ยังให้อภัยเขาและคุยกับเขาต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตของเราจะถูกพันธนาการกับผู้ชายคนหนึ่งที่เรา คิดว่า "เรารักเขา และ เขาก็รักเรา" ทำไมจึงต้องเป็นแบบนี้ ความเสียใจของเรามิอาจเปรียบประเมินได้ เราได้แต่ร้องไห้เสียใจคนเดียวในใจได้แต่เพียงคิดว่า "ทำไมเขาจึงใจร้ายกับเราเหลือเกิน" เขาไม่รักเราเลยใช่ไหม เขาไม่อยากคบกับเราต่อแล้วสินะ ทั้งที่เรายอมเขาทุกเรื่องขนาดนี้ หัวใจมันเหมือนถูกเข็มเป็นพันเป็นหมื่นเล่มทิ่มแทงปักฝังลึกลงไปทุกที ทุกที ที่คิดเรื่องนี้ เราเสียใจอยู่หลายวัน เขาก็เหมือนกับว่าไม่ง้อเราอีกต่อไป เพราะว่าเขามีคนใหม่ให้ชื่นชม ด้วยความที่เรารักเขามากเกินไป เราได้แต่เฝ้าครุ่นคิด หาหนทางที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการตรงนี้ให้ได้ อยากหาทางออกที่มันไม่ต้องทรมานตัวเองอีกต่อไป เมื่อเขาไม่รักเราแล้วเราจะต้องรักเขาอีกทำไม ไม่สิเราต้องทำได้ เราต้องหลุดพ้นจากห้วงแห่งทุกข์นั้นให้ได้ เมื่อเราบอกกับตัวเองได้อย่างนั้น มันก็หมายความว่าเราได้ผ่านทางเดินที่แสนจะทรมานมาได้ครึ่งทางแล้ว แม้ว่าจิตใจของเรายังไม่เข้มแข็งพอ แต่เราก็ต้องยืนหยัดให้จงได้ สติและสมาธิเป็นเครื่งช่วยเราได้เสมอในยามที่เราอ่อนแอ "ชีวิต มีค่าเกินกว่าจะเอามา เป็นเรื่องเล่น ชีวิต มีค่าเกินกว่าจะเอามา เสี่ยงทาย ชีวิต มีความหมาย มากค่า กว่าคำว่ากล้าได้กล้าเสีย .... อย่าแลกกับสิ่งที่ไม่ควร อย่าแลกับสิ่งที่ไม่คุ้ม และอย่าแลกกับสิ่งที่ไม่แน่ใจ" ... คนเราอ่อนแอได้ในบางครั้ง อ่อนไหวได้ในบางโอกาส อ่อนใจได้กับความรัก แต่อย่าอ่อนแอต่อโลกแห่งความเป็นจริง "ความรักเป็นสิ่งที่มีค่า ถ้าให้กับคนที่รู้ค่า แต่ถ้าให้ความรักกับคนที่ไม่รู้ค่า มันก็เสียเวลาเปล่า" "ไม่เป็นไรหรอกนะคนดี" หนึ่งเจ็บนี้ฉันใช้หนี้เธอ/@ต้นรักสีฟ้า@
28 ตุลาคม 2552 17:34 น. - comment id 109594
อืมมมม.... อ่านแล้วรู้เลยค่ะว่าเขียนในขณะที่หัวใจกำลังเจ็บ มันสื่อออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เป็นกำลังใจให้นะคะ แล้วมันจะผ่านไปค่ะ...สู้ๆ
28 ตุลาคม 2552 23:02 น. - comment id 109598
ขอให้หลุดจากพันธนาการของหัวใจเร็วไว นะคะ และอยากบอกสั้นๆหลังจากอ่านเรื่องราวจบลงว่า "เข้าใจ" จริงๆค่ะ
29 ตุลาคม 2552 19:46 น. - comment id 109603
ชีวิตเป็นของเราค่ะ เขาแค่คนเคยพิเศษ.. แต่เขาไม่ใช่คนวิเศษนี่นา.... เขาต่างหากที่ไร้ค่าสำหรับเรา... เวลาจะช่วยคลายพันธนาการทีละน้อยค่ะ. เอาใจช่วยนะคะ..
31 ตุลาคม 2552 10:10 น. - comment id 109620
เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านแล้วรู้สึกเลยว่า ความรู้สึก ทุกข์ ที่ตัวเองกำลังได้รับ มันน้อยมาก เมื่อเทียบกับเรื่องราวเหล่านี้ ขอบคุณนะคะ ที่เอาเรื่องราว..มาบอกต่อ เป็นบุญอีกหนึ่งขั้น เพราะเป็นบทเรียนผ่านประสบการณ์ให้แก่ผู้หญิงหลายๆคนที่ได้ผ่านมาอ่าน ^^ ความรัก..ทำร้ายใครไม่ได้ นอกจากใครจะใช้ชื่อของความรัก..มาเป็นเครื่องมือ สู้ๆค่า
2 พฤศจิกายน 2552 23:31 น. - comment id 109665
2 พฤศจิกายน 2552 23:32 น. - comment id 109666
http://www.youtube.com/watch?v=RJMub5XREtc
3 พฤศจิกายน 2552 10:18 น. - comment id 109669
อ่านแล้วรู้สึกว่าเขียนได้ดีนะครับ แล้วก็เป็นกำลังใจให้ครับ