วันที่ฉันเลวที่สุด คือวันที่ ตะคอกพ่อ ที่นอนเป็นอัมพฤกษ์อยู่ที่บ้าน แค่เค้าพูดไม่ได้ ส่งภาษาใบ้แล้วเราไม่เข้าใจ เราก็หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คืออะไรรู้ม้ะ ก็เหตุผลเลว ๆ อีกเหมือนกัน ต้องไปเอายาให้เค้าอ่ะ เพราะไม่อยากเข้ากรุงเทพ เบื่อคนเยอะ พ่อก็เลยพยายามบอกให้เราเข้าใจ อะไรซักอย่าง ก็เลยหงุดหงิด จี๊ดขึ้นไปใหญ่ พอไม่รู้เรื่อง ก็ตะคอกพ่อกลับไปว่า "ยา อะไร" เพื่อน ๆ ลองนึกถึงเสียงเวลาโมโหซิ แต่แปลกน้ะ แต่ก่อน ถ้าตะคอกพ่อ เค้าจะทำตาโตใส่ แต่วันนี้เค้ากับนิ่งแล้วหันไปทางอื่น รู้ทันทีว่านรก มาเยือนแล้ว เพราะไม่เคยว่าอะไรเค้าเป็นอาทิตย์แล้ว เพราะเราก็เริ่มสวดมนตร์ภาวนาอยู่ทุกคืน จนไม่อยากจะโมโหใคร เพราะ ความโกรธ มันช่างเป็นบาปสิ้นดี เพราะมันช่างเผาใจตัวเองให้มอดไหม้ ถือว่าเป็นบาปที่สุด เพราะจิตใจจะขุ่นมัว เศร้าหมอง เกรี้ยวกราด แบบไร้สติ แล้วคนรอบข้างก็พลอยจะเดือดร้อนไปด้วย แล้ววันนี้ก็มาถึง ตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านดลใจให้เป็น และไม่อยากให้ทำมันอีก หลังจากนั้น ฉันเห็นท่าทีพ่อแบบนั้น ว่า นิ่งและหันหน้าไปทางอื่น ฉันรู้ทันทีว่า ฉันกำลังทำอะไร กำลังทำเลวงัย แล้วก็วิ่งขึ้นมาบนห้อง แล้วคิดทบทวนด่าว่าตัวเองว่า นี่ตอนนี้ ฉันนี่ถ้าตกนรก คงตกนรกไปในขุมที่ต่ำที่สุด แล้ว สำนึกตัวเองจริง ๆ ว่า กำลังทำบาปที่เลวที่สุดถึง 2 ข้อ 1. เราเอาความโกรธมาตั้งอยู่เหนือจิตใจ และความดี ซึ่งมันมาเผาผลาญจิตใจที่กำลังจะใฝ่ดี และก็ส่งไปถึงคนอื่น 2. คนอื่นเหรอ ไม่ใช่ซิ ยิ่งกว่านั้น บุพการีของเราต่างหาก พ่อที่ให้เลือดเนื้อเรามา จนมาเป็นตัวเรา ฉันนี่อายุ จะ 33 แล้ว ยังไม่มีหัวคิดอีก คุณเชื่อม้ะ แต่ก่อน อยู่บ้าน ฉันหงุดหงิดใส่พ่อแม่ทุกวัน แค่เพราะแม่บ่น พ่อพูดจาไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้ ฉันทำอะไรไม่เคยขึ้นเลย พอจะดีก็กลับล้มเหลว ต่าง ๆ นา ๆ มาครั้งนี้ก็เหมือนกัน กลับมาอยู่บ้านตามเคย เพราะล้มเหลวครั้งที่ไม่รู้กี่ร้อย ทำให้ฉันสำนึกได้หลายอย่าง จากคนที่ไปวัด ฟังสวดงานอะไร ไม่เคยนั่งรับสวดได้ตลอดรอดฝั่งเลย ก่อนหน้านี้ฉันเอาน้ำลอยดอกมะลิ มากราบขอขมาพ่อกับแม่ รดมือรดเท้า ท่าน แล้วขออโหสิกรรม หลังจากนั้นฉันเริ่มนั่งสวดมนตร์ภาวนาทุกคืน แผ่ส่วนกุศลให้ตัวเอง ให้พ่อแม่ และบุคคลที่เป็นที่รัก ให้สัตว์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร ฉันกลายเป็นคนสงบขึ้น ไม่โกรธใครง่าย ๆ และที่สำคัญ วันนี้ฉันลงไปไหว้กราบขอโทษพ่อที่นอนเฉย ๆ อยู่บนเตียง เค้าร้องไห้ปลื้มใจที่ฉันกลับเป็นคนอย่างนี้ พยายามบอกจนฉันเข้าใจว่า โรงพยาบาลที่ต้องไปไม่ใช่ในกรุงเทพเลย แค่แถวบ้านนี่เอง โรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่แค่ปั่นจักรยานไป 5 นาทีก็ถึง และเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก รู้เท่านั้นฉันยิ่งไหว้ขอโทษพ่อและบอกพ่อว่า ไม่ได้ตั้งใจในสิ่งที่พูดออกไป ฟังพ่ออย่างงี้แล้ว ให้ไกลแค่ไหนฉันก็จะไปเอายามาให้พ่อให้ได้ แม่น้ำตาคลอเบ้าที่เห็นฉันเป็นคนใหม่ พี่ฉันรู้ก็คงดีใจ ส่วนฉันดีใจที่สุดเพราะฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันเองเคยรู้สึกว่ายากที่สุดในโลก และฉันแน่ใจในการที่ฉันสำนึกตัว สิ่งศักสิทธิ์จะเห็นในความตั้งใจ และอนุโมทนาให้กับฉัน และอโหสิกรรมให้ฉันอย่างแน่นอน บทเรียนราคาแพง : ไม่ว่าฉันจะสวดมนตร์ภาวนากี่ร้อยชาติพันชาติ ถึงจะมีบุญสะสมมากเพียงใด หากฉันทำไม่ดีกับพ่อแม่แค่เพียงครั้งเดียวไม่ว่าชาติไหนก็ตาม ทุกอย่างที่ฉันสร้างบุญมาก็ไม่เหลืออะไรแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่แค่เริ่มใหม่ แต่มันติดลบแบบไม่มีที่สิ้นสุด ข้าแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ลูกขออโหสิกรรมในบาปที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตลูกในครั้งนี้ และลูกจะไม่พยายามยุ่งเกี่ยวหรือพัวพันกับความโกรธอีก เมื่ออโหสิกรรมแล้ว ขอจงอนุโมทนาบุญที่ลูกสำนึกผิดกับพ่อครั้งนี้ ลูกขอยกบุญที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ให้ถึงแก่ เทวดา ที่ปกปักษ์รักษา บิดา มารดา ของลูก และตัวลูก เทวดาที่ปกปักรักษา พี่สาวทั้ง 2 ของลูก หลานๆ มิตรรักญาติสนิท และ เทวดาที่ปกปักษ์รักษาผู้หญิงที่เตือนสติลูก ลูกขอให้ทุกคนมีความสุข มีทุกข์ก็ขอให้หมดทุกข์ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รวมถึงผู้ที่อ่านบทความของลูก และนำไปกลับตัวกลับใจได้ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิต มีความสุข ตลอดจนถึงนิพพานในชาตินี้ ทุกท่านเถอด
21 ตุลาคม 2552 14:11 น. - comment id 109430
ขอให้คุณพ่อหายเป็นปรกติในเร็ววันนะครับ
21 ตุลาคม 2552 16:23 น. - comment id 109434
ขอบคุณมากจ้า คุณ ขจรปฐวี
21 ตุลาคม 2552 18:23 น. - comment id 109441
.... อ่านแล้วอึ้งคะ เศร้าจัง ขอให้คุณพ่อของคุณออมบุญหายไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ......
21 ตุลาคม 2552 19:10 น. - comment id 109449
ขอบคุณจ้า ขอให้ชีวิตมีความสุขเช่นกัน เน้อะ