นึกไม่ออกแล้ว
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผม สะพั่ง สะท้านไมภพ ขับรถมาสด้า สามสองสาม จีแอลเอ็ก สีเทา แล่นตะบึงควันคละคลุ้ง ผ่านไปบนถนนพหลโยธิน และเป็นเส้นทางที่ใช้ทุกวันแบบไม่ต้องคิด ขับทุกวัน จากราชดำเนิน ถึง สพานใหม่
อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นรถใหม่มันจะไม่ดีกว่าที่เป็นอยู่หรอกหรือ
แล้วสะพั่ง ก็คิดขึ้นได้ว่า มีตังค์แค่เติมน้ำมันก็พอแล้วละมั๊ง
ผมอดชื่นชมความรู้เรื่องรถยนต์คู่ใจของผมไม่ได้ เวลาที่มีอาการอย่างนี้ผมก็รู้เลยว่าจะต้องทำอะไร เรียกได้ว่า หากมุกเก่ามาละก็ยิ้มไม่ต้องอาศัยช่างรถยนตร์มาวิเคราะห์ตีความ แต่ทว่าหากเป็นมุกใหม่ละก็ ต้องค่อยๆคิดอีกที
ไฟแดงตรงที่แห่งหนึ่ง
มันเป็นความเจ็บปวดปนขบขัน
มันทำให้ผมโดนค่าปรับ ห้าร้อยบาท และ โดนไปรษณีย์ แฮฟไปอีกราว แปดสิบ
แต่มันก็ทำให้ผมไม่ลืมว่า
ณ ที่แห่งนี้ จะต้องค่อยๆ ใจเย็นๆ มิฉะนั้นเงินเดือนอาจไม่พอใช้
ตำรวจชอบตั้งกลุ่มโบกรถ
แล้วมันจะโบกทำไมว่ะ
แต่เมื่อเขาเห็นรถของผมแล้วก็โบกมือให้ผ่านไปได้เลย
แม้แต่วันหนึงลืมเปิดกระจกรถทิ้งไว้
ทีแรกค่อนข้างจะตกใจ
แต่พอนึกได้ว่าจะตกใจไปทำไม
ก็เลยไม่รู้จะตกใจไปทำไม
เพราะสิงที่มีค่ามากที่สุดก็คือ รองเท้าทำงาน คู่หนึ่ง เก่าแล้วด้วย
ผมเพียงเกรงแต่ว่า มันจะสะบัดไม่มองด้วยซ้ำไป
น้ำมันก็ลดราคาลงแล้ว
แต่เติมแล้วก็เป็นพันอยู่ดี
คำพูดของช่างติดฟิลม์กรองแสงคนหนึ่งบอกว่า
เปิดแอร์ไปเถอะครับ เย็นสบายกว่าไม่ต้องร้อน
แต่ทว่าผมก็ไม่ยอมเปิดหากไม่จำเป็นจริงๆ เช่น ฝนตก หรือ มีครอบครัวผมโดยสารไปด้วย
มองผ่านกระจก
นึกๆแล้วก็ขำๆ
และบ้าบอจริงจริง
ผมถามตัวเองว่า แล้วเอ็งจะรีบไปไหน
เออ ผมนึกถามตัวเองตอบตัวเอง
ไม่รู้เหมือนกันวะ
อ้าว งั้นก็เรื่อยๆมาเรียงๆก็แล้วกัน
แต่ก็เป็นศิลปะเหมือนกันนะที่จะขับรถแบบไม่ใจร้อน ไม่ขับเร็วและไม่ขับช้า
ถึงตอนหนึ่ง ก็ขับไปเรื่อยๆ
มีโอกาสก็ชะลอให้รถคันอื่นๆที่เปิดไฟขอเข้าเลนส์เข้ามาบ้าง
ขับตามๆกันไปไม่ต้องออกไปนอกแนวทางอื่นๆ
เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นๆ
เปิดเพลงลูกกรุงเย็นๆ ผิวปาก หรือ ฮัมเพลงไปด้วย
สะพานข้ามแยกก็ปิดครึ่งเปิดครึ่งหนึ่งเพื่อทำการซ่อม
แต่ทว่าก็เกี่ยวข้องนิดหน่อย แต่ผมก็เลี้ยวออกได้และก็ไม่เกี่ยว
ในค่ำคืนหลังจากที่เพลิดเพลินกับอินเตรนแล้ว
ก็หลับนอน
พอนอนก็นึกอะไรไม่ออกแล้ว
ขอบพระคุณที่ติดตามผลงาน