เดือนกรกฎาคมช่างเป็นเดือนที่วุ่นจนรู้สึกเหมือนชีวิตติดอยู่กับใยแมงมุมซะจริง แต่เดือนกรกฎาคมของปีนี้ก็เป็นปีที่อบอุ่นและมีความสุขมากที่สุดเช่นกัน ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒ วันนี้จะได้เจอน้าและเด็กๆ ที่ไปเรียนต่อ ต.ป.ท แล้ว ปิดเทอมปุ๊บก็กลับมาปั๊บ แม้จะแค่ไม่กี่เดือนที่เพิ่งจากกันแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับหัวใจ เวลาที่คิดถึงใครอีกฝั่งฟ้า ช่วงเวลาที่เราต้องอยู่กันคนละประเทศ คนละเวลา คนละอากาศ มันช่างเหมือนกับว่า มีใครสักคนบนฟ้าจับพวกเราแยกจากกันแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้คือ "ความคิดถึง" ๒๐--๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒ พวกเราตระเวณไปกินอาหารไทยร้านประจำที่พวกเราเคยไปกินด้วยกันบ่อยๆตอนที่อยู่ด้วยกัน ไม่มีโปรแกรมทำอาหาร...เพราะ น้าบอกว่า อยากมาพักผ่อนและอยากเก็บเกี่ยวความสุข ความทรงจำทุกอย่าง ช่วงขณะที่อยู่เมืองไทยไว้ให้มากที่สุด น้าบอกว่า....รักเมืองไทยขึ้นอีกเยอะเลย...และเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีอารมณ์อ่อนไหวและเข้าใจคำว่า home sick ตอนนี้เอง บ้านเราดีที่สุด แผ่นดินไทยอบอุ่นที่สุด ประเทศไทยดีที่สุด คำเหล่านี้พรั่งพรูออกมาจากปากน้าทุกครั้งที่เราคุยกัน ประเทศเราอาจไม่ใช่ ประเทศที่รวยที่สุด ประเทศที่สงบที่สุด ประเทศที่สวยที่สุด ประเทศที่สะอาดที่สุด ประเทศที่ใหญ่ที่สุด ประเทศที่เจริญที่สุด แต่ก็เป็นที่สุดในหัวใจของพวกเรา ๒๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เป็นช่วงเวลาที่ได้กลับบ้านเกิด... ได้พบกับ ยาย พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา หลานๆ และ น้องเหมียว น้องหมา ทั้งหลาย การกลับบ้านหนนี้ เรากับน้าต่างมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ เพราะพวกเราไม่อยากไปเที่ยวที่ไหน อยากอยู่บ้าน และใช้เวลาอยู่กับทุกคนให้มากที่สุดโดยเฉพาะช่วงอาหารเย็น จะเป็นช่วงที่เจียวจ๊าวกันมาก แต่นี่แหละพวกเรา....ไม่ว่าจะกี่ปีก็ยังคงเหมือนเดิม...และขอให้เหมือนเดิมตลอดไป..... ช่วงเช้าเรากับน้าจะลงไปกินกาแฟพร้อมกับยายที่กำลังกินข้าวเช้าพอดี และน้าๆคนอื่นๆก็จะตามมาสมทบทีหลัง... และเช้าวันหนึ่งขณะที่พวกเรากำลังจิบกาแฟคุยกันอย่างสนุกสนาน...จู่จู่ยายก็ลุกขึ้นหลังจากที่ทานข้าวเสร็จและพูดว่า "เอ้อ.....ตามสบายนะ....ทานข้าวเสร็จก็ง่วงนอนอีกแล้ว..."แล้วก็คลานขึ้นเตียง ท่ามกลางสายตางุนงงของพวกเรา....(ก็ยายอ่ะ ยังไม่ได้ล้างมือเลยนะ...อิอิ) น้าสามกระซิบว่า นี่ยังดีนะ ถ้าเป็นพวกน้าเหรอ ยายจะปิดไฟ ปิดพัดลม มุดมุ้งหน้าตาเฉยเลยล่ะ พวกเราก็เลยเพิ่งรู้ตัวว่า...บางครั้งความอบอุ่นที่หนาแน่นเกินไปมันอาจจะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นได้....และ ยาย ก็คือปรอทที่เที่ยงตรงที่สุดที่พิสูจน์ได้ว่า....ฉันร้อน...อิอิ ดังนั้นเช้าวันต่อมา เรากับน้าก็จะนั่งจิบกาแฟกันเงียบๆพอยายอิ่มพวกเราก็จิบกาแฟหมดถ้วยพอดี เก็บจานชามไปล้างแล้วค่อยๆปลีกตัวออกมาอย่างเป็นอันรู้กัน หลังจากนั้นก็จะไปรวมตัวกันที่ลานกลางบ้าน ช่วงกลางวันก็จะไปกระจุกตัวกันอยู่ที่ร้านข้าวซอยของน้า1 ช่วงเย็นกลับมาบ้าน น้าสี่ที่เป็นเชฟอยู่ก็จะเป็นคนทำอาหารเย็นโดยมีแม่และ น้า 1 ทำอาหารมาแจมบ้างเล็กน้อย ช่วงเย็นเป็นช่วงจับเข่าคุยสัพเพเหระ ความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งของบ้านเกิดที่กลับไปคราวนี้ที่เห็นได้ชัดคือ บ่อนคาสิโน ทางฝั่งลาวที่นักธุรกิจจากมาเก๊าเป็นเจ้าของ...สุดยอดอลังการและอีกไม่นานก็คงจะเสร็จ....เห็นว่าจะทำ สนามกอล์ฟ โรงแรมและอื่นๆ.... มองจากฝั่งเราไปเห็นโดมสีทองยาวหลายกิโล เงินคงหนาจริงๆ คิดไปคิดมาพวกเราเริ่มจะตกอยู่ในวงล้อมของแหล่งอบายมุขเข้าไปทุกที เพราะฝั่งพม่าก็มี บ่อนคาสิโนที่ชื่อว่า "พาราไดซ์" เปิดมาก่อนหลายปีแล้ว และตรงสามเหลี่ยมทองคำก็มีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งหรืออาจจะหลายคนกำลังสร้าง บ่อนไก่ ที่ดูแล้วใหญ่ไม่ใช่เล่น อาจจะเสร็จเร็วๆนี้ อืม......เมืองเชียงแสน......เมืองโบราณ....ที่โอบล้อมด้วยกำแพงเมืองก่าแก่ และไม้สักที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นเพื่อปกป้องบ้านเมือง ทุกตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยวัดเก่าแก่โบราณ..... แต่วันนี้ นอกจากจะถูกโอบล้อมด้วยธุรกิจที่เป็นแหล่งอบายมุขแล้วยังมีภัยอีกอย่างที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป ท่าเรือที่เราติดต่อค้าขายกับประเทศจีน คนจีนมากหน้าหลายตาเริ่มเข้ามาเช่าอยู่ตามอาคารต่างๆที่ชาวท้องถิ่นดัดแปลงจากบ้านสมัยเก่ามาเป็นอาคารชุดเพื่อให้เช่า หลายคนแต่งงานกับนักธุรกิจชาวจีน....และชาวจีนเหล่านั้นก็มีเงินมากพอจะกว้านซื้อที่ดินรอบๆที่จะถูกธนาคารยึดมาครอบครองหลายไร่....สร้างบ้าน ร้านอาหาร คลังเก็บของ ที่ไม่ใช่ภาพคุ้นตาและภาพคุ้นเคยของชาวบ้านที่ยังคงวิถีชิวิตเดิมๆอีกต่อไป หน้าบ้านของพวกเราเมื่อก่อนก็เป็นที่ดินของน้องต่างมารดาของยาย เมื่อก่อนไม่มีรั้วเวลาจะเดินไปฝั่งแม่น้ำโขงก็จะเดินลัดผ่านบ้านกันได้เลย แต่หลายปีมานี้ที่ดินผืนนั้นได้ถูกขายไปให้นายทุนที่เห็นแก่ตัว ต้องการจะกว้านซื้อที่ดินของยายและติดต่อขอซื้อเรื่อยๆ เมื่อยายและพวกเราไม่ขาย...พวกเขาก็สร้างอาคารสองชั้นบังแม่น้ำโขง ที่พวกเราเคยมองเห็นแค่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน...สร้างอาคารชิดและเกือบจะเกยรั้วของพวกเรา.... พวกเราทำได้แค่ปลูกต้นไม้เยอะๆเพื่อบังไม่ให้ต้องเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น เวลาจะเดินเล่นลัดเลาะเลียบแม่น้ำโขงก็ต้องปั่นจักรยานหรือไม่ก็เดินอ้อมออกไป ไกลอีกหน่อย.....แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของพวกเราชาวเชียงแสนได้....แม้รอบข้างจะเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิดๆ แต่ก็มีชาวเชียงแสนอีกไม่น้อยที่รักแผ่นดินถิ่นเกิดและจะไม่ยอมขายแผ่นดินบรรพบุรุษกิน ไม่ยอมให้นักธุรกิจหน้าไหนมากว้านซื้อที่ดินของพวกเราได้ ตราบใดที่พวกเรายังมีลมหายใจอยู่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและเริ่มรู้แล้วว่า เงิน ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ชีวิตมีคุณค่า หากแต่การรักษาตอบแทนคุณแผ่นดินถิ่นเกิดต่างหากที่สำคัญ แม้ความเจริญจะมาเยือนถิ่นฐานของพวกเรา จนรู้สึกว่าตั้งรับไม่ทัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราจะคงไว้และสอนลูกหลานรุ่นต่อๆไปคือ......"สำนึกรักบ้านเกิด"
14 สิงหาคม 2552 13:07 น. - comment id 107228
ที่ 1
14 สิงหาคม 2552 13:10 น. - comment id 107229
ช่าย ช่วงนี้เปนข่วงที่ญาติๆในต่างแดนมาเยี่ยมเยอะ จนแบ่งเวลาไม่ทัน อิอิ เล่นมาทีพร้อมๆกันแยกร่างไม่ถูกเลย และในที่สุด ไม่ว่าเขาจะรักที่นี่แค่ไหน เขาก็กลับไปอยู่ดี เพราะอะไรหว่า อิอิ
14 สิงหาคม 2552 13:33 น. - comment id 107230
ยาแก้ปวด แต่ถ้าให้เลือก...ทุกคนก็จะเลือกอยู่บ้านเกิด แผ่นดินแม่ และไม่จากไปไหนแน่นอนร้อยปูเซ็งใช่ป่ะ...อิอิ เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า คนเราเลือกสถานที่เกิดไม่ได้แต่เลือกเรือนตายได้มั๊ย หลายคนที่ไม่ได้เกิดบนแผ่นดินไทย หากแต่เลือกที่จะตายบนแผ่นดินไทย ถ้าจะให้ดีหลายคนคงอยากจะให้บ้านเกิดและเรือนตายเป็นสถานที่เดียวกัน แต่ใครกันหนอจะกำหนด สบายดีมั๊ยจ๊ะ ยาแก้ปวด......ฝนไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนใครนะช่วงนี้...คงสิงสถิตย์อยู่แถวนี้แหละ...อิอิ
14 สิงหาคม 2552 15:01 น. - comment id 107233
อ่านเรื่องเล่าแล้วประทับใจค่ะคุณฝน เดให้ข้อย"คึดฮอดบ้าน" ขึ้นมาเลย คิดถึงสภาพวิถีชีวิตตอนอยู่ที่บ้าน เคยเดินเข้าป่ากับพี่ๆ เก็บใบตองกุงมา แล้วเอาไปใส่ดอกไม้ป่า ที่เกิดขึ้นแถวๆนั้น กลับมาบ้านให้แม่ แม่ยิ้มและบอกให้ไปล้างมือ เพราะใบตองกุง มันจะมีขนเล็กๆอยู่ กลัวว่าเราจะคัน ที่ปลายนา พ่อทำกระต๊อบเล็กๆ ไว้ให้ลูกๆไปนั่งเล่น แต่ตอนนี้ ไม่มีแล้ว ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ พวกนายทุนก็มากว้านซื้อ หากติดริมถนน เขาก็ทำเป็นรีสอร์ต ทั้งๆที่สถานที่เช่นนั้น ไม่น่าจะทำเลยค่ะ เนาะ ว่าไปก็ยิ่งทำให้หวงแหนแผ่นดินนี้ขึ้นมากๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆจ้า
14 สิงหาคม 2552 16:02 น. - comment id 107234
กลับบ้านก่อนนะป้า.. เดี๋ยวค่อยเข้ามาอ่านว่าเล่าอะไร
14 สิงหาคม 2552 16:32 น. - comment id 107235
เป็นเรื่องเล่าที่ใกล้ตัวมากๆเลย อบอุ่นในหมู่ญาติ บรรยากาศรอบๆตัว และจิตสำนึกรักบ้านเกิด เฌอเคยไปต่างแดนไม่กี่วันคิดถึงเมืองไทยมาก นั่งนับวันถอยหลังเลยนะ แระรู้ป่าว พี่เค้ากะหลานเค้าจะกลับมางานแต่งญาติเค้าด้วยแหละ เร็วๆนี้ พวกเราทุกคนตื่นเต้นกันมากๆเลย คิดถึงมาก พี่สาวก็บ่นคิดถึงเมืองไทย คิดถึงพี่น้องเสมอ ออนคุยกันบ้าง โทรทางไกลกันบ้าง แต่เรามีสำนึกรักบ้านเกิดเหมือนกันเนาะ จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ
14 สิงหาคม 2552 17:11 น. - comment id 107237
มาโม้ต่อ อิ พี่สาวเค้าก็มีครอบครัวอยู่ที่เมกา จะสบายยังไง เขาก็บ่นว่า สู้อยู่บ้านเราไม่ได้ เขาเลยไม่ยอมโอนสัญชาติ พี่จะทำอาหารไทย ก๋วยเตี๋ยวให้หลานๆกินบ่อยค่ะ เวลากลับมาทีจะให้ทำส้มตำแบบอีสาน ใส่ปลาร้า ปลานึ่ง พอกลับไปที พี่จะแอบเอาเมล็ดกระถินซุกไว้ในกระเป๋าเงินไปปลูกด้วย เห็นบอกว่าปลูดขึ้นด้วยนะตัวเอง ไปแระ
14 สิงหาคม 2552 17:42 น. - comment id 107238
***แก้วประภัสสร*** นั่นสิน๊อ....บรรยากาศริมแม่น้ำโขงก็เริ่มเปลี่ยนไป....จากที่เคยดูสงบก็กลับเป็นดูพลุกพล่านโดยเฉพาะเวลาที่เรือจีนมาเทียบท่าขนส่งสินค้า นักเดินทางที่มาเยือนเชียงแสนจากที่แต่ก่อนมีแต่นักท่องเที่ยวจริงๆ ต่อไปก็คงจะมีทั้งนักพนัน นักเสี่ยงโชค นักธุรกิจต่างถิ่นต่างเมืองเข้ามามากขึ้น...คิดๆแล้วมันน่าใจหายนะแบม ***ป้าอิอิ*** คิดถึงจังเลยป้า....สบายดีมั๊ย.... รักษาสุขภาพด้วยเน้อ ***เฌอมาลย์*** ใช่จ๊ะ...เวลาเล่าเรื่องใกล้ตัวนี่มันจะออกมาเองทั้งความรู้สึกนึกคิดและคำพูดที่ใช้บ่อยๆ ฝนยังไม่เคยไป ต.ป.ท เลยขนาดข้ามฝั่งไปลาวก็ยังไม่เคยเลยอ่ะ แต่เวลาคุยโทรศัพท์กับน้าจะสัมผัสได้ว่า น้าคิดถึงเมืองไทยขนาดไหน อาหารไทยที่นู่นก็รสชาติไม่ถูกปากเหมือนบ้านเราที่เป็นรสชาติดั้งเดิม... ตื่นเต้นแทนจังเลยอ่ะ เฌอ....งานมงคลและถือเป็นการรวมญาติที่อบอุ่นและน่าจดจำเนาะ ***แก้วประภัสสร*** โห....แสดงว่าพี่สาวแบมมือเย็นนะเนี่ย ปลูกอะไร ที่ไหน ก็ขึ้นหมดเลย...อิอิ ........................................ ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟังจ้า ไปก่อนน๊า รักษาสุขภาพกันด้วยเน้อ คิดถึงเสมอ
14 สิงหาคม 2552 18:07 น. - comment id 107239
อ่านแล้วอุ่นจังค่ะ บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไป เป็นทุกที่ทุกมุม ของบ้านเราแล้ว ภาคตะวันออกก็ถูกซื้อไปเยอะแล้วนะ คิดถึงคุณจัง
14 สิงหาคม 2552 18:27 น. - comment id 107242
.... อ้าว มาไม่ทันเจ้าของบ้านแฮะ... ก็เค้างานยุ่งอ่ะ คุณฝน อย่างอนน๊า อ่านแล้วแอบยิ้มคะ ขำตอนที่ยายไม่ล้างมือ แต่เตรียมตัวนอน อิอิ ไว้จะแว่บมาใหม่เนอะ ...........
14 สิงหาคม 2552 18:47 น. - comment id 107243
คุณน้องโคลอนไปต่างประเทศเหรอครับ ไปอีกเมื่อไหร่จะได้ฝากแจ่วบองใส่กล่องคอมไปให้กินจ้า
14 สิงหาคม 2552 18:47 น. - comment id 107244
คุณน้องโคลอนไปต่างประเทศเหรอครับ ไปอีกเมื่อไหร่จะได้ฝากแจ่วบองใส่กล่องคอมไปให้กินจ้า
14 สิงหาคม 2552 21:41 น. - comment id 107245
ถึงแม้ว่าประเทศเราจะไม่ได้รวยที่สุด แต่เชื่อมั๊ยคะว่า ไม่มีที่ไหนในโลก อบอุ่นและน่าอยู่เท่าประเทศไทยเลย จริง ๆ นะคะ
14 สิงหาคม 2552 21:41 น. - comment id 107246
ง่ะ... เพิ่งเข้าเนตมาจิ้ แถมง่วงอีกตะหาก พรุ่งนี้ถ้าปั่นงานเสร็จจะเข้ามาอ่านเจงๆ แระ มีงานสำคัญต้องไปประชุมกับฝรั่ง ลืมไปแระว่าพูดฝรั่งยังไง งิงิ
14 สิงหาคม 2552 23:01 น. - comment id 107248
16 สิงหาคม 2552 10:14 น. - comment id 107288
คิดถึงบ้าน..เนาะ ไม่มีที่แห่งไหน..จะสุขใจเท่าบ้านเรา สุขอย่าได้สร่าง ไมตรีจิตมิตรอักษร
16 สิงหาคม 2552 11:07 น. - comment id 107294
ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็สร้างความสุขแต่บางอย่างก็ทำให้ชีวิตเราต้องเปลี่ยนไปเป็นสุขบ้างทุกข์บ้าง....
16 สิงหาคม 2552 12:23 น. - comment id 107297
มี น้า 1 น้า 2 น้า 3 แล้วมีองค์ชาย 4 กับองค์ชาย 14 ด้วยป่ะ เปนตระกูลใหญ่จริงๆ นะ ขอน้า 5, 6, 7 คนไหน ก็ได้ สักคนได้ป่ะ สบายดีนะ
17 สิงหาคม 2552 10:42 น. - comment id 107312
อาทิตย์ที่แล้วที่บ้านก็รวมตัวกันแบบนี้ค่ะ เสียดายที่ไม่ได้ไปกับพี่ๆน้องๆด้วยค่ะ
17 สิงหาคม 2552 13:24 น. - comment id 107316
วันนี้ฝนตกค่ะ คิดถึงคนที่ชื่อฝนจัง ดีใจนะ ที่ได้เข้ามาแล้วเจอเรื่องสั้นของคุณฝน ความสำนึกรักบ้านเกิดของคุณฝนแรงจริงๆ ต้องอย่างนี้สิ ที่บ้านคุณตั๊กเหมือนกันค่ะ เมื่อก่อนถ้าหาก บรรพบุรุษยกที่ดินติดชายทะเลให้ใคร ความหมายคือคนนั้นไม่เป็นที่โปรดปราฯ แต่ถ้ายกที่ดินที่ทำสวนไร่นาได้ นั่นเท่ากับเป็นคนโปรด ปัจจุบันใครได้ที่ดินติดชายทะเล เป็นเศรษฐีไม่รู้ตัว สังคมเปลี่ยนไป
17 สิงหาคม 2552 13:25 น. - comment id 107317
จ๊ะอึ๊ยยยส์......... พิมพ์คำว่า โปรดปราน ออกมาเป็นโปรดปราฯ ให้มันได้อย่างนี้สิเรา
17 สิงหาคม 2552 17:28 น. - comment id 107320
ไม่มีที่ไหนอุ่นใจเท่าเมืองไทยที่เราเกิดค่ะ คุณโคลอน
18 สิงหาคม 2552 09:12 น. - comment id 107326
รักเมืองไทย แต่ก็อยากไปเที่ยวเมืองนอกบ้างค่ะ อยากเห็นสิ่งใหม่ๆบ้าง แต่เมืองไทยก็ยังไปไม่ครบเลยค่ะ
20 สิงหาคม 2552 16:23 น. - comment id 107362
***แมงกุ๊ดจี่*** ขอเพียงใจเรายังคงเดิมไม่เปลี่ยนตามกระแสที่พัดมา...รักษาตัวตนที่ดีเอาไว้นะคะ........ชอบจังเวลามีใครบอกว่า "คิดถึง" คำสั้นๆที่อุ่นเข้าไปถึงใจเลย คิดถึงแมงกุ๊ดจี่เสมอนะ... ***ฉางน้อย*** อิอิ...เห็นเราขี้งอนไปได้แฮะ 555นั่นสิ...เวลากินข้าวยายจะกินข้างเดียวนะ...อีกข้างเก็บไว้ทำพรื้อนิ...อิอิ แอบนินทายาย ***คนบนเกาะ*** อิอิ....ไป ต.จ.ว อ่ะค่ะ หาใช่ ต.ป.ท ไม่ สบายดีมั๊ยคะหายไปนานมากๆเลย ***ปรางทิพย์*** ใช่แล้วจ๊ะ..."รักเธอประเทศไทย" โย่ว์ๆ ***ป้าอิอิ*** มาแอบบ่นอีกแระอ่ะ ป้าฯ เดี๊ยะ...คิดค่าเช่าพื้นที่เลย... ปล.วิธีฟื้นฟามจำที่ดี ก็หาแควนฝรั่งเลยดิป้าฯ ***ลักษณ์*** ขอบคุณสำหรับดอกไม้ค่ะ... ปล.ยังคงตั้งกระทู้ที่เข้าใจยากอย่างต่อเนื่องเหมือนเคยน๊า...อิอิ.... ***คอนพูทน*** ใช่แล้วค่ะ ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเราอีกแล้ว สุขอย่าได้สร่าง ไมตรีจิตมิตรอักษร ***กุ้งหนามแดง*** นั่นสิน๊า...ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง....สัจธรรมจริงๆเลยเนอะ ***ไร้อันดับ*** น้ามี7คนค่ะ..ไม่มีใครโสดซักคน...อิอิ สบายดีค่ะ....ขอบคุณน๊า....นักสืบฯก็คงสบายดีเช่นกันนะคะ ***เพียงพลิ้ว*** เดี๋ยวก็มีอีกน่า....นะ ***มัสลิน*** คิดถึงจังค่ะ ทุกอย่างมักเปลี่ยนไปตามกาลเวลาขอเพียงใจเราหนักแน่นเป็นพอเนาะ ขอบคุณที่มานะคะ...ดีใจจัง ***มัสลิน21*** พิมพ์ผิดเป็นเรื่องธรรมชาติค่ะ...ไม่เชื่อถามฉางน้อยดูก็ได้...อิอิ ***ครูกระดาษทราย*** เมืองไทยดีที่สุดในใจของเราแล้วเนาะ ***ใจปลายทาง*** ไปเที่ยวต.ป.ท ก็คือกำไรชีวิตอย่างนึงเนาะ...เหมือนได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆที่ต่างออกไป....น่าสนุกดีเนาะ ........................................................ ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่มาเล่าสู่กันฟังด้วยกันนะคะ คิดถึงเสมอ
20 สิงหาคม 2552 23:19 น. - comment id 107379
20 สิงหาคม 2552 23:55 น. - comment id 107381
คุณโคลอน อยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไม่เคยเจอกันเลย ที่ดินบ้านเราตอนนี้ต่างชาติกำลังยึดครองทั้งแขก ทั้งจีน และพวกชาวดอยที่เพิ่งได้บัตรใหม่ พูดถึงบัตรชาวเขา ไม่รู้อะไรกันนักหนา คงได้เงินกันหลายล่ะ เห็นพวกกระเป๋าหนากันขึ้นมาเชียว งปค. ที่น่ากลัวก็คือชาวบ้านเห็นที่ดินมีราคาก็รีบขาย ชาวเขาได้เงินมายังไงไม่สน อีกหน่อยคงไร้ที่อยู่และ อนาคตก็คงต้องขึ้นไปถางไร่ หักร้างถางพงเป็นที่อยู่ที่ทำกินแทนชาวเขา และพวกนี้ก็...คงคิดทำเหมือนใต้ ตั้ง... อิอิ ติดขี้บ่นเหมือนบ้านโนน้เลย ปายดีก่า คุณฝนสบายดีไหมคะ
21 สิงหาคม 2552 13:01 น. - comment id 107393
24 สิงหาคม 2552 14:28 น. - comment id 107461
ดีจังเลย
24 สิงหาคม 2552 17:42 น. - comment id 107463
***ป้าอิอิ*** หน้าตาไม่ค่อยเสบยเลยนะเนี่ย....ไปประชุมกะฝรั่งวันนั้นเล่นเอาไม่อยากสปีคเลยเหรอ...อิอิ ***แจ้นเอง*** นั่นสิน๊อ...อยู่ใกล้กัน....เวลาจะกลับบ้านต้องขับรถผ่านแม่จันเสมอ....จำได้ว่าพอเข้าเขตแม่จันจะดีใจกันใหญ่ เพราะนั่นหมายถึงใกล้จะถึงบ้านพวกเราแล้ว...ห่างกัน30กว่ากิโลเองเนาะ อืม....ปัญหาคนต่างด้าวนี่เป็นปัญหาที่ค่อยๆฝังรากลึกจนยากจะขุดแล้วล่ะ...เพราะมีคนไทยรู้เห็นเป็นใจกับเขาก็เยอะ...เนอะ ยิ่งชาวบ้านเป็นหนี้ตั้งแต่สมัยกองทุนหมู่บ้านอ่ะ ติดธนาคารกันแทบยกหมู่บ้าน...พอนายทุนรู้เข้าที่ไหนถูกใจเล็งเห็นผลกำไรก็กว้านซื้อที่ดินกันเป็นว่าเล่นเลย...จนเดี๋ยวนี้คนท้องถิ่นดั้งเดิมเหลือน้อยเต็มที ถ้าชาวบ้านรู้จักพอเพียงไม่ไปกู้เงินเกินตัวตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องอยู่ในสภาพเหมือนปลาที่ติดอยู่ในแหที่นายทุนหรือนักการเมืองเอามาหว่านให้แบบนี้...คิดแล้วเศร้าจัง...เพราะเพื่อนบ้านของ ดคลอน กับ ยาย เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ญาติพี่น้องกันเหมือนแต่ก่อนแล้วแต่กลายเป็นคนต่างถิ่นและต่างชาติแทน.....ใจหายจัง....อยู่ในวงล้อมของคนไม่รู้จักทีละนิด.....ในแผ่นดินถิ่นเกิดของตัวเอง ตอนนี้เชียงแสนและสุวรรณโคมคำของประเทศลาว กำลังจับมือกันเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วแต่.... ปัญหาที่จะตามมาไม่อยากจะคิดเลยอ่ะ แจ้นเอง เพราะวัดเก่าแก่โบราณอยู่ติดกับชุมชน....อีกไม่นานจะมีการบูรณะครั้งใหญ่ ก็ต้องเวนคืนที่ดินให้ชาวบ้าน....ไม่อยากจะบอกเลยว่ากี่ร้อยกี่พันหลังที่ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น...และที่อื่นนั้นคือที่ไหน....แล้วถ้าชาวบ้านไม่ไปจะทำไง...เฮ้อ......แล้วเราเป็นใครเนี่ย.....บ่นเป็นป้าแก่ๆอยู่ได้....อิอิ..... http://www.esanclick.com/newses_art.php?No=13230 อันนี้ลิ้งค์ข่าวบ้านเราจ๊ะแจ้น ***ป้าอิอิ*** มานอนฟังฝนเล่าต่อเป็นคุ้งเป็นแคว...อิอิ...คิดถึงน๊า ***ชมรม*** ขอบคุณค่า... ปล.ทำไมต้องมาปลิ้นตาใส่เค้าด้วยเนี่ย อิอิ ............................................................................ ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่มาเยือนถึงเรือนชานนะคะ คิดถึงเสมอ
13 กันยายน 2552 15:01 น. - comment id 107985
จุดหมายปลายทางในหัวใจ ชัดเจนในทันทีที่มีเธออยู่ รู้เลยว่าฉัน เกิดมาเพื่อรักเธอ เพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งอื่นใด มันก็ไม่สำคัญ หากวันไหน เธอ มองเห็นหัวใจฉัน เธอจะรู้ว่ามันเกิดมาเพื่อรักเธอ ............................................................ เพลงนี้ใช่มั้ยที่บอกว่าเพราะ ไม่ได้มีจุดหมายปลายทางที่ไหนยังไงกับใครหรอก แค่อยากเขียนมาเล่าสู่กันฟัง(ตามชื่อเรื่อง) เผื่อมันจะมีจุดหมายปลายทางในหัวใจขึ้นมาบ้าง .. มาบ่นให้ฟังเฉยๆ ห้ามเก็บไปคิดต่อนะ เพราะเราก็หยุดความคิดไว้เท่านี้แหละ โคลอน
15 กันยายน 2552 10:40 น. - comment id 107986
^ ^ ^ ชงเอง ตบเองเรียบโร๊ย(ยังกะตระกร้อเนอะ...อิอิอิ)