เมื่อแม่ชีกลายเป็น...สุนัข
ลุงเอง
เมื่อแม่ชีกลายเป็น...สุนัข...???
จากคอลัมน์ "มองชีวิต" นิตยสารดิฉัน
ผู้เขียน - ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ
เมื่อแม่ชีกลายเป็น...สุนัข เรื่องจริงที่ชวนหดหู่และน่าเห็นใจ
เป็นเรื่องของแม่และลูกสาวคู่หนึ่ง แม่เคยเป็นคนสวย ทำงานเก่ง แต่งงานกับสามีที่รูปหล่อ แต่ขี้เกียจ ไม่รับผิดชอบ และเจ้าชู้
...แม่มีลูกกับสามีคนนี้คนหนึ่ง เป็นผู้หญิง...
แม่มีชีวิตที่ชอกช้ำซ้ำๆซากๆ จากการที่สามีไม่มีคุณภาพคนนี้ตลอดมา ต้องช้ำใจจากความเจ้าชู้มีเมียหลายคนของเขา เธอเคยตามหึงหวงอาละวาด ก็ไม่ทำให้สามีดีขึ้น
นอกจากนั้นสามียังทำให้ครอบครัวทุกข์ยากจากการใช้เงินโดยไม่ประมาณตน ฟุ่มเฟือยไปกับการเที่ยวเตร่และบำเรอผู้หญิงอื่น สามีไม่ช่วยหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่ทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญตลอดมา
...เธอสาปส่งชีวิตรันทดด้วยการขอหย่ากับสามี แยกเอาลูกออกมาเลี้ยงดูตามลำพัง...
เธอเริ่มต้นทำงานสร้างตัวเองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของลูกสาว เธอรักลูกมาก ให้การศึกษาอย่างดีในโรงเรียนที่ดีๆตลอดมา ลูกก็เป็นเด็กดี เรียนดี แถมเป็นคนสวยชนิดเตะตาหนุ่มๆ มีคนหมายปองมาจีบอยู่เสมอๆตั้งแต่เริ่มผลิเนื้อสาว
แม่มักจะห้ามลูก ไม่อยากให้ลูกมีแฟน โดยอ้างว่าแม่รักลูก แม่ทำให้ลูกได้หมดทุกอย่างทั้งการเงินและอนาคต แต่ไม่อยากให้ลูกแต่งงานหรือรักผู้ชาย เพราะจะต้องช้ำใจอย่างแม่ เธอพูดถึงความเลวร้ายของผู้ชายในรูปแบบต่างๆให้ลูกฟังอยู่เสมอ
"ทั้งขี้เกียจ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ มักมากในทางกาม เจ้าชู้ ไม่รับผิดชอบ เอาเปรียบผู้หญิง แล้วลูกจะไปรักเขาทำไม ไม่มีใครจริงใจหรอก เชื่อแม่เถอะ รักนวลสงวนตัวเอาไว้ เรียนหนังสือให้ดีๆ ขยันทำมาหากินช่วยตัวเองให้ได้ก็ดีแล้ว ลูกเอ๋ย อย่ามีเลยทั้งสามีหรือครอบครัว ไม่ดีทั้งนั้น" เธอพร่ำบอกลูกอย่างนี้ตลอดมา
ลูกสาวก็เชื่อแม่ อยู่ในโอวาทตลอดมาเช่นกัน แต่ก็ไม่วายมีหนุ่มๆมาเกาะแกะ นั่งคุย นั่งจีบ ซึ่งก็ถูกแม่ขัดขวางจนต้องร้างราไปทุกราย ลูกสาวเคยบอกแม่ว่า " ลูกจะเชื่อแม่ จะเป็นคนดีและจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง ทุกวันนี้รู้ว่าแม่เจ็บปวดกับชีวิตในอดีตและทำงานหนักเพื่อลก เพราะรักลูก ลูกก็จะรักแม่ตลอดไป"
เมื่อลูกสาวเรียนจบมหาวิทยาลัย มีงานทำ เหตุการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกด้าน คือมีคนมาจีบลกสาวมากขึ้น ลูกสาวก็พยายามหลีกหนี หรือปฏิเสธ แต่แม่ก็มักระแวงและคิดว่าลูกจะใจอ่อนรับรักชายหนุ่มคนใดคนหนึ่งแน่ๆในอนาคต แม่จึงหาทางป้องกันโดยปกป้องมากขึ้น พูดจากระแนะกระแหนให้ลูกเจ็บใจ และหว่านล้อมไม่ให้เปลี่ยนใจมากขึ้น รวมทั้งก้าวร้าวกับผู้ชายทุกคนที่มาตีสนิทกับลูก
ลูกสาวอดทนจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจบอกแม่ว่า "ลูก ขอไปบวชเป็นชีดีกว่า เพื่อแม่จะได้สบายใจว่าลูกจะไม่มีแฟน และผู้ชายจะได้ไม่ตามไปจีบ ถ้าบวชแล้วสบายใจดี ลูกจะขอบวชชีไปเรื่อยๆนะแม่"
แม่ก็ยินยอมและยินดี เพราะคิดว่าปลอดภัยดี ลูกสาวลาออกจากงานและไปบวชเป็นชีอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง เธอปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของศีลธรรมและข้อห้ามต่างๆได้ดี วางตัวได้เหมาะสม กิตติศัพท์ความงามของแม่ชีสาวคนนี้ก็ยังเลื่องลือออกไปไกล
หนุ่มๆที่เคยจีบหลายคนพยายามทำความสนิทสนมหาทางมาหา มาคุย นำของมาถวาย แล้วแต่จะพลิกแพลงหาโอกาสต่างๆเพื่อให้ได้ใกล้ชิด โดยหวังว่าวันหนึ่งเมื่อแม่ชีสึกออกไป เขาจะได้พิชิตใจสาวน้อยคนนี้ แม่ชีก็ปฏิบัติตนเหมาะสม ไม่วอกแวก อยู่ในศีลในธรรม เวลารับแขกก็สำรวมกิริยามารยาท และอยู่ในที่เหมาะสมตลอดมา
แม่รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ด้วยความโกรธ ไม่พอใจเรื่องที่มีคนตามมาจีบแม่ชี และไม่พอใจที่แม่ชียังพูดคุยกับชายหนุ่มเหล่านั้น เธออยากให้แม่ชีไล่ผู้ชายทุกคนออกไปจากวัด แต่แม่ชีก็ทำไม่ได้เพราะไม่สุภาพ เธอบอกแม่ว่าในใจไม่ได้คิดอะไรเชิงพิศวาสกับผู้ชายเหล่านั้นเลย แต่แม่ไม่เชื่อ
วันหนึ่งแม่มาเยี่ยมแม่ชีลูกสาวพร้อมของเยี่ยม พบชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุยอยู่กับแม่ชีที่ระเบียงกุฏิ เธอโกรธมาก กล่าวด่าทอชายหนุ่มคนนั้นและไล่เขาออกไป หาว่าเขาเป็นตัวมาร เลวทรามต่ำช้ามาก เท่านั้นยังไม่พอ แม่ยังหันมาด่าแม่ชีอีกว่า "เธอเองก็เลวมากเช่นกัน ทำตัวเหมือนหมาเดือนสิบสอง อยากมีคู่หรือไงถึงได้ร่านนัก"
ขาดคำที่แม่ด่า แม่ชีสะอึกสะอื้น ร้องไห้โฮใหญ่ ตัวสั่นเทิ้ม เธอส่งเสียงวี้ดดังลั่น ล้มตัวลงนอนราบ แล้วลุกขึ้นมาคลานสี่เท้าเหมือนสุนัข คลานเข้าหาแม่ พร้อมทั้งกัดแม่ตามแขนขา สลับด้วยเสียงเห่าเสียงหอนเหมือนหมาจริงๆ
ตอนแรกแม่นึกว่าลูกแกล้งทำ จึงเอ็ดว่ายิ่งขึ้น แต่ลูกสาวก็ไม่หยุด ยิ่งแสดงพฤติกรรมเป็นหมามากขึ้น สุดท้ายแม่รู้ว่าแม่ชีกลายเป็นหมาไปแล้ว เธอเสียใจมาก ร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่น่าเวทนา ทั้งสภาพของแม่และลูก
ผม(คุณหมอวิทยา) ได้เห็นสภาพจริงๆที่แม่ชีกลายเป็นหมา คลานสี่เท้า เห่าหอนแบบหมา เพราะแม่ได้ขอร้องคนในวัดช่วยกันจับส่งโรงพยาบาลจิตเวช เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยิ่งสมเพชและอนาถใจยิ่งขึ้น
คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างครับ ใครควรจะเป็นคนถูกเห็นใจ หรือถูกประณาม?
วิเคราะตามหลักจิตเวช
๑. แม่มีบาดแผลทางใจที่ได้จากสามีไม่ดีและนึกถึงบ่อยๆไม่เคยลืม จึงเกิดความแค้นใจและระแวงผู้ชาย เจ็บใจตลอดมา เกิดเป็นความก้าวร้าวและอคติกับผู้ชายทุกคน
๒. แม่ใช้บทบาทแสดงความรักที่แฝงด้วยความก้าวร้าว (PassiveAggressive) กับลูก ตอนแรกๆเพื่อให้ลูกเชื่อฟัง ไม่คบผู้ชาย โดยแสดงความรักลูก ห่วงลูกมากๆเพื่อคลุมความก้าวร้าวของตนเองเอาไว้
๓. ลูกกลายเป็นคนมีลักษณะสมยอม (Passive Dependent) เธอตามใจแม่ทุกอย่าง แม้แต่การตัดสินใจไปบวชชีเพื่อให้แม่สบายใจ
๔. เป็นเพราะแม่มีความคาดหวังในตัวลกสาวสูงมากว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายยาม บวชชี เมื่อเห็นลูกคุยกับผู้ชายจึงผิดหวังรุนแรง กลายเป็นความโกรธและความก้าวร้าวแบบระงับใจไม่ได้ (Explosive) จึงระเบิดคำด่าว่าที่เกินความเป็นจริง เพื่อยัดเยียดความผิดและต่ำต้อยให้ลูก เพื่อให้ตัวแม่รู้สึกมีค่ามากขึ้นที่ได้ยัดเยียดความผิดให้คนอื่นได้
๕. ลูกสาวแม้จะยอมตามแม่ทุกอย่าง แต่ก็มีความเครียดอยู่ในใจ และต้องการความรักความสนใจจากแม่มากเช่นเดียวกัน เมื่อเหตุการณ์ทวีความรุนแรง เกิดความขัดแย้งในใจชนิดแก้ไขปัญหาไม่ได้ เธอจึงใช้กลไกปรับตัวชนิด Conversion คือเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นคนธรรมดา หรือเป็นแม่ชีกลายเป็นหมาตามคำด่าว่าของแม่ เพื่อให้แม่สมใจ การกระทำเช่นนี้เป็นการถอยหลัง (Regression) ลงไปสู่โลกของความเป็นเด็ก และเป็นอยู่นาน
อาการของแม่ชีที่กลายสภาพเป็นหมา จึงเป็นลักษณะของคนเป็นโรคจิตชนิด Hysterical Psychosis ได้
๖. การรักษามีทั้งการใช้ยา ทำช็อตด้วยไฟฟ้า และทำจิตบำบัดเมื่อมีอาการดีขึ้น
๗. เรื่องนี้คนที่หัวใจสลาย ควรจะเป็นลูก หรือเป็นแม่
และใครควรจะเป็นคนถูกตำหนิ?
ที่มา http://deltadrive.exteen.com/20070117/entry
__________________
ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง (1โครินธ์13:4-7)
เมื่อมีคนยากจน ตายเพราะความหิวโหย มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพระเจ้าไม่ได้ดูแลพวกเขา
มันเกิดขึ้นเพราะทั้งคุณและฉัน ยังไม่แบ่งปันในสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นขาดแคลน