ฝนตกหนักทีเดียววันนี้ ฟ้ามืดครึ้มทั้งลมก็พัดซู่ สายลมที่หมุนวนฟูฟ่องอยู่ข้างนอกหอบเอาละอองฝนมาเยี่ยมเยียนสาดใส่ช่องหน้าต่าง แมกไม้เล็กใหญ่ที่รายล้อมอยู่รอบอพาธเม้นเฉพาะต้นสูงๆ ยอดมันโซเซไปมา ทำท่าเหมือนจะหักโค่นลงให้ได้เสียทีเดียว กลิ่นอายละอองฝนเช่นนี้เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นกลิ่นอดีต เนื้อตัวที่ถูกน้ำฝนเคลือบอาบโชกไปทั่วส่วน ความหนาวเย็นจากห่าฝน เสียงเม็ดฝนแต่ละเม็ดที่ตกกระทบใบไม้ยอดหญ้า พื้นถนน แผ่นหิน ผืนดิน ใบหน้าและแผ่่นหลัง ใช่! คำสัญญาของพ่อ มีคำสัญญากลางสายฝนที่ยังคงตกค้างมาจนทุกวันนี้ ผมจำได้แม่นยำทีเดียววันนั้น... ท่ามกลางฟ้ามืดครึ้มและสายฝนพรำกลางลำเนาไพรแห่งหมู่บ้านหกภู ผมนั่งยองๆ บรรจงใช้เล็บหัวแม่โป้งกรีดถุงต้นกล้ายางพาราออก เหลือไว้แต่เพียงดินเป็นแท่นทรงกระบอกตามรูปทรงของถุงเพาะ ผมค่อยๆหย่อนมันลงหลุมจากนั้นจึงโกยดินข้างๆปากหลุมกลบโดยไม่ลืมที่จะบี้ก้อนดินให้ละเอียดที่สุดเต็มเรี่ยวแรง เมื่อแหงนมองฟ้าก็ปะทะเข้ากับเม็ดฝนร่วงหล่นเข้าตา เป็นอันแน่ใจได้ว่ากว่าจะผ่านฤดูกาลนี้ไปต้นกล้าต้องเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ในภายหน้า พ่อหันมาทางผมด้วยสายตาอ่อนโยนพลางหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ ผมเหลียวมองรอบๆ ตัวเพื่อให้แน่ใจว่าทากดูดเลือดจะขยับเขยื้อนมาทางไหน เพราะเมื่อวานผมเจอมันที่คอหนึ่งตัว ที่เอวหนึ่งตัวและที่ง่ามนิ้วเท้าอีกสองตัว ถึงแม้ตัวมันจะเล็กเท่าก้านไม้ขีด แต่เมื่อมันได้ดูดกินเลือดจนอิ่มอวบไปแล้วตัวมันจะมีขนาดเกือบเท่านิ้วก้อยเลยทีเดียว สายฝนเช่นนี้เป็นโอกาสที่พวกมันรอคอยกันนัก "เดี๋ยวเปิดเทอมพ่่อจะซื้อรองเท้้านักเรียนใหม่ให้สักคู่" เป็นน้ำเสียงนุ่มๆที่ผมคุ้นเคยกับสายตาอ่อนโยนแฝงความกร้านแดด ลม ฝน อยู่ในนั้น "จริงๆนะ พ่อต้องซื้อให้จริงๆนะ" ความลิงโลดดีใจทำให้ผมอดที่จะทักท้วงขึ้นอย่างทันควันไม่ได้ "อืม...เดี๋ยวขายกล้วยคราวหน้าพ่อจะซื้อให้" ผมอมยิ้มอยู่ในใจ แต่ก็ล้นออกใบหน้ามาจนได้ เมื่อนึกถึงรองเท้านักเรียนสีแดงอมโคลนใหม่เอี่ยม พลันได้กลิ่นยางใหม่ๆ ตอนแกะกล่องของมันขึ้นมาในทันที และแน่ใจเป็นที่สุดว่าเพื่่อนๆ ที่เดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกเช้าต้องมองเป็นตาเดียวกันอย่างแน่นอน ‘พวกนั้นคงต้องซักกันกันจ้าละหวั่น’ ผมคิดในใจเมื่อนึกถึงรองเท้าคู่ใหม่ พลันพ่อก็ลุกขึ้นเดินนำหน้าไปหยุดอยู่ห่างจากผมประมาณสี่วาในแนวเดียวกันแล้วก้มลงใช้้จอบขุดดินบริเวณนั้นให้เป็นหลุมทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสประมาณ 30 เซนติเมตรลึกครึ่งศอก แล้วผมก็ลุกตามไป เนื่องจากเสียงฟ้าร้องทำให้ผมคำนึงได้ว่าไม่ควรอยู่ห่างพ่อให้มากนัก แม้จะเป็นเวลาประมาณบ่ายสองกว่าๆ แต่ก็คล้ายเวลาโพล้เพล้ เนื่องจากเป็นฤดูฝนในดินแดนที่ถูกทะเลขนาบทั้งสองข้าง กอรปกับความดิบชื้นและอุดมสมบูรณ์ของผืนป่ายังผลให้บรรยากาศยิ่งมืดครึ้มวังเวงเป็นทวี อันที่จริงในช่วงเวลาเช่นนี้หากไม่มีฝนตกมักจะได้ยินเสียงเก้งหรือฟานร้อง ผาด! ผาด! ดังก้องมาจากหุบเขา หลายครั้งที่มันแอบมาเล็มยอดต้นกล้ายางพาราของเรา บางทีก็งาบไปครึ่งต้นจนกล้านั้นไม่สมบูรณ์ทำให้พ่อต้องเอาต้นกล้ายางพารามาซ่อมใหม่ ผมเคยเห็นหลายครั้งลักษณะมันคล้ายลูกวัวแต่หางสั้นเหมือนกวาง พ่อเคยบอกว่ามันโตแล้วและจะไม่โตไปกว่านี้ ส่วนพวกเม่นนั้นต่างออกไป เม่นจะกัดกินบริเวณโคนของต้นกล้า โดยเฉพาะต้นกล้ามังคุดนั้นเคยมีปัญหานี้มาแล้ว และมันก็นำไปสู่ต้นเหตุแห่งความบาดหมางใจกับเพื่อนบ้านได้อย่างน่าชมเชย เหตุเริ่มจากเจ้าเม่นพวกนี้ไปกัดกินโคนต้นมังคุดของเพื่อนบ้านที่มีเขตแดนติดกัน มันดันเลาะซะหมดเปลือก เหลือไว้เพียงแก่นต้น เมื่อไม่มีเปลือกส่งน้ำเลี้ยง ต้นมังคุดนั่นก็มีอันต้องดับเดี้ยงลงไปตามยถากรรม จึงเป็นการเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็นว่าถูกกลั่นแกล้ง ถ้าไม่มีการอธิบายกันให้เข้าใจในเรื่องนี้ พวกคนเมืองมาซื้อที่ใหม่อย่างพวกเขาย่อมกระจ่างแจ้งไปได้ยากเย็นตามสมควร พวกเราได้เพียงหวังให้เขาเข้าใจในเร็ววัน เม่นมันคงย้ายฝูงไปหาที่อยู่ที่กินแห่งใหม่เพราะถิ่นเดิมของมันถูกรุกราน และภายในป่าลึกนั้นเม่นนอกเผ่าอย่างพวกมันอาจถูกฝูงเม่นเจ้าถิ่นต่อสู้และขับไล่ อย่างไรก็ดีไม่มีใครรับประกันได้แน่ชัดว่าการเลาะเปลือกต้นมังคุดของเจ้าเม่นพวกนี้มีเหตุผลอันใด แดนดินถิ่นนี้ช่างเงียบสงัดนัก เมื่อมองไปทางซ้าย ขวา หน้า หลัง หรือจะเฉียงไปทางไหนก็มีแต่ภูเขาและผืนป่าขจี รกทึบ คงด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้ได้ชื่อว่า "หกภู" ยามที่ได้ยืนอยู่บนยอดภู ผมชอบตะโกนเสียงออกไปดังๆ แล้วนิ่งฟังความกังวานยาวไกลของมัน ขณะที่เสียงแหวกอากาศไปสู่เวหาด้านล่างนั้นมันได้ซอกซอนไปทุกที่ และผมคือเสียงนั้น ผมกำลังเหินเวหาไปสู่ทุกที่อย่างรวดเร็ว ลมที่โต้มาปะทะเข้ากับใบหน้าและร่างกาย ท่ามกลางความสูงในระดับยอดเขานั้นยังให้ผมอกสะท้านและอิ่มเอิบเป็นยิ่งนัก แต่ในยามหลับช่างตื่นตาตื่นใจกว่านี้หลายเท่า จริงอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้จะถูกฝนกระหน่ำไม่เลือกฤดูกาล แต่ทว่าฝนก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะความสมดุลของดิน ฝน และแดดได้ก่อให้เกิดปุยหมอกสีขาวละมุนในยามเช้า มันโอบคลุมภูเขาลูกใหญ่สีเขียวครึ้มไว้หนาแน่นเสียจนมองไม่เห็นตีนเขา คงเหลือไว้แต่ส่วนยอดของมันที่แทงทะลุปุยหมอกหนาทึบโผล่ขึ้นมาเรียงรายลดหลั่นกันไปสุดลูกหูลูกตา ประหนึ่งว่าเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นั่นทีเดียว และแล้วเมื่อหมอกควันเหล่านั้นถูกลมเอื่อยๆ ผสานแสงแดดบางเบาที่ยิ่งทวีความแรงกล้าเข้ามาเบียดเสียดแทนที่ในยามสายจนมันเจือจางหายไป ฉับพลันก็ปรากฏให้เห็นเห็ดโคนขาวโพลนไปทั่วผืนดิน มันจะงอกขึ้นมาตรงที่ที่เคยงอกทุกๆ ปี กลิ่นหอมของเห็ดโคนระคนกับกลิ่นไอดินกระจายไปทั่วบริเวณในทันทีที่มันโผล่พ้นผืนดินขึ้นมา แน่ล่ะ! รสชาดที่หวานหอมและเอร็ดอร่อยของมันย่อมเป็นที่โปรดปรานต่อหลากชีวิต ทั้งแมลงปีกแข็งตัวเล็กตัวน้อย สัตว์ป่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเราพี่น้อง สังเกตได้จากทุกครั้งที่แม่ปรุงเห็ดโคนเป็นอาหาร ไม่ว่าจะผัดน้ำมันพืช แกงเลียงหรือผัดเผ็ด กระทั่งต้มยำ พวกเราพี่น้องย่อมเห็นแก่ฝีมือแม่จึงช่วยกันสงเคราะห์จนหมดหม้อทุกคราไป เมื่อช่วงเวลาผ่านพ้นมาพอสมควรผมเคยลองถามพ่อ เกี่ยวกับคำสัญญากลางสายฝน พลางหวังไว้ลึกๆ ถึงรองเท้าคู่ใหม่ "เดี๋ยวให้น้องหายป่วยก่อนนะ พ่อต้องเก็บเงินไว้ซื้อยาให้น้อง" คำตอบนั้นไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำผมปักใจลงไปได้ว่าผมจะได้รองเท้าคู่ใหม่หรือไม่อย่างไร ‘น้องกำลังไม่สบาย โอกาสคงไม่ง่ายนัก ต้องขายกล้วยก่อนอีก นอกนั้นคงไม่มีรายได้อื่นมาเสริมให้มากพอที่จะซื้อรองเท้านักเรียนคู่ใหม่ได้อยู่ดี ยางพาราน่ะหรือ? ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดปีกว่าที่ต้นมันจะโตพอกรีดเอาน้ำยางได้ แต่นี่เพิ่งจะเอาลงหลุมเมื่อวานซืนเท่านั้นเอง’ ผมคิดคำนึงถึงวันที่เราตัดกล้วยน้ำว้าจากในไร่ซึ่งอยู่บนเขาสูงชันเพื่อไปขาย จำได้ว่าในวันที่ฝนตกผมเคยกลิ้งลงจากเขาหลายตลบ ส่วนกล้วยที่แบกมานั้นมันกลิ้งแซงผมลงเหวไปเป็นที่เรียบร้อยน่ารักทีเดียว เราช่วยกันขนกล้วยมาที่บ้าน จากนั้นก็ตัดเป็นหวีๆ เรียงกันจนได้ระเบียบและต้องใส่คานหาบหน้าหลังให้หมดภายในเที่ยวเดียว พ่อเป็นคนหาบไปถึงถนนดำหน้าหมู่บ้าน ผ่านเนินควนสูงและลำคลองเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เราต่างดีใจเมื่อพ่อกลับมา เพราะที่ปลายไม้คานหาบด้านหลังนั้นมีขนมห้อยอยู่ทุกครั้ง เมื่อมาถึงพ่อนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นขนุนหน้าบ้าน พลางหยิบรองเท้าบู๊ทคู่กายของแกเคาะลงกับพื้นดินดัง กึก! กึก! เพื่อเททรายที่ติดค้างอยู่ข้างในออก ขณะนั้นเองที่ผมเพิ่งสังเกตเห็น บริเวณพื้นรองเท้าบู๊ทยางคู่นั้นมันขาดจนอ้าออกคล้ายปากพวกเราตอนเล่นอ้าปากรับน้ำฝน แต่ทว่า... 'รองเท้าคู่นี้มันขาดมานานแล้วนี่?' หลายเดือนก่อนผมเคยใส่มันไปเก็บหมากสุกที่หล่นอยู่โคนต้นริม เขตแดนยังถูกหน่อหญ้าคาตำเท้าเสียปวดไปหลายวัน จนผมต้องใช้วิธีจิกหัวแม่เท้าคุดคู้เพื่อเวลาเดินมันจะกดพื้นรองเท้าให้ไม่อ้ามากนัก 'หรือเป็นคู่ใหม่ที่เผอิญขาดบริเวณเดียวกัน?' ...นั่นยิ่งไม่ใช่ไปอีก เพราะจำได้ว่าผมเคยเอามีดเหลาดินสอมาขูดรูปตราดอกดาวเรืองสีเหลืองๆ นั่นจนตราหายไปข้างหนึ่ง อันที่จริงมันจะต้องหายไปทั้งสองข้างถ้าขณะนั้นไม่มีเสียงแม่ตะโกนมาดังๆ ว่า "อย่าเอามีดไปกรีดรองเท้าพ่อนะ!...ถ้ามันขาดมากกว่านี้เดี๋ยวพ่อก็ได้เดินเท้าเปล่าหรอก" นั่นเป็นผลทำให้ตราดอกดาวเรืองยังคงเหลืออยู่ข้างหนึ่ง ซึ่งเมื่อสำรวจดูก็เป็นข้างขวาที่มีตราเหลืออยู่ ส่วนข้างซ้ายนั้นไม่มีตราอะไรเลยสีมันดำสนิททั้งข้าง มิหนำซ้ำยังเก่ามากขึ้นกว่าวันก่อนหลายเท่านัก 'ทำไมพ่อไม่ยอมเปลี่ยนรองเท้าใหม่เสียที...' ผ่านไปชั่วครู่ขณะใกล้ค่ำเต็มที เสียงน้องก็ร้องดังเจื้อยแจ้วขึ้น แม่กำลังหั่นหัวหอมและฉีกดอกดาวเรืองผสมเข้ากับยาเขียวที่ละลายในน้ำร้อนปนเมล็ดข้าวสารไว้แล้ว ผมเคยกินยาขนานนี้มาหลายครั้งหลายครายามที่ไม่สบาย หลังจากนั้นไม่เคยเกินสามวันอาการก็ดีขึ้นจนหายป่วย และตอนนี้น้องผมก็ต้องกินมันเหมือนกัน แม่คงมีความหวังที่จะให้มันได้ผลกับน้องภายในไม่เกินสามวันเช่นกัน เนื่องจากว่าสถานีอนามัยนั้นตั้งอยู่ห่างจากปากทางถนนดำราวเจ็ดกิโลเมตร รวมกับระยะทางจากบ้านอีกก็เกือบสิบกิโลเมตร ส่วนพ่อออกไปหาปลีกล้วยมาต้มจิ้มน้ำพริก และตัดหยวกกล้วยเถื่อนเพื่อนำมาแกงกะทิกับเนื้อหมูซึ่งนานๆ จะได้กินเนื้อหมูสดจากตลาดที่ไม่ใช่หมูหมักเค็มเป็นส่วนประกอบของมื้ออาหาร แน่นอนว่าแกสวมรองเท้าบู๊ทปากอ้าคู่นั้นออกไป ผมนิ่งสงบอยู่หน้าชานเรือนกับความสำนึกของตัวเอง มีรองเท้าใหม่สองคู่ระหว่าง รองเท้าบู๊ท กับรองเท้านักเรียนกำลังล่องลอยอยู่ในหัวผม ความคิดที่สับสนในตอนนี้ทำให้ผมไม่สามารถที่จะเลือกข้อไหนได้เลย แต่สำหรับพ่อ เมื่อหวนนึกถึงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่า พ่อได้เลือกคำตอบเอาไว้แล้วเพียงแต่ยังไม่ได้ตอบมัน พ่อไม่ได้เลือกข้อแรก แกรีรอที่จะเลือกข้อที่สอง หลายอย่างทำให้พ่อต้องรอมาจนหลายเดือน และคำตอบนั้นทำให้แกไม่มีรองเท้าบู๊ทคู่ใหม่เสียที "พ่อ"... ผมพยายามเอ่ยคำคำนี้ออกมา ไม่สำเร็จ มันออกมาจากช่องท้องผ่านทรวงอกขึ้นไป แต่มันมากระจุกแน่นอยู่ตรงโคนลำคอ ถึงจะกลืนน้ำลายไปหลายอึก แต่มันก็ไม่ได้กลับลงไปที่เดิม และไม่ได้ออกมาเช่นกัน ลมหายใจถูกบีบจนตีบตัน มันคับแค้นอัดแน่นยิ่งนัก และแล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตาที่สุกใส มันออกมาแทนคำนั้น เสียงสะอื้นอันแผ่วเบาตามมาอีกไม่นานนัก มโนภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าในขณะนี้ คือภูเขาอันตระหง่านเงียบขรึมแห่งหมู่บ้านหกภู เป็นภูเขาที่คอยแต่ซึมซับเสียงฟ้าร้อง สายลมแรง สายฝนพรำ และเปลวแดดที่แผดจ้า จนถึงความร้อนหนาวที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงเรื่อยไปไม่เคยมีวันหยุดหย่อน จากวันนั้นมาผมไม่แน่ใจว่าได้บอกกับพ่อเรื่องเคล็ดลับการจิกหัวแม่เท้าเพื่อป้องกันมิให้หน่อหญ้าคาตำเท้าหรือไม่ แต่ที่แน่ใจคือผมไม่เคยถามพ่อเรื่องรองเท้าคู่ใหม่อีกเลยจนเดี๋ยวนี้ ท่ามกลางฟ้ามืดครึ้มและสายฝนพรำนอกหน้าต่างห้องหนึ่งในเมืองใหญ่ ผมนั่งมองรองเท้าริมประตูทั้งเก่าใหม่หลายคู่่ ขณะที่ข่าวพยากรณ์อากาศในทีวีระบุว่าในระยะนี้อาจมีฝนตกติดต่อกันอีก 2-3วัน เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนจากทะเลจีนใต้ ผมปิดหน้าต่างแล้วลุกไปเสียบกระติกน้ำร้อน เอื้องคำ
10 เมษายน 2552 14:48 น. - comment id 104560
พ่อไม่ได้ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับลูก แต่พ่อกำลังบอกอะไรหลายๆอย่างด้วยตัวลูกเอง รองเท้าที่อ้า ทำให้คุณมองลึกเข้าไปและเข้าใจในสิ่งที่ได้เห็นได้ดี อ่านแล้วประทับใจค่ะ ทากดูดเลือด เมื่ออิ่มก็ปล่อย..แต่นั่นบ่งบอกถึงที่ตรงนั้นยังอุดมสมบูรณ์อยู่ค่ะ เห็ดโคนขาว คืออาหารอันโอชะ ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ ที่ประทับใจค่ะ
10 เมษายน 2552 15:05 น. - comment id 104561
...คุณแบม พ่อคือวีรบุรุษของผมครับ หลายสิ่งที่ผมได้จากพ่อ พ่อเหมือนภูผาตระหง่าน แข้มแข็งและอดทนครับ ...ผมเคยบอกท่านไปแบบนี้ (แต่ส่งข้อความไปบอกนะครับ) ผมถามแม่ว่าพ่ออ่านแล้วเป็นไงบ้าง แม่บอกว่าพ่อก็นั่งอมยิ้มน่ะสิ อิอิอิ จะกลับใต้ไปเยี่ยมพ่อแล้วล่ะครับ วันพรุ่งนี้ ขอบคุณ คุณแบม(กัลยาณมิตร)ที่อุตส่าสละเวลามาอ่านเรื่องเพ้อพร่ำของผมครับ
10 เมษายน 2552 16:01 น. - comment id 104563
กลับบ้านคราวนี้ อาจจะมีเกิบใหม่รอท่านอยู่.. ขอให้เดินทางกลับบ้าน ด้วยความปลอดภัยนะคะ
10 เมษายน 2552 17:32 น. - comment id 104566
......เขียนเก่งจังค่ะ น่าอ่าน น่าติดตาม แต่ว่า น่าจะเว้นวรรคอีกสักนิดนะคะ ยัยฉางน้อยต้องเพ่ง จนตาตี่หมดแระ อิอิ อ่ะ ล้อเล่ง
10 เมษายน 2552 19:50 น. - comment id 104569
...คุณครูพิม สวัสดีครับคุณครูพิม หวังว่าคงสบายดีนะครับ อืม...กลับบ้านคราวนี้พ่อไม่อยากได้รองเท้าใหม่แล้วล่ะครับ คงอยากได้จานรับสัญญาณดาวเทียมเอาไว้ดูมวยมากกว่าครับ บ้านอยู่หลังเขาน่ะครับ มีแต่ลูกน้ำในจอทีวี นี่ขนาดเอาปลาหางนกยูงใส่ไปหลายตัวแล้วนะครับยังไม่ดีขึ้น แหะๆ ขอบคุณมากมายสำหรับคำอวยพร คุณครูล่ะครับไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไหน ขอให้มีความสุขในวันสงกรานต์ครับ
10 เมษายน 2552 20:03 น. - comment id 104570
...คุณฉางน้อย อืม...ครบเครื่องเลยนะครับ ทั้งชมทั้งติ 555 แหะๆ ก็ไม่ได้เก่งหรอกครับ ฝีมือยังต้องอาศัยการฝึกปรืออีกมากครับ แหม...(ตัวกลมอีกแระ ยิ้มแป้นด้วย) ต้องขอคำแนะนำจากฉางน้อยด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆ ครับเรื่องเว้นวรรค พอดีเขียนไว้ในโปรแกรม เพจเมคเกอร์ พอเอามาวางในเวปมันก็ออกมาคนละจังหวัดเลยครับ หายปวดตายังครับ เอายาหยอดตาซะด้วยล่ะ (หวังเหวิดแล้วเล่านิ) ขอบคุณอย่างแรงเลยครับที่แวะมา
17 เมษายน 2552 18:06 น. - comment id 104672
หวัดดีจ๊ะเอื้องคำ ชื่อน่าจะอยู่ทางเหนือนะ แวะเข้ามาเพราะชื่อเรื่อง(พ่อกะแม่เสียแล้วทั้งคู่) ชอบที่จะอ่านเรื่องที่ลูกเขียนถึงพ่อ กะแม่ค่ะ แล้วก็เลยหยุดไม่ได้ เขียนได้ดีมากและเรียกอารมณ์ให้อินไปกับเนื้อเรื่อง คนเขียนคงเป็นลูกที่ดีด้วย วิธีบอกรักพ่อ แม่ที่ดีที่สุดคือการโอบกอดและถ่ายทอดความรู้สึกผ่านการโอบกอดนั้น ถ้ามีโอกาสลองดูนะคะ ลองเข้าไปแก้ไขแถบดำๆออกนะคะจะทำให้เรื่องสั้นน่าอ่านขึ้นเยอะ จะรออ่านผลงานนะคะ
18 เมษายน 2552 14:40 น. - comment id 104680
...คุณแจ้นเอง สวัสดีครับคุณแจ้นเอง ยินดีมากครับที่อุตส่าแวะมา และอดทนอ่านจนจบครับ ขอแสดงความเสียใจเรื่องพ่อกับแม่คุณแจ้นด้วยครับ พ่อกับแม่คุณแจ้นเองคงภูมิใจในลูกสาวคนนี้มากนะครับ ขอบคุณมากครับสำหรับคำชม ก็เขียนไปตามประสาคนอ่อนไหวน่ะครับพอดีกับว่าฟ้าฝนเป็นใจบวกกับความคิดถึงบ้าน ส่วนเรื่องการเป็นลูกที่ดีนั้น ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ ว่าตนเองจะจัดไว้ในประเภทนั้นได้ครับ ผมไม่ค่อยได้กอดพ่อกับแม่เท่าไหร่หรอกครับ มันเขินน่ะครับ ผมบวชเรียนไปเกือบสิบปีน่ะครับ มีช่วงที่เพิ่งสึกออกมาใหม่ๆ ผมลืมตัว เดินเลี่ยงผู้หญิงห่างเป็นวาเลยครับ 555 ลืมตัวไปน่ะครับ (นึกแล้วยังขำไม่หาย) อ่อ...ผมเคยกอดแม่ครั้งนึงครับ ตอนที่จับฉลากได้ใบดำครับ ดีใจมาก หอมแก้มด้วยครับ 555 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ เอาเป็นว่าผมจะกอดแม่กับพ่อให้มากขึ้นนะครับ สัญญาก็ได้ *---* และถ้ามีเวลาผมจะไปแก้แถบดำใหม่นะครับ ขอบคุณที่ติดตามผลงานครับ