คาลิล ยิบราน เขียนกิติมา อมรทัต แปลและเรียบเรียง
ในความสงัดแห่งรัตติกาล ความตายได้ลงมาจากพระผู้เป็นเจ้ามาสู่เมืองซึ่งกำลังหลับและนั่งลงบนหอคอย
ที่สูงที่สุดในเมืองนั้น มันมองทะลุกำแพงบ้านต่างๆ ด้วยนัยน์ตาอันสุกใสของมันและมองเห็นดวงวิญญาณกำลัง
ร่อนไปบนปีกแห่งความฝัน และร่างกายหลับไหลอยู่ในบ้านเหล่านั้น
และเมื่อดวงจันทร์จางแสงลงยามใกล้รุ่งและเมืองถูกปกคลุมด้วยม่านอันงดงาม ความตายก็เดินด้วยฝีเท้า
อันแผ่วเบาไปท่ามกลางที่อยู่อาศัยเหล่านั้นจนกระทั่งมาถึงคฤหาสน์ของเศรษฐี มันก้าวเข้าไปข้างในโดยไม่มี
ใครหยุดยั้งมันได้ มันยืนอยู่ข้างเตียงแล้วแตะเปลือกตาของผู้หลับอยู่ เศรษฐีตื่นขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเขามองเห็น
ภูติแห่งความตายยืนอยู่ต่อหน้าเขา เขาก็ร้องออกมาด้วยเสียงที่ระคนด้วยความกลัวและความโกรธ
"จงออกไปเสียจากข้า เจ้าความฝันที่น่ากลัว ไปให้พ้นนะเจ้าผีที่ชั่วร้ายเจ้าเข้ามาได้อย่างไร ไอ้ขโมย
เจ้าต้องการอะไร ไอ้ผู้ร้าย จงไปเสียให้พ้นเพราะข้าคือนายของบ้านนี้ ออกไปเสียเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะเรียก
ทาสและคนยามของข้ามาฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ"
ความตายเข้าไปใกล้แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดังเหมือนฟ้าฝ่า "ข้าคือความตาย จงรู้ไว้และทำตัวให้อ่อนน้อม"
เศรษฐีมีอำนาจผู้นั้นถามว่า "เจ้าต้องการอะไรจากข้า? เจ้ามาหาอะไร? เจ้ามาทำไมในเมื่องานของข้ายัง
ไม่เสร็จสิ้น? เจ้าต้องการอะไรจากผู้มีอำนาจเยี่ยงข้านี้? จงไปหาคนเจ็บซิ ออกไปให้พ้น อย่ามาให้ข้าเห็นเล็บ
อันคมและขมวดผมซึ่งห้อยอยู่เหมือนกับขดงูของเจ้าเลย ไปให้พ้นนะเพราะข้าขยะแขยงต่อภาพปีกอันน่า
เกลียดกลัวและร่างน่ารังเกียจของเจ้านัก" แต่หลังจากเงียบไปด้วยความอึดอัดครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นอีกว่า
"เปล่า เปล่าดอก ความตายผู้เมตตา โปรดอย่าสนใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดเลย เพราะความกลัวทำให้ข้าพเจ้า
กล่าวในสิ่งที่หัวใจของข้าพเจ้าห้าม จงรับเอาทองคำจากข้าพเจ้าหรือวิญญาณของทาสสักคนหนึ่งไปและปล่อย
ข้าพเจ้าไว้เถิด ข้าพเจ้ายังต้องคิดบัญชีกับชีวิตซึ่งยังไม่สัมฤทธิผล อีกทั้งบัญชีทรัพย์สินซึ่งคนทั้งหลายยังไม่ได้
รวบรวมมาให้ ข้าพเจ้ามีเรือเดินทะเลซึ่งยังมาไม่ถึงฝั่งและผลิตผลจากแผ่นดินซึ่งยังมิได้เก็บเกี่ยว ขอท่านจงรับ
เอาสิ่งที่ท่านต้องประสงค์และไปเสียเถิด ข้าพเจ้ามีนางบำเรอที่งดงามเหมือนดังอรุณรุ่งให้ท่านเลือก
โอ้ความตายจงฟังต่อสักนิดเถิด ข้าพเจ้ามีบุตรชายคนเดียวซึ่งข้าพเจ้ารักเหมือนแก้วตา ท่านจะเอาเขาไปด้วย
ก็ได้ แต่จงปล่อยข้าพเจ้าเถิด"
แล้วความตายก็เอามือวางลงบนปากของทาสแห่งโลกีย์ชีวิตผู้นี้ แล้วหยิบเอาแก่นชีวิตของเขาส่งไป
ในอากาศ
ความตายเดินต่อไปยังถิ่นของคนจนจนกระทั่งมาถึงที่อยู่อันซอมซ่อหลังหนึ่ง มันเข้าไปข้างใน ไปยืนอยู่
ข้างเตียงซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนอยู่ หลังจากจ้องมองดูสีหน้าอันสงบของเขาแล้ว มันก็แตะเปลือกตา
ของเขาและชายหนุ่มก็ตื่นขึ้น และเมื่อเขามองเห็นความตายยืนอยู่เหนือเขา เขาก็คุกเข่าลงพลางยื่นมือ
ออกไปหา ด้วยเสียงอันเต็มไปด้วยความใฝ่ฝันถึง และความรักจากดวงจิต เขาได้พูดขึ้นว่า
"ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว โอ้ความตายผู้งดงาม จงรับเอาดวงวิญญาณของข้าพเจ้าไปเถิด โอ้ความเป็นจริง
ของความฝันและเนื้อหาแห่งความหวังของข้าฯ จงโอบข้าฯ ไว้เถิด ที่รักแห่งดวงวิญญาณของข้าฯ เพราะท่านนั้น
แสนการุญและคงไม่ปล่อยข้าฯ ไว้ที่นี่อีก ท่านคือผู้สื่อสารแห่งปวงเทพ ท่านคือหัตถ์ขวาแห่งสัจจะ
จงอย่าทิ้งข้าฯ ไปเลย ข้าฯ ได้แสวงหาท่านมานานแต่ไม่พานพบ ข้าฯ เรียกหาท่านแต่ท่านหาได้ยินไม่
แต่บัดนี้ท่านได้ยินข้าพเจ้าแล้ว ฉะนั้นจงอย่าตอบแทนความรักของข้าฯ ด้วยความเมินเฉย จงโอบเอาวิญญาณ
ข้าฯไว้เถิดความตายที่รักของข้าฯ"
แล้วความตายก็วางนิ้วอันอ่อนโยนของมันลงบนริมฝีปากของเด็กหนุ่มและนำเอาแก่นแท้ของเขาสอดไว้
ใต้ปีกของมัน
ขณะที่ความตายฝ่าอากาศกลับไปนั้น มันได้มองกลับมายังโลกนี้และได้เอ่ยถ้อยคำเหล่านี้มาตาม
ความว่างเปล่า
"ผู้ใดมิได้มาจากสิ่งอันเป็นนิรันดร์ย่อมจักไม่กลับคืนสู่สิ่งอันเป็นนิรันดร์"
...........................................................................................................................