6 มีนาคม 2553 22:06 น.
เรายกทะเลมาไว้ที่นี่
๐ ลบ...เหลี่ยมคาง..!!! ๐
ได้เวลา...ขึ้นธรรมาสน์สั่งสอนสรรพสัตว์อีกครั้ง
แต่เห็นสาวเสื้อแดงในรูปด้านล่างแล้ว...ใจอ่อน !
ใช้คำแรงนัก...เดี๋ยวน้องๆจะค้อนเอา...
เฮ้อ...น่ารักซะ ! ! !
O คงจำต้องล่มล้างคนคางเหลี่ยม
ด้วยใจเปี่ยมมุ่งหวัง..ที่ตั้งมั่น
ชัดเจนในแนวทางก้าวย่างกัน
เพื่อทำฝันแฝงเร้นให้เป็นจริง
O อย่าเป็นชั้นมือตีนเที่ยวปีนป่าย
ด้วยจิตคอยซัดส่าย - น่าอายยิ่ง
มองโลกให้ลุล่วง..ก่อนช่วงชิง-
กันทอดทิ้งแนวทางลงวางกอง
O จะร่วมสร้างนิติรัฐ..ต้องชัดเจน
จิตอย่าเบนเบี่ยงวุ่น กับขุ่นข้อง
ทุกเรื่องราวผ่านหูให้รู้ตรอง
ใช่คอยพ้องความ-ศัพท์..ทั้งหลับตา
O ชัดเจนกับแนวคิด-ความผิด-ถูก
อันควรปลูกฝังจิตให้ติดค่า
เหตุและผล, ควร-ชอบ..เก็บ-กอบมา
เอาปัญญา-น้อยนิด...คอยคิดตรอง
O ฟังความ-อย่าเชื่อเชื่อง..เที่ยวเคือง-เต้น
จึงจะเป็นชนชั้น..ใช้มันสมอง
เป็นคน-อย่าค้อมหลัง..เทียวนั่งยอง
ให้เขามอง..สั่ง..ชี้..เสริมลีลา
O แทนเหลี่ยมคาง-จำอวด..ผู้อวดเก่ง
ก็จงเพ่งพิศตรองแล้วมองหา-
จิตยิ่งใหญ่..มุ่งมั่น..ช่วยบัญชา
แทนความมืดบอดบ้า..เพ-ลานี้
O ล่มล้างเถิดเลือดเนื้อ..แสนเชื่อ-เชื่อง
หยุดหนุนเนื่องชาติภพผู้หลบหนี
แล้วหาผู้นำหน้าเข้าราวี,
ร่วมต่อตีศัตรู - เป็นผู้แทน
O ย่อมควรลบเหลี่ยมคาง..ที่กลางศึก
สร้างสำนึกแนวทาง..คอยวางแผน
ล่มอำมาตย์แล้วขยี้ให้บี้แบน
หน้าจะแหงนเงยฟ้าก็ครานี้
O รวมเถิดพวกหมู่เหล่า..จะเข้ารณ
หลั่งลิ่มเลือดคาวข้น..ให้ล้นปรี่
ปลดเปลื้องทุกข์ต่ำช้า, เข้าราวี
เพื่อให้มีสังคมอุดมธรรม
O รวมเถิดพวกหมู่เหล่า..รวมเข้ารบ
พร้อมทั้งลบเหลี่ยมคาง..ก่อนย่างย่ำ-
ก่อสงครามปรากฏให้จดจำ
เบิกบทตำนานเลือดผู้เดือดดาล
O จึง-ต้องลบเหลี่ยมคางก่อนย่างย่ำ
เพื่อจะนำหน้าชาติ..อย่างอาจหาญ
เอาเร่าร้อน-รุมสิ้นจิตวิญญาณ
รอพล่าผลาญอำมาตย์..ให้ปราศ..รอย
O มีเส้นทางกว้างใหญ่..รอไขว่คว้า
รอสองขาก้าวคืบเข้าสืบสอย
มีแผนการครองไทย, มีใจคอย
อย่าให้เสียงเถื่อน..ฐ่อย..มาคอยชี้
O เพื่อชนในชาติผู้ขาดแคลน
ต้องหนักแน่นภาระและหน้าที่
อย่ามัวฟังตอบรับ..พวกอัพ-ปรี
ผู้เฝ้าลี้หลบหน้า..ปากกล้านั้น ?
O รวมผองชนในชาติ..ร่วมวาดหวัง
จงอย่ายั้งเพียงว่า..ผู้ขาสั่น-
เฝ้าหลบหนีหมายจับ..ชั่วกัปกัลป์
ว่าตัวมันจะอาจสู้...เพื่อผู้ใด ?
.
.
.
เฮ้อ....น้องเสื้อแดงก็ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน...
จนร่ำร่ำจะเปลี่ยนข้างสักชั่วคราว...! คริ คริ คริ
จากคุณ : สดายุ...
เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 09:35:49 A:125.25.190.199 X
6 มีนาคม 2553 21:41 น.
เรายกทะเลมาไว้ที่นี่
๐ แถข้าง...ถ่างขา...๐
ได้เวลา...จุดประทัด...โยนใส่เล้าไก่...
ตามมาอ่านกันซะดีๆ...อย่าให้ต้องกระดิกนิ้วเรียก..
ไม่รู้..ร้องห่มร้องไห้ออเซาะกันเสร็จรึยัง...
ท่าทางจะกล้องทีวีเลิกจับภาพ...น้ำตาจะหยุดไหลบัดเดี๋ยวนั้น...!
ร้องไห้เสร็จแล้วก็เช็ดหน้าเช็ดตาซะ...เห็นน้ำตาแล้วรำคาญ !
แล้วอ่านกันซะ....
O แล้วอาการตะแบงก็แผลงฤทธิ์
ขึ้นปกปิดทัณฑ์โทษของโฉดฉล
แล้วที่สุดขดหางของบางคน
ก็คลี่ออกปอกตน..ให้ชนรู้
O รับได้หรือ-ใจคน..ว่าตนผิด
จึงพูดบิดเบือน-แถ..เซ็งแซ่อยู่
ถูกล้วงไส้ตีแผ่ให้แลดู
ก็ยังสู้แถก-ลิ้นให้ยิน..ฟัง
O ไม่ยอมรับกฎเกณฑ์..เฝ้าเบน-เลี่ยง
คำทุ่มเถียงอาฆาต..ด้วยวาดหวัง-
ว่า..จะเอาเลือดเนื้อ-เชื่องเชื่อ..บัง-
ตัวตนผู้อยู่หลัง..คอยสั่งการ
O โอ..นี่หรือผู้นำ..จะนำชน-
เข้าปลิดป่นอำมาตย์อย่างอาจหาญ ?
รอ-ก้าวย่างนำเดิน..อยู่เนิ่นนาน
เห็นเพียงจิตวิญญาณ..หลังม่านเงิน
O หรือย่างก้าวเหยียบย่ำ..ในต่ำใต้
นั้น-มีไว้แตะตื่นพวกตื้นเขิน-
คอยแผดเสียงโก่งคอ..ฟังพอเพลิน
ฟังถ้อยคำงกเงิ่น..หยอกเอินคน
O มีปากไว้สร้างหวัง..ชนทั้งผอง
ให้คอยร้องร่ำดัง..ทุกครั้งหน
จำต้องนั่งอยู่ในหัวใจชน
ให้พวกมันดิ้นรนเพื่อตัวกู
O เห็นข้างบ้าน-ผู้หญิง..โง่ยิ่งนัก
ยอมถูกกักในบ้าน..เนิ่นนานอยู่
ใครเล่าจะมองเห็นว่าเป็นครู-
การต่อสู้เผด็จการในบ้านตน
O ต้องบินไปบินมาอย่างข้านี่
เงินมากมีสั่งใช้..ย่อมได้ผล
มัวลำบากตรากตรำต้องจำทน
ให้ผู้คนเหยียบย่ำอยู่ทำไม
O อุดมการณ์เพื่อชนผู้ทุกข์ยาก
ใครมีปากอยากพูดก็พูดได้
อองซานซูจี...จะมีใด-
เทียบชายไทยผู้กล้า..ใน-วาที
O โอ นั่นโคลงสี่ของศรีปราชญ์
ใช้เท้าวาดถ้อยวรรค..เป็นสักขี
สืบทอดนัยฝ่ากาลนับนานปี
มาบัดนี้ยินดังอีกครั้งแล้ว
O ต่างกันที่ครั้งนั้น..ถูกกลั่นแกล้ง
ครั้งนี้แจ้งนัยเขา..ช่าง-เบาแผ่ว
แรงอาฆาตคนบาป..กลับวาบแวว
ปากเจื้อยแจ้วโคลงเก่า..อย่างเร้าใจ
O จึงอาการตะแบง..เมื่อ-แผลงฤทธิ์
ย่อมโดยจิตมารยา, ถ้อยสาไถย-
ก็จะยังตอกย้ำ..อยู่ร่ำไป
เพื่อบอกให้คนรู้..เขาดูแคลน
O จึงอาการตะแบง..เมื่อแผลงฤทธิ์
ย่อมโดยจิตหลอกลวง..ที่หวงแหน-
ความมั่งคั่งโกงกิน..จากดินแดน
หน้าที่แหงนเงยบอก..รอ - หลอกใคร ?
อ้อ...บทต่อไปถ้าไม่ขี้เกียจนะ..."ลบเหลี่ยมคาง"
จากคุณ : สดายุ...
เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:47:39 A:125.25.5.152 X
2 มีนาคม 2553 22:39 น.
เรายกทะเลมาไว้ที่นี่
จากกระทู้กลุ่มย่อย "บทกวี" ของกระทู้รวม "รวมเรื่องในถนนนักเขียน"
ในห้อง "ห้องสมุด" ของ pantip.com
==========================
มีคนในห้องนี้ ฝากบทกวีไว้ที่ห้องโน้น
อ่านแล้วเกิดความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะนอกจากลีลากลอนชั้นครูแล้ว ปากอันไม่มีหู
ก็พูดเรียกแขกได้มากมายพอดู (โดยเฉพาะ คห.ที่ 27)
ก็เลยอยากจะลองเขียนตามแนวเรียกแขกนี้ดูบ้าง
ให้คนในห้องนี้วิจารณ์ แต่สาบานจะไม่ตอบผู้ใดทั้งสิ้น
เหมือนอย่างที่กระทู้ตัวอย่างเขาทำ
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8903286/P8903286.html
ไม่นึกอยาก ฝากกลอน มาสอนสั่ง
หรือคิดตั้ง สิ่งใด ไว้ที่นี่
ยิ่งเห็นกระ จะแจ้ง แหล่งกวี
ไม่อยากทู้ อยากซี้ มากลีลา
มองไปแต่ ละกวี เห็นทีทู่
กลอนก็ดู ครือครือ ไม่หวือหวา
ถ้อยพาที เรียงร้อย ด้อยพรรณา
ที่เข้าท่า หาเท่าไร ก็ไม่เจอ
มีผองเพื่อน ยอยก กระดกให้
ทั้งที่ไม่ เห็นว่า น่าเสนอ
คนอื่นเข้า เปิดอ่าน พาลใบ้เบลอ
เคยเห็นมา หน้าเหวอ เอ๋อตามตาม
มิได้พาล รานร้าว จึงกล่าวหา
แต่อยากพา พ้นกรอบ ตอบคำถาม
ใช่คนเหงา เอาอักษร ฉะอ้อนงาม
คนที่หงอย พลอยหวาม ตามห่วงใย
จึงถ้าหาก บทกวี มีแคบแค่น
อย่าหมายแม้น ก้าวข้าม ความยิ่งใหญ่
ถ้าหากไม่ คิดค้น สิ่งดลใจ
ขอทายว่า นานไป ไม่เปลี่ยนแปลง
แค่อยากจะ บอกให้ ในโลกหล้า
ใช่หยิบมา แต่เรื่องรัก มักเสแสร้ง
ทั้งขอฝาก โลกกวี ใช่สีแดง
ยังมีถ้อย นับร้อยแหล่ง เลือกแต่งกัน
ถ้าหากรับ ความจริง ในสิ่งใหม่
ก็ทำใจ เปิดอย่าง พร้อมสร้างสรรค์
อย่าปล่อยดวง นำทาง วางเดิมพัน
คนกลุ่มน้อย เท่านั้น ที่ดันดัง
ขอฝากไว้ ความหวัง ใช่พลั้งพล่อย
เชื่อสักหน่อย ตามที่เป็น จะเห็นขลัง
ปรานีเถิด อย่าก่นด่า ว่าชิงชัง
ขอเสกนะ จังงัง กำบังกาย
จากคุณ : กวนจังแก
เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 22:19:57
2 มีนาคม 2553 12:45 น.
เรายกทะเลมาไว้ที่นี่
นำมาจากบอร์ดกวีการเมือง ห้องราชดำเนิน ของ pantip.com
มาให้พิจารณาแยกแยะ (ภาค 1 อยู่ที่ กระทู้ ภาค 2 อยุ่ที่ กลอนอกหักรักหวานซึ้ง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------)
ชาติ..กา.....๐
กอ กา บินไป
กอ ไก่ รอ กระต๊าก...! ! !
เอ้า....เริ่มได้ !
๐ เมื่อถึงคราลอกคราบล้างภาพพจน์
จะกี่ม้วนไส้ขดหรือกดอยู่
ย่อมถูกลากตีแผ่ให้แลดู
เพื่อคนรู้เห็นหน้าทั้งนาคร
๐ จากสำเนียงสื่อตรงบอกพงศา
ล่องนาวาสำเภาแต่เก่าก่อน
สุพรรณภูมิเมตตาเอื้ออาทร
จึงได้ผ่อนเท้าย่ำลงทำกิน
๐ โอ้..แผ่นพื้นขวานทองหรือต้องสาป
จึงเหล่าบาป, ฉล, ทราม-กล้าหยามหมิ่น
รุมเถือทรัพย์-ศักดิ์-แสนย์ ของแผ่นดิน
รุมเถือถิ่นอาศัยร่มใบบุญ
๐ ทุกเอ่ยอ้าวาทะหวังประโยชน์
คือเลือดโฉดพลุ่งผุดขึ้นอุดหนุน
ชโลมหน้าแดงเรื่อบอกเชื้อ-กุล
ว่าคุกรุ่น...ข้างใจ..คงนัยเดียว
๐ โถ..ขอทานยศถาบรรดาศักดิ์
ถือขันดักเงินทองทุกข้องเกี่ยว
เลือดแผ่นดินสูบรีดจนซีดเซียว
ด้วยคมเขี้ยวตัวเรือดจนเหือดจาง
๐ แต่แรกพิศ...คิดว่าพญานก
ด้วยหัวยกหยัดเชียว..ไม่เหลียวล่าง
เมื่อโผบินปลายปีกคงฉีกกาง
เมื่อลิ่วคว้างโฉบเหยื่อคงเหลืองาม
๐ กลับกลายเป็น..อีกา..เจ้าข้าเอ๊ย..!
เที่ยวก้มเงยลอบล้วงของหวงห้าม
เวียนกินของเน่าเหม็นไม่เว้นยาม
จนกลิ่นทรามอบร่างไม่สร่างซา
๐ ชาติอีกา...ภาระ..คือขโมย
เพียงได้กลิ่นเน่าโชยย่อมโหยหา
และทุกกลิ่นเน่าเหม็นต้องเร้นมา
เพื่อพลอยร่วมเสนอหน้า...ร่วมวาระ
๐ ชาติอีกา...สีขนอาจพ่นเพี้ยน
แต่สุดเปลี่ยนรูปลักษณ์ความกักขฬะ
อีกเสียงร้อง...กากา...ทุกภาวะ
คงยากผละ...ดำมืดกำพืดตน
๐ ชาติอีกา...ผ่านถิ่นปล่อยกลิ่นเน่า
โดนรูปเงาทับต้องอาจหมองหม่น
ด้วยชาติพันธุ์...ขาวสี...ไม่มีปน
เป็นเชื้อชน...ต่ำค่า...อย่างถาวร
๐ เสียงร้องเสียงร่ำไห้คล้ายโหยหิว
โบกปีกพลิ้วพากเพียร..เฝ้าเวียนร่อน
เห็นเรือนร่างผ่ายผอม-ไม่ยอมนอน
ยังบินว่อนเฝ้าเหยื่อ - ช่าง เหลือร้าย !
๐ กากากาก่าก้า........กากา
กาก่ากากากา...........ก่าก้า
กากาก่ากากา...........กาก่า
กาก่ากากาก้า...........ก่าก้ากากา ฯ
พูดไว้นานแล้ว....
ผิดซะเมื่อไร กับคำตัดสิน
มีเหตุผล
ไม่มีอคติ
และไม่มืดบอด
ความคิดจะสอดคล้องกับความยุตธรรม
แล้วค่อยมาเขียนเรื่องการเมืองกัน...!!
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=22-11-2009&group=37&gblog=4
จากคุณ : สดายุ...
เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 18:59:07 A:183.89.144.135 X
2 มีนาคม 2553 12:21 น.
เรายกทะเลมาไว้ที่นี่
นำมาจาก บอร์ดกวีการเมือง ที่ห้องราชดำเนิน pantip.com
ให้แยกแยะ
๐ สุนัข..เห่าใบตองแห้ง...๐
พอจุดประทัด..โยนใส่เล้าไก่..
ไก่ย่อมกระต๊ากกันลั่นเล้า...เป็นธรรมดา....
พอเข้าใจได้...คริคริ
.
.
.
๐ เมื่อเกินเก็บภาวะความผยอง
ก็คงต้องเอ่ยความให้งามเด่น
เปล่งทำนองสาระทุกประเด็น
ให้โลดเต้นอยู่ในหัวใจคน
๐ เมื่อเกินกลั้นโกรธเกรี้ยวเกินเหนี่ยวหน่วง
ความทั้งปวงต้องสอดรับอย่าสับสน
ใช่เพียงถ้อยหยิบยกอันวกวน
หากเหตุผลต้องหนุนเข้าจุนเจือ
๐ เมื่อคิดจะเป็นเหยี่ยวขยับปีก
เล็บต้องฉีกกางกระหน่ำขย้ำเหยื่อ
จงอยปากทะลวงลากกระชากเนื้อ
ประทุษเถือชีวันให้บรรลัย
๐ อย่าเป็นเลยหมาผอมซุ่มออมแรง
เพียงไม้แกว่งลมย้อนเห่าหอนใส่
ขนคอลุกชี้ชันด้วยหวั่นใจ
เกรงเสียงไหวเสียงนั้นจนครั่นคร้าม
๐ คราแดดอับขับลมเข้าห่มห้อม
หมู่เมฆย่อมส่งประจุทะลุข้าม
ระดับศักย์เทียบได้จึงไหลลาม
เป็นเส้นไฟงดงามในยามมัว
๐ ประจุจลน์วนแล่นเหนือแผ่นหล้า
อวดวิโรจน์เรขาก่อนฟ้ารั่ว
ประภาพนั้นเฟื้อยเส้นแล้วเต้นรัว
เสมือนยั่วเสมือนเย้ยให้เงยมอง
๐ เหมือนสิ้นไร้ร่างเหยี่ยวขยับปีก
ฤๅจะปลีกพยับฝนที่หม่นหมอง
แว่วแต่เสียงเห่าใส่คงใบตอง
แข่งเสียงคำรนร้องเสียงของฟ้า..!
จากคุณ : สดายุ...
เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 07:25:59 A:183.89.134.238 X