16 สิงหาคม 2552 13:14 น.
เรริน
จารสัมผัสเคยปลอบมอบอุ่นไอ
ประทับไว้เนิ่นนานแม้นกาลผัน
ครวญรำลึกนึกทวนหวนคืนวัน
เคยร่วมกันกล่าวย้ำคำสัญญา
นัยแห่งถ้อยจดจารร่วมขานไข
หวานละไมรอยคำแสนล้ำค่า
ที่พรายพร่างหยาดรดคำพจน์มา
เพื่ออุราคลายเหงาบรรเทาเลือน
เปรียบฝากถ้อยต่อหวังลืมหลังสิ้น
ปลดดวงจินต์จากทุกข์สุขเสมือน
คราอ่อนล้าหนึ่งหวั่นหนึ่งนั้นเตือน
คล้ายเป็นเพื่อนเคียงอยู่เพียงผู้เดียว
นัยสัมพันธ์น้อมภักดิ์ด้วยรักมั่น
เหมือนผูกพันสองใจไว้แน่นเหนียว
ปล่อยรู้สึกผสานผสมจนกลมเกลียว
คอยแลเหลียวเช่นนั้นตราบวันวาย
มิเคยเลือนรอยพจน์หยาดรดมา
คอยร่ำหาอาวรณ์มิคลอนคลาย
ถ้อยหนึ่งนั้นคอยเตือนมิเลือนหาย
ทุกรอยหมายคล้ายปักรอยรักลง
2 สิงหาคม 2552 11:09 น.
เรริน
เมื่อทุกอย่างบังเอิญยากเกินคาด
ก้าวพลั้งพลาดกับรักแทบตักษัย
เหลือไว้เพียงรอยคราบภาพอาลัย
เปรียบรอยนัยเกินนับประทับตรา
ผิดซ้ำซากกับรักร้าวหนักหน่วง
เจ็บปวดทรวงเพราะใจไม่ประสา
เสมือนความรักล่อลวงบ่วงมารยา
แค่พริบตาทลายครืนสะอื้นคลอน
พบเพื่อพรากเท่านั้นความฝันลวง
สิ่งทั้งปวงเลยกรอบทดสอบสอน
บทเรียนรักเจ็บเศร้าอยากเว้าวอน
เอื้ออาทรโปรดเถิดฟ้าวอนปราณี
ชีพวิญญาณสุดทนเพราะหม่นเศร้า
ทุกข์โลมเล้ามิสร่างหว่างวิถี
รอยเล่ห์กรีดเจ็บทรวงหน่วงฤดี
ไม่อยากมีลมปราณร้าวรานใจ
ท้ายที่สุดสวรรค์เบี่ยงได้เพียงเจ็บ
ข่มขืนเก็บอาวรณ์ความอ่อนไหว
รอยพลั้งพลาดขาดเยื่อมิเหลือใคร
เดียวดายไปในทางเคว้งคว้างจินต์