25 กันยายน 2547 03:09 น.
เมโกะ_หมูน้อยตกน้ำ
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง....ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลย
ไม่เลยไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนี้...ไม่เลยแม้แต่น้อย
แต่มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง...ใครจะตอบฉันได้ไหม
........+*-*+_+*-*+_คงไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวเธอเอง+*-*+_+*-*+.......
ฉันพยายามทำตัวให้ สดใส_ร่าเริง แล้ว แต่มันก็ยังเหมือนเดิม
หรือมันอาจเป็นเพราะความรัก ที่วิ่งเข้ามา แล้วก็ออกไป
หรือมันเป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ .....
เหนื่อยแล้ว...เหนื่อยกับการหลอกตัวเองว่ายังคงเหมือนเดิม
ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยสำหรับฉัน..ฉันยังคงร่าเริงเหมือนเดิม
ยังคงเป็นเด็กซ่าของเพื่อน ๆ เหมือนเดิม..ฉัน !!~!!
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ในสิ่งที่ตัวเองเป็นในขณะนี้
ความจริงที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้...แร่ะความจริงบางเรื่อง
ความจริงที่เป็นไปไม่ได้ สำหรับฉัน.... *-*
ฉันรู้สึกว่า ตัวเองเปลี่ยนไป จากอีกคนเป็นอีกคน
กลายเป็นอีกคนที่ไม่ต้องการจะเป็น....
กลายเป็นคนอ่อนแอทั้งตัวและหัวใจ หมดกำลังใจ...หมดความมั่นใจ
หมดกำลังใจในสิ่งที่อยากจะทำและสิ่งที่ทำอยู่นี้ รู้สึกเหนื่อย
และเบื่อในคนคนนี้เหลือเกิน....
คนเดิมของฉันหายไปไหน...ไปอยู่ที่ไหนแล้ว ช่วยกลับมาได้ไหม
คนคนนี้ฉันไม่ได้ต้องการเลย...ฉันต้องการเป็นคนเดิมของตัวฉัน
ไม่อยากรู้สึกเหงา อ้าวว้าง เมื่ออยู่คนเดียว
ไม่อยากรู้สึกว่า...ในโลกนี้มีแค่ฉันคนเดียว
เสียใจกับตัวเอง...ที่เปลี่ยนไปในสิ่งที่ไม่ต้องการ
ทำไมฉันต้องร้องไห้..ฉันร้องไห้ทำไม มันมีอะไรที่ต้องให้ร้องไห้
ร้องทำไม...ร้องไปก็เสียน้ำตาปล่าว ๆ เก็บน้ำตาไว้ไหลในสิ่งที่สำคัญก็พอ
ที่ร้องไห้...เพราะความในใจที่อึดอั้นไว้ไม่อยู่อีกแล้ว
จะระบายยังไงก็คงไม่ได้ นอกจากร้องไห้ ร้องไห้เท่านั้น
น้ำตาที่ไหล เป็นน้ำตาจากความเสียใจ ที่อั้นไว้ไม่ไหว...
เมื่ออั้นไว้ไม่ไหว ก็ต้องปล่อยให้มันไหล เพราะยังไงก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว
การร้องไห้ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย....แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะร้องไห้กับเรื่องอะไรเท่านั้น
ถ้ามีเรื่องอะไรที่เก็บไว้ไม่ไหว ก็ร้องเถอะ อย่ากลั้นมันไว้เลย ระบายออกมาบ้างก็ดี
มันจะได้ทำให้เราสบายตัวขึ้นเมื่อเราได้ระบายมันออกไปแล้ว...
แร่ะเมื่อเราลืมตาขึ้นอีกครั้ง มันทำให้เรารู้สึกสดใสแร่ะดีขึ้นมากกว่าเดิม
+*-*++++*-*+++*-*++++*-*+++*-*++++*-*+++*-*++++*-*+
ทำไมเธอต้องไปกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็มาทีหลัง
แต่เธอก็เปิดใจรับเขาคนนั้นมาทั้ง ๆ ที่มีฉันอยู่แล้ว
ทำไมเธอไม่คิดถึงใจของฉันบ้าง ว่าจะรู้สึกยังไง
เวลาผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ
หรือที่เธอทำ มันเป็นเพราะเธอหลายใจนั่นเอง
ช่วยตอบฉันได้ไหมว่าทำไม.....??? _สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ_
ในตอนนี้เธออาจมีความสุขกับเขาคนนั้น
แต่ฉันคนนี้ที่เธอมองข้ามไป...ไม่เคยถามว่าเป็นยังไงบ้าง
เธอคิดแต่ว่าเธอนั้นเข้าใจฉัน เธอรู้จักนิสัยของฉันดี
แต่เธอรู้ไหม...เธอไม่เคยรู้ เธอไม่เคยเข้าใจเลยในสิ่งที่เธอบอกมา
เธอไม่เคยรู้สึกถึงความรู้สึกของฉันแม้แต่น้อย....
ในวันที่เดินจากเธอมา...ฉันคิดอยู่เสมอ ว่าวันนึงอาจจะคืนดีกันได้
แต่พอดูแล้ว....พอฉันเดินจากมาเธอก็หันไปหาเขาคนนั้นทันที
ไม่คิดว่าคนที่เดินมาเพื่อที่จะมาตั้งหลักใหม่นี้จะรู้สึกยังไง ในสิ่งที่เธอทำ
ฉันคิดถึงเธอรู้ไหม.....?? คิดถึงตลอดเวลาที่ผ่านมา
แต่เธอก็คงไม่ได้คิดเหมือนฉัน เธอคงลืมฉันไปแล้ว
ตอนนี้เธอคงมีคนที่ควรจะคิดถึงมากกว่าฉัน....+
ทำไมเธอถึงได้ลืมอะไรได้ง่ายดายอย่างนี้ วันเวลาหนึ่งปีกว่าที่เรามีกัน
กับหนึ่งนาทีที่เธอลืมฉัน ทำไมตอบฉันได้ไหมคนดี
ก่อนที่ฉันคนนี้จะอึดอั้นตายกับคำถามคำนี้
+*-*+++*-*+.....หมูน้อยอารมณ์ดี......+*-*+++*-*+.
24 กันยายน 2547 03:57 น.
เมโกะ_หมูน้อยตกน้ำ
แว่นแก้วลืมตาขึ้นก็เจอกับสถานที่แสนแปลกตา รอบตัวมีแต่ตึกสูงใหญ่ รถราก็แสนจะเยอะ เหมือนในทีวีที่เธอดู วุ่นวายเหลือเกิน เพราะออกจากเชียงใหม่แต่เช้า มาถึงกรุงเทพก็เย็น แว่นแก้วเหลือบดูนาฬิกาที่คอนโซลหน้ารถ ห้าโมงเย็นกว่า ๆ คงเป็นเพราะเวลาเลิกงานซะละมั้ง รถติดแน่นเชียว เด็กสาวมองความวุ่นวายด้านนอกอย่างเบื่อ ๆ เวลาแบบนี้ถ้าอยู่ที่บ้าน เธอก็คงวิ่งไปน้ำห้วย ไปเล่นน้ำเย็น ๆ ให้ฉ่ำปอดกับแสงเดือนนานแล้ว.
เขียนจดหมายมาหาเปิ้นโตยเน่อ ห้ามลืมกั๋นเน่อ แว่นแก้ว..
แสงเดือนพูดสะอึกสะอื้น แว่นแก้วกอดเพื่อนไว้ หยดน้ำใส ๆ ไหลรินจากดวงตา แว่นแก้วรั้งร่างแสงเดือนออก เธอเช็ดน้ำตาให้เพื่อน แล้วยิ้ม
เปิ้นบ่ะลืมตั๋วหรอกแสงเดือน ตั๋วเป๋นเปื้อนตี้ดีตี้สุดของเปิ้น เปิ้นฮักตั๋วหนาฮุ้ก่อ
แว่นแก้วกอดเพื่อนรักอีกครั้ง ไหว้ลาแม่และยาย
เฮียนเก่ง ๆ เน้อ หยั่ยเวย ๆ จะไปฮ้ายกับป้อเน่อ ฮู้ก่อ แม่อุ้ยสาตักเตือน สวมกอดหลานสาวอย่างรักใคร่ พิกุลยิ้มให้แว่นแก้ว
อ่อนหวานอย่าอ่อนแอ จ๋ำกำแม่ไว้เน่อ
เด็กสาวพยักหน้าแล้วเดินขึ้นรถ โบกมือลากับทุกคน เด็กสาวมองบ้านหลังเล็กที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นค่อย ๆ เล็กลง ภาพของแม่ ยายและแสงเดือน ถูกบดบังด้วยต้นไม้สูง เด็กสาวเช็ดน้ำตา แล้วหลับตาลง อ่อนหวานแต่อย่าอ่อนแอ แว่นแก้วจะจำไว้ค่ะแม่.
.
รถคันหรูแล่นเข้าบ้านหลังโต แม้จะเป็นเวลากลางคืนความสวยงามจากโคมไฟกลับส่องสว่างให้บ้านดูสวยงาม ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเรียงรายตามทางที่ทอดยาวสู่ตัวบ้าน ช่างดูสวยงามเมื่อเอาโคมไฟมาติด สวนหน้าบ้านก็แสนจะกว้างขวาง เด็กสาวมองอย่างชื่นชม สวนตรงนี้ช่างเหมือนในทีวีซะจริง เหมือนบ้านของพระเอกนางเอกที่แสนจะรวยล้นฟ้าอย่างไงอย่างงั้น
นี่เหรอบ้านของพ่อ ช่างแตกต่างกับบ้านไม้หลังเล็กเชิงเขาของเธอราวฟ้ากับดิน เด็กสาวมองบ้านที่เป็นตัวตึก นึกเล่น ๆ กับตัวเอง ว่าถ้าอยู่คงจะหลงทางสักวัน...
รถแล่นมาถึงหน้าบ้าน ด้านข้างเป็นลานจอดรถที่แสนจะกว้างขวาง
ถ้าทำเป็นคอกหมูคงเลี้ยงได้หลายตัวเลยทีเดียว เด็กสาวคิด
ถ้ารถพวกนั้นเป็นควายคงขายได้หลายตังเนอะ แว่นแก้วคิดแล้วหัวเราะน้อย ๆ จนคนข้าง ๆ งุนงง แต่เธอกลับทำหน้าเฉยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองมา
ถึงบ้านแล้วแว่นแก้ว ลงรถสิลูก
แว่นแก้วกำลังจะเปิดประตูแต่คนขับรถของเชษฐาเปิดให้ เด็กสาวงุนงงแต่ก็ลงแต่โดยดี เด็กสาวเดินไปกระโปรงรถ จะไปเอากระเป๋า
คุณหนูขึ้นบ้านเถอะครับ ตรงนี้ผมจัดการเอง
จะดีเหรอคะ แว่นแก้วถามเกรงใจนิด ๆ
มันเป็นหน้าที่ของผมครับ
น้าชื่ออะไรคะ นั่งมาตั้งนานไม่ได้ถามชื่อ แว่นแก้วเริ่มบทสนทนา
ผมชื่อจาครับ
ขอบคุณนะคะน้าจา
โอ้ย!! ไม่ต้องเรียกผมน้าหรอกครับ ผมก็แค่คนขับรถ
ไม่ได้ค่ะ น้าโตกว่า เดี๋ยวจะหาว่าแว่นแก้วไม่มีมารยาท
แว่นแก้ว ขึ้นบ้านได้แล้วลูก เชษฐาบอกแว่นแก้วที่ดูเหมือนกำลังคึกกับการคุยกับจา
พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้นะ
เด็กสาวเดินขึ้นบ้านอย่างว่าง่าย
กลับมาแล้วเหรอคะคุณ
เสียงหวานดังขึ้นจากในบ้าน เจ้าของเสียงเดินออกมาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แว่นแก้วมองทางต้นเสียงนั้น ผู้หญิงท่าทางดูดี มีสง่าในชุดสีฟ้าอ่อนเรียบ ๆ ดูจะแก่กว่าแม่เธอ แต่ด้วยการแต่งหน้าทำให้ดูสวย แต่ยังไงแม่พิกุลของแว่นแก้วสวยที่สุดอยู่แล้ว..
เหนื่อยไหมค่ะคุณ
เชษฐายิ้มรับ แล้วพยักหน้าให้กับแว่นแก้ว เด็กสาวเดินตามเข้าไปในบ้าน
ตายแล้ว!! นี่เหรอคะลูกสาวของคุณ
หญิงคนนั้นเดินมาหาแว่นแก้ว จับตัวเธอเอียงซ้ายเอียงขวา เด็กสาวชักระแวง คนนี้หรือเปล่าคนที่พ่อแต่งงานด้วย
ขึ้นบ้านก่อนสิคุณ ค่อยคุยกัน
เชษฐาตัดบท แล้วเดินนำไปนั่งที่โซฟาตัวเขื่องในบ้าน ตามด้วยหญิงคนนั้น ส่วนแว่นแก้วนั่งลงข้างล่างที่พรมสีครีม ภายในบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นแจกันทรงสูงลายคราม หรือเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ที่วางแสนจะเข้าชุดกัน สิ่งเหล่านั้นทำให้แว่นแก้วตะลึง... บ้านของเธอเหรอ ก็แค่เก้าอี้ไม้ ตู้โชว์ที่ลุงปันข้างบ้านทำให้ กับสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ใหญ่โตและหรูหราแบบนี้...
นั่งข้างบนสิแว่นแก้ว เชษฐาบอกเด็กสาว
แว่นแก้วลุกแล้วนั่งบนโซฟาอย่างเกร็ง ๆ
นี่เสาวนีย์ แว่นแก้วเรียกว่า ป้านีย์ นะ
เด็กสาวยกมือไหว้ เสาวนีย์ไหว้ตอบ ยิ้มอ่อนโยน
นั่นรักคนสวน นั่นสาว อีกคนป้าเนียน ป้าเนียนเป็นแม่บ้านนะ ถ้าแว่นแก้วจะใช้อะไรก็เรียกสาวละกันนะลูก
แว่นแก้วยกมือไหว้รัก และ ป้าเนียน จนสองคนสะดุ้ง โบกไม้โบกมือว่าไม่ต้องไหว้
สาวพาแว่นแก้วขึ้นห้องป๊ะ ไปพักผ่อนเดินทางไกลคงจะเหนื่อย
สาวยิ้มรับ ถือกระเป๋าให้แว่นแก้วแล้วพาขึ้นชั้นสองของบ้าน สาวแนะนำว่า ห้องแรกเป็นห้องสำหรับแขกมาพัก ห้องถัดไปเป็นห้องของคุณเสาวนีย์ ส่วนห้องกลางเป็นห้องใหญ่ห้องของคุณเชษฐา ห้องของเธออยู่ถัดไปอีกข้างของเชษฐา และห้องข้าง ๆ ของแว่นแก้วเป็นห้องนอนของคุณจิรัชชา ลูกสาวของคุณเสาวนีย์
ทำไมป้านีกับคุณท่านไม่นอนห้องเดียวกันหล่ะพี่สาว แว่นแก้วเอ่ยถามเมื่อสาวเปิดประตูห้องเข้าไป
คุณท่าน!! สาวทวนคำของแว่นแก้ว แล้วเปิดประตูให้แว่นแก้วเดินเข้าห้องไปก่อน
อืม คุณท่าน
คุณหนูหมายถึงคุณผู้ชายเหรอคะ
เด็กสาวพยักหน้า
ทำไม. ถึงเรียกว่า.
ยังไม่ชินหน่ะคะพี่สาว ห้องสวยนะคะ
สาวส่ายหน้ากับการเปลี่ยนเรื่องของแว่นแก้ว
คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายแยกห้องกันนอนตั้งแต่แต่งงานแล้วหล่ะคะ
แว่นแก้วเลิกคิ้ว หมายความว่ายังไงนะ
สาวเองก็ไม่เข้าใจค่ะคุณหนู
พี่สาวคะ คำว่าคุณหนู แว่นแก้วรู้สึกแปลก ๆ หน่ะคะ เรียกแว่นแก้วเฉย ๆ จะดีกว่าไหมคะ มันจักกะจี้หน่ะคะ
แว่นแก้วทำท่าเบ้ปาก เกิดมาไม่เคยเป็นคุณหนูกับเขาเสียที เคยคิดเหมือนกันถ้ามีคนเรียกเธอว่าคุณหนูคงรู้สึกดีพิลึก แต่พอโดนเรียกเข้าจริง ๆ ก็เกิดรับไม่ได้ขึ้นมากระทันหัน
ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงคุณหนูก็เป็นลูกสาวของคุณผู้ชาย
ตามใจ แต่ถ้าเรียกแล้วแว่นแก้วไม่หันหน้า อย่าว่ากันนะคะ แว่นแก้วหัวเราะกิ๊ก
สาวจัดกระเป๋าให้แว่นแก้ว โดยไม่ยอมให้แว่นแก้วช่วย เด็กสาวจึงเดินดูห้อง เกิดมาไม่เคยมีห้องใหญ่แบบนี้นอนเลย ห้องนอนที่บ้านก็เล็ก ๆ มีเพียงที่นอนปู เตียงก็ไม่เคยนอน โต๊ะหนังสือก็เล็ก ๆ เพราะเวลาเธอทำการบ้านก็จะไปทำด้านนอกชาน ลมโชยทำให้สมองเธอปลอดโปร่ง คิดการบ้านได้ไม่ติดขัดเลยทีเดียว ส่วนห้องนี้โต๊ะหนังสือตัวใหญ่ ติดผนังด้านที่มีหน้าต่าง ถัดไปเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ครบครัน เตียงอันใหญ่ตั้งตระหง่านกลางห้อง ตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกติดด้านหน้า พร้อมห้องน้ำในตัวที่กว้างขวางโอ่อ่าไม่แพ้กัน เธอนึกถึงห้องน้ำบ้านเธอ ชักโครกกับส้วมซึม.... แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
แว่นแก้วเดินไปที่ประตูหลังห้อง เปิดออกไปเป็นระเบียงเล็ก ๆ มีโต๊ะเก้าอี้เข้าชุดวางไว้อยู่ พร้อมต้นไม้ในกระถาง ดูเหมือนจะเป็นสาวน้อยประแป้งตั้งอยู่สองสามต้น เด็กสาวเดินไปที่ริมระเบียง ห้องของเธออยู่ด้านหน้าเยื้องไปทางขวาของตัวบ้าน เห็นสวนด้านข้างได้ชัดเจนทีเดียว พรุ่งนี้ค่อยดูละกันว่าสวนที่นี่สวยแค่ไหน แว่นแก้วเปิดประตูทิ้งไว้ ให้ลมระบายนิดหนึ่งแล้วเดินกลับเข้าในห้อง ทิ้งตัวลงที่เตียงใหญ่ นั่งมองสาวจัดกระเป๋าใบเล็กที่มีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัว เธอไม่อยากขนมาเยอะ เพราะคิดว่าจะอยู่เพียงไม่นาน.
เสียงรถดังด้านนอก เด็กสาวเดินออกไประเบียง แค่อยากดูว่าใครมาเท่านั้นแหละ คนที่ลงจากรถยุโรปสองที่นั่งคันโก้ ยืนอยู่ข้างรถ แล้วเหลือบมองขึ้นมาตรงที่เธอยืนอยู่ด้วยท่าทางยียวน ท่าทางเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ใครกันนะ!! เธอเองก็ใช่ยอมใครอยู่แล้ว เมื่อยียวนมา เธอก็ยียวนไป เด็กสาวทำลอยหน้าลอยตา มองคนที่อยู่ด้านล่างอย่างท้าทาย ดูคนข้างล่างไม่พอใจอย่างหนัก โมโหง่ายจริงพ่อคุณ เอ๊ะ!! ผู้ชายหรือเปล่า ทำไมดูบอบบางจัง แว่นแก้วมองตรง ๆ อีกทีก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งลงจากรถแล้วเข้ามาคลอเคลียคนที่ยืนตรงนั้น หน้าของสาวคนนั้นดูเหมือนจะเข้าใกล้อีกคนอย่างรวดเร็ว.... แว่นแก้วยกมือปิดหน้า ยี๊!!! คนกรุงเทพ ทำอะไรกันไม่อายฟ้าดิน เด็กสาวเดินเข้าห้องอย่างตกใจ
สาวเห็นสีหน้าของแว่นแก้วที่ดูซีด ๆ
คุณแว่นแก้ว เป็นอะไรไหมคะ หน้าซีดจัง
พี่สาว บ้านหลังนี้มีพวกเจ้าชู้ประตูดินที่ทำอะไรไม่อายฟ้าดินด้วยเหรอคะ
เจ้าชู้ประตูดิน ไม่อายฟ้าดิน ใครทำอะไรเหรอคะ
ก็.. ก็มีคน จะ จะ จูบกันอยู่หน้าบ้านอ๊ะคะ แว่นแก้วพูดจบก็เอามือปิดหน้า อายจัง รู้สึกอายแทนหนุ่มสาวคู่นั้นจริง ๆ
อ๋อ. คงเป็นคุณจิรัช สาวพูดพร้อมกับหัวเราะ
ขานั้นก็แบบนี้แหละคะ ไม่เคยอายใคร
จิรัช!! ใครคะ แว่นแก้วเอามือปิดหน้าลงถามสาวอย่างอยากรู้
ลูกสาวคุณผู้หญิงไงคะ
อะไรนะ!! ลูกสาว!!!
18 กันยายน 2547 03:17 น.
เมโกะ_หมูน้อยตกน้ำ
ถนนที่ทอดยาวไปข้างหน้า กับสองข้างทางที่ดูแห้งแล้ง ต้นไม้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและร่วงหล่นบนพื้น สีน้ำตาลของมันทาทาบพื้นดิน ดูเหงาและเศร้า เหมือนใจของแว่นแก้วตอนนี้ หยดน้ำใส ๆ รินจากดวงตากลม เด็กสาวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เช็ดน้ำใส ๆ นั่นเบา ๆ
อีกไม่นานก็จะถึงกรุงเทพละนะลูก
เสียงอ่อนโยนของเชษฐาเอ่ยกับแว่นแก้วอย่างห่วงใย เด็กสาวก้มหน้างุด เชษฐาหันมามอง อยากจะพูดคุยด้วย แต่ดูเหมือนเด็กสาว จะหลับ เชษฐาจึงเอนตัว และหลับตาลง
.
สัญญาที่คุณเคยมี พิกุลยอมให้คุณทวงค่ะ พิกุลเอ่ยขึ้น
ดาวคืนนี้สวยสด สว่างไสว พิกุลกับเชษฐานั่งคุยกันที่ชานบ้าน แว่นแก้วทำท่าจะเดินออกมาคุยด้วย เธออยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้นอกจากมาทวงคำว่า พ่อ กับเธอแล้ว ยังต้องการอะไรอีก แต่ถูกรั้งไว้ด้วยแขนเหี่ยวย่นของแม่อุ้ยสา ยายของเธอ เด็กสาวเดินกลับเข้าบ้านอย่างอารมณ์เสีย กดรีโมทเรื่อยเปื่อยจนแม่เฒ่าอดไม่ไหว ลงมะเหงกที่หัวเธอเข้าให้ทีหนึ่ง เด็กสาวจึงหยุดมองเคือง ๆ แล้วเดินปึงปังเข้าห้องนอน แม่เฒ่าส่ายหน้ากับอารมณ์ของแว่นแก้ว.
เธอพูดจริงเหรอ. ฉันไม่เคยดูแลลูกสาวคนเดียวของฉันมาก่อนเลยนะ ตลอดเวลาฉันไม่เคยแวะมาแม้แต่ดูหน้าตา หรือการเป็นอยู่ เธอก็ยังจะยอมให้ฉันเอาลูกไปอีกเหรอ?
พิกุลทราบดีค่ะ ว่าทำไมคุณถึงมาหาลูกไม่ได้ คุณต้องทำอะไรเยอะแยะ
เสียใจไหมพิกุล
พิกุลอยู่ได้ เพราะความหวังเล็ก ๆ ที่คุณให้ไว้ พิกุลอยู่เพื่อรอวันนี้ค่ะ วันที่คุณกลับมาหาพิกุลและลูกด้วยความรู้สึกที่เหมือนเดิม คุณแสดงให้พิกุลเห็นว่าใจของคุณไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ไปอยู่ด้วยกันนะพิกุล ไปอยู่กรุงเทพด้วยกัน
พิกุลคงให้แค่แว่นแก้วไป ตัวพิกุลคงไม่ไปด้วยค่ะ
ทำไมหล่ะ
พิกุลต้องดูแลแม่อุ้ยสา ค่ะ แกแก่แล้วให้เดินทางคงไม่ไหว
แล้วแกเข้าใจในสิ่งที่พวกเราทำเหรอ
แกเข้าใจเราเสมอค่ะ
เชษฐายิ้ม เหลียวมองรอบกาย ที่แห่งนี้ที่เขาเจอกับพิกุล สาวบ้านเหนือคนงาม หนุ่ม ๆ ที่นี่ต่างก็เรียกเธอแบบนี้ สาวที่ไม่เคยชายตามองหนุ่มคนไหน จนเจอกับเขา หนุ่มกรุงเทพ ที่เข้ามาเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอแม่แจ่ม ส่วนหนึ่งของเชียงใหม่ หมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ หมู่บ้านที่มีภูเขาเขียวครึ้มล้อมรอบ ถึงแม้หนทางจะเป็นดินลูกรังแต่ด้วยความหนุ่มและคึกคะนองทำให้เชษฐาและเพื่อน ๆ ได้มาเหยียบย่ำผืนดินอันห่างไกลแห่งนี้ได้
แม้สมัยนี้ ทางเข้าหมู่บ้านจะดีกว่าแต่ก่อนมากมายนัก แต่บรรยากาศรอบข้างก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนไปมากมาย แม้เนื้อที่ของป่าจะถูกถางไปทำการเกษตรหมด แต่ก็ยังมีสีเขียวอยู่บ้าง แม้หน้าร้อนสีเขียวจะหายไป ก็เพราะป่าแถบนี้เป็นป่าไม้ผลัดใบ เมื่อถึงเวลาใบสีเขียว ก็กลายเป็นสีน้ำตาลและร่วงหล่น
ที่นี่สวยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ อากาศของที่นี่ บรรยากาศของที่นี่ มันตรึงในใจฉันไม่เคยเปลี่ยน
เชษฐาพูดเปรย ๆ พร้อมกับมองใบหน้าเนียนของพิกุล พิกุลยังคงสวยเสมอในสายของของเขา แม้กาลเวลาจะเปลี่ยน แม้งานที่เธอทำจะทำให้สาวสวยเมื่อ 20 ปีที่แล้วเปลี่ยนแปลงไปมากมาย แต่นั่นก็เป็นเพียงภายนอก ความในใจของพิกุลที่สื่อออกมาจากใบหน้า และแววตาที่อ่อนโยนนั้น บอกเขาว่าเธอยังคงรอเขาอยู่เสมอมา
พิกุลยิ้มให้เชษฐา ตัวเธอเองเฝ้ารอมาตลอด คำสัญญาที่เขาเคยให้ คำที่ว่า จะกลับมาหาและรับไปอยู่ด้วยกัน เป็นเหมือนเข็มที่ตรึงใจเธอให้อยู่รอที่ตรงนี้ รอผู้ชายคนนี้กลับมา และเขาก็กลับมาจริง ๆ กลับมาเพื่อยืนยันว่าเขาไม่เคยลืมสัญญาที่ให้ไว้.
แว่นแก้วบ่อไป!! จะไดก่อบ่ะไป!!
เด็กสาวส่งเสียงดัง ให้มันรู้ไปเลยไม่ว่าใครนอกบ้านหรือในบ้าน ให้รู้ให้หมดว่าเธอไม่ต้องการจะไป ไม่อยากไป แว่นแก้วเดินหนีพิกุล จะไปหาแสงเดือน ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
แว่นแก้ว มาอู้กับแม่หื้อฮู้เรื่องก่อน
พิกุลเดินตามแล้วคว้าแขนเล็กของเด็กสาวไว้ เด็กสาวมองมารดาอย่างเคือง ๆ อะไรกันนักหนา จะเอาอะไรกับเธอนักหนานะ!! ไม่อยากไปให้ไปอยู่กับผู้ชายที่ทิ้งเธอกับแม่ไว้ตรงนี้ ให้ไปอยู่กับคนที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนั้น ไม่อยู่เด็ดขาด ยังไงก็ไม่ไป
ไปกับแม่ ไปผ่ออะหยั๋งกั๋น
เสียงหวานของพิกุลทำให้เด็กสาวใจอ่อนอย่างง่ายดาย อีกทั้งเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าแม่จะเอาอะไรให้เธอดู เป็นจังหวะที่แสงเดือนมาพอดี แว่นแก้วเลยชวนแสงเดือนไปด้วยกันพิกุลก็ไม่ได้ขัดอะไร
ซองจดหมายประมาณยี่สิบซองกองอยู่ตรงหน้าของแว่นแก้วและแสงเดือน ทุกซองจ่าหน้าถึงพิกุล แว่นแก้วหยิบขึ้นมาซองหนึ่ง เธอพลิกดูด้านหลัง ประทับตราชื่อเขต เขตหนึ่งในกรุงเทพ แสงเดือนที่ชะเง้อมาดูด้วยมองหน้าเพื่อนอย่างงง ๆ แว่นแก้วดึงจดหมายในซองออกมา
แว่นแก้วของพ่อ และ พิกุลที่รัก
ลูกแข็งแรงดีไหม ปีนี้ก็อายุ 10 ขวบแล้วสินะ พ่อไม่มีของขวัญจะมอบให้ มีแต่คำอวยพรเล็ก ๆ แต่เป็นสิ่งที่พ่อขอให้ลูกในทุกวัน พ่ออยากให้ลูกแข็งแรง ให้โลกของลูกสดใสและสวยงาม เป็นเด็กที่ร่าเริง เป็นลูกที่ดีของแม่พิกุล ที่สำคัญ อ่อนโยนและเข้มแข็งเหมือนแม่นะลูก แม้จะอยู่ไกล แม้จะไม่เคยเห็นหน้า แต่ให้รู้ไว้นะว่าพ่อฝันถึงลูกสาวของพ่อในทุก ๆ คืน อยากเจอหน้าลูกสาวคนนี้เป็นที่สุด พ่อรักลูกนะแว่นแก้ว
พิกุล เธอสบายดีไหม ฉันเองสบายดี กิจการตอนนี้ดีขึ้นมากทีเดียว กำลังจะขยายเครือข่ายไปต่างประเทศ เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายที่บริษัท ปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า จนฉันไม่มีเวลาแม้จะนอน เหนื่อยเหลือเกินพิกุล เวลา 11 ปีที่ไม่ได้อยู่กับเธอ มันช่างยาวนานเหมือนตราบชั่วชีวิตของฉันเลยทีเดียว แต่ฉันยังมีความหวัง หวังว่าสักวันฉันจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง สถานที่ที่ฉันรักสุดหัวใจ สิ่งที่เหลือ ที่ยังทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ในทุก ๆ วัน นั่นคือการรอ รอเพื่อที่จะกลับไปหาเธออีกครั้ง หวังว่าเธอคงรอฉันอยู่นะ
ด้วยรัก
เชษฐา
แว่นแก้วเงยหน้าจากจดหมายมองหน้าพิกุล ไม่มีคำพูดใด ๆ มีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏที่ใบหน้าของพิกุล. หมายความว่าแม่ของเธอรอคุณเชษฐามาตลอดอย่างนั้นเหรอ
พิกุลยื่นสมุดบัญชีของธนาคารแห่งหนึ่งให้กับแว่นแก้ว เด็กสาวหยิบมาดู ชื่อของสมุดบัญชีคือชื่อของเธอกับแม่ จำนวนเงินข้างในมีมากมาย
หูยยยยยยยยยย!! สะตางค์ตั๋วมีนักขะหนาดแว่นแก้ว ผ่อหล่ะ ต๊ะใดห๋า เป๋นแสนเป๋นล้าน หูยยยยย!! แม่ไผ๋ส่งมาหื้อปะล้ำ
ป้อแว่นแก้ว
แว่นแก้ว แสงเดือนมองหน้ากัน พิกุลยิ้ม เธออธิบายให้เด็กสองคนฟังว่า เงินพวกนี้ไม่ได้ถอนออกมาใช้สักเท่าไหร่ จะใช้ก็ต่อเมื่อจำเป็นจริง ๆ เช่น แม่อุ้ยสาไม่สบาย หรือตอนที่แม่ของแสงเดือนผ่าตัดไส้ติ่ง หรือตอนที่ขัดสนเงินทอง แม้แต่ให้คนแถบนั้นยืม ถ้าจำนวนมากพิกุลถึงจะไปถอนมาให้ ส่วนการคืนเงิน ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย มีเมื่อไหร่ก็จ่ายได้ ไม่คาดคั้น นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่คนในหมู่บ้านต่างรักครอบครัวของเธอ และไม่มีใครถามถึงพ่อของเธอ นั่นคงเพราะคนพวกนั้นรู้ว่าเงินที่พิกุลให้หยิบยืมคือเงินที่ได้มาจากเชษฐา
ส่วนจดหมายพวกนั้น พิกุลจะได้หลังจากวันเกิดของแว่นแก้ว 4-5 วันทุกปี เพราะเชษฐาจะส่งจดหมายให้ในวันเกิดของแว่นแก้วพอดี กว่าจดหมายจะเดินทางมาถึงก็หลายวันเอาการ แว่นแก้วเปิดอ่านอีกสองสามฉบับ ทุกฉบับจะมีคำอวยพรวันเกิดให้เธอ มีความเป็นห่วงเป็นใยผ่านตัวหนังสือเหล่านั้น มีคำห่วงหาให้แม่เธอ มีความคืบหน้าของกิจการที่ดีขึ้นตามลำดับ แว่นแก้ววางจดหมายฉบับที่ 3 ลง เดินไปกอดพิกุลที่นั่งยิ้มให้กับเธอ
แว่นแก้วไปอยู่กับป้อเน่อ เอาใบปริญญามาหื้อแม่สักใบ พิกุลเอ่ยเบา ๆ พร้อมกับลูบผมสั้นของเด็กสาว
.
16 กันยายน 2547 04:05 น.
เมโกะ_หมูน้อยตกน้ำ
แว่นแก้ววววววววว
เสียงเรียกมาแต่ไกล จนเจ้าของชื่อสะดุ้ง นึกเคืองเพื่อนที่เรียกตัวเองนัก...
แว่นแก้วววววววววววววว
แหน่ะ!! ยังจะเรียกอีก เสียงดังเชียว แว่นแก้วคว้ามะขามฝักยาวที่ห้อยโตงเตงข้างหน้าตัวเอง แล้วโยนลงมา
ตุ๊บ!!!
อัลล้า!!! เจ๊บง่าว ไผ๋บ่ะ แสงเดือนมองซ้ายมองขวา
กลางหัวเป๊ะ ๆ แว่นแก้วหัวเราะคิกคักอยู่บนต้นมะขาม แสงเดือนเงยหน้ามองข้างบนพร้อมกับส่งสายตาเคือง ๆ ไปทางแว่นแก้ว ตั้งท่าอ้าปาก ขอด่าหน่อยเหอะ!! แว่นแก้วเอามือปิดปาก เป็นเชิงบอกให้เพื่อนเงียบ แล้วปีนลงมาจากต้นมะขาม พอถึงกิ่งใกล้ ๆ พื้นก็ทิ้งตัวตุ๊บลงมาตรงหน้าของเพื่อนพอดิบพอดี
ฮ้องเสียงดัง กำเดียวแม่ผินก่ะหัน หัวเปิ้นจะแตกเอา ฮ้องก่อย ๆ บ่อได้ก๊า
แว่นแก้วกระซิบกระซาบเพื่อน แต่ดูเหมือนจะช้าไปซะแล้ว
แว่นแก้ว!! แสงเดือน!! ละอ่อนสองคนนี่มันเป๋นจะไดห๊า!! ขอกั๋นกิ๋นดี ๆ ไผ๋จะไปด่า เหยี๊ยะตั๋วหยั่งกะขะโมยขะโจ๋น มันม่วนนักแกก๋าห๊า!!..
แว่นแก้วคว้าข้อมือเพื่อนออกวิ่งตั้งแต่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแล้ว วิ่งมาไกลจนเสียงที่ได้ยินค่อย ๆ เบาลง เด็กสาวทั้งสองลดฝีเท้าจนกลายเป็นเดิน พร้อมหัวเราะคิกคัก ก็แค่อยากมีอะไรเล่น ถ้าขอกันเฉย ๆ ก็ไม่ได้วิ่งแบบนี้สิ...
ตั๋วเซาะโตยหาเปิ้นหย่ะหยั๋งก๋า แว่นแก้วถามแสงเดือนเหมือนนึกขึ้นได้
แม่ตั๋ว หื้อเปิ้นโตยหา มีไผ๋บ่ะฮู้มาตี้บ้าน รถกันจ๊าดหยั่ย ง๊ามงาม
ไผ๋มา
แว่นแก้วถามอย่างสงสัย เพื่อนแม่มีรถคันใหญ่ด้วยเหรอเนี่ย..... แสงเดือนส่ายหน้า แว่นแก้วไม่รู้แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงเนี่ย
บ่ะได้เรื่อง บ่ะฮู้สักอย่าง แว่นแก้วบ่นเพื่อน อย่างน้อยน่าจะถามว่าเป็นใคร ชื่ออะไร
บ้านตั๋ว บ่อแม่นบ้านเปิ้น จะฮู้ไปหย่ะหยั๋ง
แว่นแก้วชะงักฝีเท้า มองไปที่รถคันสวย ง๊ามงาม อย่างแสงเดือนว่าจิง ๆ รถสปอร์ต 5 ประตูคันโต ราคาคงจะแพงน่าดู รถคันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านเธอ บนบ้านที่เป็นชานออกมา มีชายแปลกหน้าสองคนนั่งอยู่.... คนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ดูสูงสง่า รูปร่างหน้าตาคมคาย อายุคงประมาณ 40 แก่ ๆ ส่วนอีกคนนั่งข้างล่างใกล้ ๆ กัน ดูหนุ่มแน่นกว่า ท่าทางเหมือนเกรง ๆ คนที่นั่งบนเก้าอี้ เด็กสาวมองหน้ากันและกัน ตั้งใจจะเดินออกไปเพราะดูท่าทางที่ผู้ชายสง่าพูดกับแม่เธอจริงจังเหลือเกิน สองสาวกำลังเดินหันหลังกลับ
แว่นแก้ว มานี่ จะไปไหน
เสียงหวานของแม่พิกุลเรียกแว่นแก้ว เด็กสาวหันหลังกลับ และเดินขึ้นบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้
มีอะหยั๋งก๊ะแม่
มาไหว้ป้อก่อนเวย ๆ
แว่นแก้วนิ่งชะงัก ป้อ เด็กสาวหันไปทางชายวัยกลางคนที่นั่งเก้าอี้สง่าน่าเกรงขาม แล้วมองหน้าแม่ของตัวเองอีกที เหมือนกับถามว่าคนนี้เหรอ พิกุลพยักหน้าช้า ๆ
เด็กสาวหันไปหาเพื่อน ทำหน้าบอกไม่ถูก แสงเดือนส่ายหน้าช้า ๆ ตัวเธอเองก็งงไม่แพ้แว่นแก้วเช่นกัน.
แว่นแก้วยกมือไหว้ชายวัยกลางคน เขายิ้มอย่างอ่อนโยน เด็กสาวรับรู้ถึงแววตานั้น แต่ ตลอดเวลาเธอรับรู้แค่ว่าพ่ออยู่ไกล ไม่มีเวลามาหา คำว่าอยู่ไกลของแม่พิกุล มันคืออะไร คำว่าไม่มีเวลา มันคืออะไร เด็กสาวเดินไปนั่งข้าง ๆ มารดา แล้วมองอย่างเฉยเมยไปทางชายคนนั้นที่ยังคงยิ้มมาให้เธอ.
เปิ้นเป๋นป้อแว่นแก้ว
แว่นแก้วมีป้อเหมือนแสงเดือนโตยก๋าแม่
แว่นแก้วพูดแล้วเดินจากไป ชิ!! หายไป 15 ปี แล้วมาประกาศตัวว่าเป็นพ่อ ไม่ชอบสักนิด และไหนจะสายตาของแม่พิกุล ที่มองเหมือนห่วงใยคน ๆ นั้นนักหนาอีกเล่า ไม่ชอบเลย ไม่ชอบจริง ๆ
แว่นแก้ว!!
แสงเดือนคว้าแขนเล็กของเพื่อนไว้ แล้วรั้งตัวให้หันหน้ามาหาตัวเอง แว่นแก้วได้แต่ก้มหน้า แสงเดือนดันหน้าของแว่นแก้วให้มองตัวเอง แล้วก็ส่ายหน้า เธอคว้าร่างบางของเพื่อนที่สะอื้นตัวโยนมากอดไว้...
ไห้หย่ะหยั๋ง โอ๋ๆๆๆๆ จะไปไห้เน่อ... คนเก่งของแสงเดือน บ่อเกยไห้หื้อไผ๋ เป๋นจะไดมาไห้นิ ไข้ฮู้ ไหนบอกเปื้อนมาหล่ะ แสงเดือนลูบผมสั้นระบ่าของแว่นแก้ว
บ่อฮู้แสงเดือน แว่นแก้วบ่อฮู้ แว่นแก้วพูดปนสะอื้น
แล้วเป๋นอะหยั๋งเนี่ย ผ่อหล่ะ ไห้จ๋นหน้าตาบ่อผ่องใส เปื้อนแสงเดือนบ่องามไปเหียหล่ะ
เปิ้นบ่ะไห้ละแสงเดือน แว่นแก้วเช็ดน้ำตา
บอกได้ก่อว่าไห้หย่ะหยั๋ง
ป้อ. แสงเดือน แว่นแก้วมีป้อ ร้อยวันปันปี๋ แม่บ่อเกยบอก แล้วจู่ ๆ ก่ะบอกว่ามี ป้อเป๋นไผ๋หยะหยั๋งแม่บ่ะบอกตั้งตะเก้า ปล่อยจ๋นเปิ้นหยั่ย 15 ปีก่อนเน่อแสงเดือน บ่อเกยอู้ถึง
แม่พิกุล เปิ้นก่ะถ้าจะมีเหตุผลของเปิ้น เหตุผลของคนหยั่ย ละอ่อนอย่างเฮาบ่อฮู้หรอกแว่นแก้ว กึดนักไปก่ะเต่าอั้น เฮามาม่วนกั๋นดีกว่า แล้วก่อยไปถามเหตุผลของแม่พิกุล เน๊อะ!!
พร้อมรอยยิ้มที่จริงใจของแสงเดือน แว่นแก้วพยักหน้าแล้วลุกขึ้น.... นั่นสินะ คิดไปก็เท่านั้น เหตุผลของแม่คงดีพอที่เธอจะรับฟังได้
แสงเดือนฉุดแขนแว่นแก้วเดินไปตามทางดินลูกรังเล็ก ๆ รอบด้านเต็มไปด้วยสีเขียวของหญ้าและต้นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติและอยู่ไม่ห่างกันนัก พอเป็นร่มเงาให้เดินสบาย ๆ เส้นทางนั้นดิ่งตรงไปที่ลำห้วยเล็ก ๆ เด็กสาวทั้งสองมักจะมาเล่นน้ำที่นี่ในเวลาเย็น ๆ และเด็กหนุ่มสาว รวมไปถึงเด็กตัวน้อย ๆ ก็มักจะมาเล่นเหมือนกัน เหมือนเป็นที่นัดพบของเด็กในหมู่บ้านแถบนี้อย่างไงอย่างนั้น ค่อย ๆ เดินไปตามทาง คุยเล่นหัวเราะร่าเริง จนไปถึงสถานที่เย็นฉ่ำ ไม่พูดพร่ามทำเพลง แว่นแก้วและแสงเดือนกระโดดลงน้ำอย่างไม่คอยท่า
หย่ะหยั๋งมาจ้า แว่นแก้ว แสงเดือน
เมาก่ะไห้ แสงเดือนตะโกนบอกเพื่อนที่ถามมา
แว่นแก้วมองเพื่อนเคือง ๆ แล้วสาดน้ำใส่แสงเดือนอย่างสนุก
..
นั่นลูกสาวของฉันเหรอ
เชษฐาเอ่ยถามกับพิกุล ถึงเด็กสาวที่ไหว้เขา และคำที่พิกุลแนะนำ พ่อ คำ ๆ นี้ช่างจับจิตเขายิ่งนัก
ค่ะ คุณเชษฐ์ พิกุลตอบแล้วยิ้ม
ขอโทษนะคะ ที่แกทำกิริยาไม่สุภาพ
เธอไม่เคยบอกแว่นแก้วเหรอว่าพ่อเป็นใคร
.
ไม่เป็นไร ก็สมควรแหละนะ ฉันบกพร่องหลายอย่าง
พิกุลเข้าใจคุณค่ะ
เธอจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะขอทวงสัญญาคืน
คำ ๆ นี้ทำเอาพิกุลเงียบนาน สัญญา อย่างนั้นเหรอ เธอกล้าพอที่จะทำตามสัญญานั้นหรือเปล่านะ
..
5 กันยายน 2547 03:36 น.
เมโกะ_หมูน้อยตกน้ำ
พรุ่งนี้สิน่ะที่มณีจะพาเธอไปหาหมอจริง ๆ สะที เพราะตามใจเธอไม่ได้แล้ว
อาการมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ...ที่จริงนุกเองก็ไม่อยากไปเช่นเคย แต่มณี
บังคับให้ไป ถ้าไม่ไปจะลากขึ้นรถไปอย่างไปอายใครเลย
พรุ่งนี้จะมารับนุกแต่เช้าเพื่อนไปโรงพยาบาลกัน....
"นุก เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมารับแกแต่เช้าน่ะ แต่งตัวให้เรียบร้อยเลยน่ะ"
"จ้าาาาา...." นุกลากเสียงด้วยความอ่อนล้า
"ไปล่ะน่ะ ยายแก ฮิๆๆ" คงรู้น่ะว่าตอนนี้สภาพของเธอเป็นยังไงมณีถึงว่ายายแกได้
"ใคร แก่ ยัยมณี เดี๋ยวเถอะ หายเมื่อไหร่แกตายแน่"
"ก็แหง...ล่ะ หน้าแกอ่ะตอนนี้แก่มากกกกกกกกก..." มณีลากยาววววววว....มาก
"ไปเลย ๆ เดี๋ยวแม่จะเตะเข้าให้เลยยัยบ้า"
"ฮิ ๆ ๆไปล่ะจ้าๆๆๆๆ คุณแม่"
มณีได้กลับไปแล้วเธอก็ต้องอยู่คนเดียวอีกเช่นเคย นุกพลางลุกเดินขึ้นไปที่กระจก
"อุ้ย...นี่หน้าฉันหรอเนี้ย" เธอก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าที่เคยหวาน ตอนนี้มันดู
เหมือนคนแก่ไม่ผิดเลย นุกล้มตัวลงที่เตียงนอนแระคล้อยหลับไป มันเหมือนว่าตัว
ของเธอลอยได้ ลอยไปในที่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยคุ้นตามาก่อนเลย แต่คนที่เธอไม่
คิดว่าจะเจอเธออีกแล้วนั้นก็คือ หญิงสาวแสนสวยคนนั้นนั่นเอง เธอดีใจมากที่ได้
เจอกับเธอคนนี้ เพราะเธอรอวันที่เธอจะพ้นจากความเศร้าที่แสนจะทรมานในวันคืนนี้
"คุณ นั่นเอง คุณจะมาทำให้ฉันพ้นจากความเศร้าแล้วใช่ไหม"
"ใช่ เรามาแล้ว เราจะมารับเจ้ามาอยู่กับเรา ถ้าเจ้ามาอยู่กับเรา เจ้าก็จะพ้นจาก
ความเศร้า หรือทุกข์ทุกอย่าง"
"ไปสิ ฉันจะไปอยู่กับคุณ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง..."
"มันเป็นไปได้ถ้าเจ้ามากับเรา ไปกันได้แล้วล่ะ"
" แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน"
"อยู่ที่โลกของเรา ที่ที่เจ้าอยากรู้มาตลอดไง"
นุกยังงง ๆ อยู่ กับคำพูดของหญิงสาวคนนี้ แต่เธอก็เดินตามเขาไปเรื่อย ๆ
นุกเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้วิณญานของเธอได้ออกจากร่างตั้งแต่เธอได้เดินตามหญิงสาว
มาแล้ว
รุ่งเช้าวันต่อมา...ถึงเวลาแล้วที่มณีจะมารับนุกไปโรงพยาบาลด้วยกัน
มณีจะเป็นยังไง ถ้าได้รู้ว่านุกได้เสียชีวิตไปแล้ว..เธอจะเสียใจแค่ไหน
"นุก... แก อยู่ไหน ฉันมาแล้ว อยู่ไหนของเขาน่ะ.." มณีวิ่งตามหานุกทั่วบ้านแล้วยังไม่เจอ
"สงสัยจะอยู่ในห้องนอน ลองไปดูดีกว่า" มณีค่อย ๆเปิดประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ
"จ๊ะ เอ๋ นี่ไปกันได้แล้ว" มณีปลุกนุกอยู่นาน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาว่านุกจะตื่น
"นุก..นุก นุกกก แกเป็นไร" มณีตะโกนเรียกเท่าไรนุกก็ยังไม่ตื่น..
"นุก...ฮื่อออออออออ ยัยบ้าๆๆๆๆ มันไม่ใช่เวลามาล้อเล่นน่ะ" มณีเขยาแล้วเขยาอีก
ก็เฉย จนมณีเองต้องยอมรับว่านุกเพื่อนสุดที่รักของเธอ ได้ตายไปแล้ว
ทุกคนเสียใจมาก โดยเฉพาะแม่ของนุกคนที่รักเธอมากมากกว่าใครๆทั้งสิ้น
มณีเองก็เสียใจมากมากอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องเสียเพื่อนอันที่รักไป มณีเป็นแค่เพื่อน
ยังเสียใจขนาดนี้ แล้วป้ากัลยาล่ะท่านเป็นแม่จะเสียใจขนาดไหน เรื่องที่นุกตายนั้น
รู้กันทุกคน แต่มีสองคนที่เขาไม่รู้ นั้นก็คือ เอก แระ แก้ว เพราะไม่มีใครบอกสองคนนี้เลย
มณีอยากจะไปบอกกับเอกหลายครั้ง เพื่อให้เอกมาเยี่ยมศพของนุกสักครั้งก็ยังดี
แต่มณีก็ทำไม่ได้ ทุกวันมณีเฝ้าแต่ร้องไห้...เพราะไม่คิดว่าอยู่ ๆ เธอจะต้องมาเสียเพื่อนไป
แบบกระทันหัน...โดยที่ยังไม่ได้ตั้งตัวเตรียมใจอะไรเลย
เวลาผ่านไป..เดือนกว่า ๆ แล้วมณีจะมาเยี่ยมหลุมศพของนุกทุก ๆ อาทิตย์ พร้อมกับป้ากัลยา
+ถึงเวลาแล้วสิน่ะ ที่ฉันจะต้องไปบอกกับพี่เอกสะที+...มณีก็ไม่รู้ว่าถ้าเธอไปบอกเอกแล้ว เอกจะมา
เยี่ยมนุกหรือไม่แต่เธอก็จะไป
"นุก ฉันคิดถึงแกหว่ะ ฮื่อๆๆๆ" มณีนั่งลงที่หน้าหลุมศพของนุก น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุด
แม้มณีจะรู้ว่า...ถึงเธอร้องไห้ไป นุกก็ไม่กลับมา แต่เธอก็จะร้อง เพราะเธอเองก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้
ที่จะหยุดร้องไห้
มณีเดินทางไปที่บ้านของเขาคนสองคน ที่ย้ายออกไปอยู่อีกจังหวัดนึงที่ไกลจากกรุงเทพนัก
เมื่อมณีไปถึงเธอเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี จะบอกดีไหม หรือไม่บอกดี ..เธอหยุดที่หน้าประตู
ไม่กล้าที่จะเข้าไปกดกริ้งบ้านของเอก......
"อ้าว...นั้นใครนะน่ะ มายื่นทำไรลับ ๆ ล้อ ๆ ...เฮ้อ !!! มณี.." พอเอกเปิดประตูออกก็ต้องตกใจ
เพราะคนที่ยืนอยู่นั้นเป็น มณี
"ค่ะ มณีเอง ตกใจมากหรอค่ะพี่เอก"
"ปะ....ปล่าวครับ" เอกเองก็ไม่รู้ว่า ที่มณีมาหาเขาถึงที่นี่ เพราะมีเรื่องอะไร มณีถึงต้องมาถึงนี่
"พี่เอกว่างไหมค่ะ มณีอยากจะพาพี่เอกไปที่ที่นึงค่ะ"
"ว่างครับ แล้วมณีจะพาพี่ไปไหน"
"พี่เอกไปถึงก็จะรู้เองล่ะ"
" อืมๆๆ ได้ๆๆ เดี๋ยวรอพี่ก่อนน่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนน่ะ"
มณีขับรถพาเอกไปที่ที่เธอตั้งใจไว้ ว่าจะต้องพาเขามาให้ได้ แต่เธอก็ไม่ได้บอกเอกว่า
เธอจะพาเขาไปที่ไหน ... ตลอดการเดินทางมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไร
ต่างคนก็ต่างเงียบ จนกระทั้งถึงที่หมายของมณี...มณีหาที่จอดรถเอกก็งงเลยเอ่ยถามว่า
"มณีพาพี่มาที่ทำไม.." เอกหน้าเงี้ยวคิ้วขมวด...
"มณีจะพาพี่มาหาใครบอกคนค่ะ..." มณีเดินนำทางไป เอกเองก็เดินตาม
"ใครน่ะ...แล้วทำไมต้องมาที่นี้ด้วยล่ะ" เอกยังคงถามไม่หยุด พอถึงหลุดศพของนุกมณีก็พูดว่า
"มณีพาพี่เอกมาหานุกค่ะ..." มณีน้ำตาเริ่มจะไหลอีกแล้ว ทำไมต้องมาไหลตอนนี้ด้วยน่ะ....!!
"นุก แล้วทำไมตต้อ..."เอกต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นชื่อของหลุดข้างหน้า "นุกชะดา อ่อนละมุล"
เอกถึงกับอึ้งเมื่อเห็นชื่ออยู่ด้านหน้าของเขา
"ค่ะพี่เอก ตลอดเวลาที่พี่เอกมีความสุขกับพี่แก้ว แต่พี่เอกไม่เคยรู้เลยว่านุกมันต้องทนปวดร้าวสักแค่ไหน
พี่เอกไม่เคยแม้แต่จะโทรมาถามทุกข์สุขของนุกมันเลย ครั้งเดียวก็ไม่เคย ทุกวันนุกมันอยู่
อย่างเดียวดาย..นับวันก็เริ่มโทรมลงเรื่อย ๆ ในขณะที่พี่เอกมีความสุขกับเขาคนนั้น
มันแตกต่างกันมากเลยน่ะค่ะ ที่คนที่เขาไม่ผิดกับต้องไปฝ่ายไปแระเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว
ทุกวันนุกมันไม่เคยคิดว่าพี่เอกผิด แต่มันกลับคิดว่ามันเองที่ผิด..นุก..."
"พอเถอะมณี..." มณีต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเอกเอ่ยคำนี้แหละเสียงสะอื้นเล็กน้อย
"ทุกวันนี้พี่ก็ไม่เคยลืมว่าพี่เคยทำอะไรไว้กับนุก แระตลอดเวลาที่พี่อยู่กัยแก้ว
พี่ก็ยังคิดถึงนุก นุกเป็นคนที่พ่รักมากที่สุด แต่เราต้องมาแยกกันเพราะความผิดของพี่
แต่เราก็โทษอะไรใครไม่ได้อีกแล้วเพราะมันจบไปแล้ว นุกได้ตายไปแล้ววว...พี่เสียใจ"
เอกพูดคำนี้และก็กลับหลังเดินออกไปจากที่ตรงนี้ทันที "มณี มันจบไปนานแล้ว"
เอกหันกลับมาบอกมณี เอกก็เสียใจเช่นกันที่นุกต้องมาตายเพราะเขา เพราะผู้ชายที่
เห็นแก่ได้ ไม่เอาความรักเป็นเหตุ กลัวแต่คนที่สามจะเสียชื่อเสียง ผู้ชายที่แคร์ความรู้สึก
คนที่สามมากกว่าคนที่รักแระอยู่กันมากเป็นปี ๆ มณีก็เสียใจที่เห็นเอกไม่รู้สึกรู้สมอะไรเลย
เธออุส่าพาเขามาที่นี่ ที่ที่เราไม่เคยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็กลับไปเหมือนไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น
"นุก แก ตื่นสิหว่ะ แกนอนไปนานแล้วน่ะ เมื่อไหร่แกจะตื่นสักทีหว่ะ..ฮื่อออออออ...
แกเห็นไหม พี่เอกเขามาแล้วฉันพาพี่เอกเขามาหาแกแล้ว เห็นเห็นไหมยัยนุก แกเห็นไหม ฮื้อออออๆๆๆ"
มณีล้มตัวลงที่สวยดอกไม้หน้าหลุมศพนุก.....ร้องไห้ฟูมฟาย เหมือไม่ยอมรับว่านุกได้ตายไปแล้ว
บางครั้งมณีเองก็ลิมตัวไม่ยอมรับว่านุกตายแล้ว มณีคุยกับรูปภาพของนุกแล้วก็ร้องไห้อยู่คนเดียว...
จบ....
" เพื่อนที่จะยอมเป็นยอมตายเพื่อนเรานั้น ร้อยทั้งร้อย มีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น
แหละคนที่จะมาอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุข พร้อมที่จะฝ่าสิ่งเลวร้ายไปพร้อมๆ กัน
นั้นหาได้ยาก...แม้ขนาดคนที่เราคิดว่าใช่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่ใช่อยู่ดี ในโลกนี้
คนที่เราต้องการอยู่กับเขาตลอดไปจนถึงวันที่เราแก่...นั้นจะมีไหม
แต่ถ้ามีก็กว่าเราจะเจอ หัวใจดวงที่เราพร้อมที่จะมอยให้เขา เขาคนที่พร้อมจะอยู่กับเรา
ตลอดไปมันคงต้องเจ็บไปครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง"