17 มกราคม 2557 14:19 น.
เมต้าไซรัป
ข้าพเจ้าคนสติแตกหลังจากได้กินยาที่สั่งจ่ายจากคุณหมอแสนสวย ซึ่งสรรพคุณของมันได้ช่วยทำให้ล่องลอยออกไปท่องจักรวาลไกลโพ้น แต่ไม่ลืมที่จะมองหาวิธีการจัดการกับม็อบ ม็อบบ้า ม็อบระยำ ม็อบเส็งเคร็ง เหี้ยม็อบ สัดม็อบ ฉับพลันด้านหนึ่งของความดีที่อยู่ในร่างก็โผล่ขึ้นมาเสนอความคิดเห็นว่า "ม็อบน่ะเหรอม็อบก็คือ การรวมตัวของมนุษย์เพื่อเป้าหมายบางอย่าง บางอย่างที่มนุษย์คนอื่นอาจจะไม่พอใจ แล้วยังไงล่ะมนุษย์ที่เป็นปัจเจค นายน่ะมันก็แค่มาอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ดังนั้นการเอาตัวรอดจากสถานการณ์วุ่นวายสับสนก็คือ นายต้องเข้าร่วมไปกับม็อบด้วย ดังสุภาษิตที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม นายอย่าโง่นักเลยหน่า ชีวิตนึงก็มีค่านะ นายอย่าทำตัวเป็นจรเข้ขวางคลองสิ ก็เห็นอยู่ว่า กระแสน้ำมันไหลอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ดังนั้น ไม่มีหรอกความสงบที่แท้จริง ถึงมีอยู่จริงมันก็แค่ความคิดของมนุษย์ประเภทเพ้อฝันเท่านั้น อีกอย่างความฝันมันก็ช่วยอะไรใครไม่ได้สักหน่อย นายมองเห็นดวงอาทิตย์กลมใหญ่ตรงโน้นไหม นั่นละคือเชื้อเพลิงที่ทำให้ทุกชีวิตหมุนไป ม็อบก็เช่นเดียวกัน หากนายจะกำจัดม็อบคนดีแล้วละก็นายคิดดูให้ดีนะ นายจะต้องหาน้ำทั่วจักรวาลเพื่อจะมาดับมันเจ้าลูกไฟกลมที่ลอยโดดเด่น นายจะทำได้อย่างไรกัน ไม่มีทาง โปรดฟังและเข้าใจในฉันผู้ซึ่งดำรงสถานะตัวแทนของความดี ถึงแม้จะเป็นการจำลองจากแบบของความดีก็ตาม เห็นทีว่าฉันพูดมากเกินไปแล้ว ขอความดีสถิตย์อยู่ในตัวนาย เอ้อเกือบลืมนายควรจะลองเป่านกหวีด หัดใส่ร้ายป้ายสี หัดเปิดหูของนายลองฟังเสียงตะโกนโหวกเหวกบ้างนะ สติของนายก็จะกลับเป็นปกติอีกครั้ง ลาก่อน" ปิ๊ง...... "เหอะ เหอะ ปล่อยให้มันพูดไปเถอะ เจ้าความดีระยำนั่นนะ นายกำลังสงสัยว่าฉันเป็นใครน่ะเหรอ จะตอบให้เลยเดี๋ยวนี้ ฉันก็คือ ความเลวไงล่ะ ทุกคนมักจะหวาดกลัว แต่ทุกคนก็มีฉันอยู่ในตัวทั้งสิ้น เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่ทั้งหลาย ปล่อยพวกมันให้ห่ำหั่นกันเองต่อไปเถอะ มาพูดถึงม็อบในสายตาของความชั่วร้ายกันดีกว่า ฉันจะเริ่มต้นยังไงดีล่ะ อ๋อจริงสินายมันคนสติแตกที่เทิดทูนปรัชญานักใช่ไหม จากแววตาของนายฉันคิดว่านายเป็นพวกขี้สงสัยอย่างวายร้ายทีเดียว มันน่าขำอยู่นะว่า ปรัชญามีศัตรูขนาบอยู่ถึงสองข้าง เป็นศัตรูที่นายไม่มีวันจะต่อกรด้วยได้ นายอาจจะเถียงฉันก็ได้ แต่ยอมรับเถอะว่า ความเชื่อและความศรัทธามันเป็นรากฐานสำคัญที่สุดของมนุษย์สังคม พวกนักปรัชญาอาจจะหาเหตุผลทั่วจักรวาลมาอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ความสงบสุขที่ได้มาก็รับใช้เฉพาะกลุ่มมนุษย์ขี้สงสัยเท่านั้น นั่นเกือบจะกลายเป็นจุดบอดของดวงอาทิตย์ทีเดียว แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อมันมีอยู่ นายเองคงจะหมกหมุ่นหาวิธีการบางอย่างที่จะทำให้มนุษย์เท่าเทียมกันทั้งวันและทั้งคืน ฉันไม่เถียงว่าทุกชีวิตมีค่า ใช่เจ้าความดีห่าเหวนั่นพูดถูก การมีชีวิตอยู่มันเป็นคุณค่า แต่เป็นคุณค่าแบบที่ต้องแลกด้วยคุณค่าต่างหาก ช่างปะไรถึงนายตายไป ฉันก็จะยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตามนายคนสติแตก ฉันหวังว่านายคงต้องการกำจัดม็อบใช่ไหม ฉันในฐานะความเลว ที่สถิตย์อยู่ในทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่พืช พืชที่ชั่วร้าย นายคิดถึงอะไรอยู่ นายรู้ดีที่สุด ดังนั้นจงกลับไปหาหมอคนสวยอีกครั้ง แล้วก็ขอมอร์ฟีนฉีดสักสองเข็ม เพื่อที่นายจะไร้ซึ่งสติ แล้วไสหัวกลับไปครุ่นคิดอยู่ในโลกของนายอีกครั้ง สวัสดี" ฟิ้ว.........
หลังจากยาเม็ดหมดฤทธิ์ข้าพเจ้าไม่สงสัยเลยสักนิดว่าเช้าวันนี้อันความผิดพลาดทั้งโลกเกิดมาจากตัวข้าพเจ้าเองเท่านั้น หากไม่เสือกก็คงไม่เจ็บปวด หากไม่โง่คงฉลาดขึ้นบ้าง ใช่เพราะอินเตอร์เน็ตแท้ๆเชียว ฝากไว้ก่อนเถอะวะ
15 มกราคม 2557 17:39 น.
เมต้าไซรัป
คนดี :: ฉันเป็นคนดี
คนเลว :: ฉันคิดว่าตัวเองก็เป็นคนดี
คนดี :: ไม่ เธอเป็นคนดีไม่ได้หรอก
คนเลว :: ทำไมฉันจะเป็นไม่ได้ ?!?
คนดี :: ถ้าเธออยากได้คำตอบ ฉันคงไม่มีให้หรอกย่ะ
คนเลว :: ช่างเถอะ ถึงยังไงฉันก็เป็นคนดี
คนดี:: ไม่ไม่ เธอไม่เข้าใจเลยหรืออย่างไรนะ คนเลวจะเป็นคนดีนั้นมันเป็นไปไม่ได้
คนเลว::ฉันไม่สน
คนดี::เธอลองมองดูตัวเองในกระจกสิเผื่อจะเจอคำตอบ ฉันใบ้ให้เพราะสงสารเธอจัง
คนเลว::ฉันไม่ต้องการความสงสารอะไรนั่นหรอก
คนดี::แน่สิ เธอเป็นคนเลวคงไม่มีอารมณ์ความรู้สึกสินะ
คนเลว::ก็แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน ถึงยังไงฉันก็เป็นคนดี
คนดี::ไม่ไม่ เธอเลิกพูดประโยคนี้เสียทีเถอะ ฉันชักจะไม่ไหวแล้วนะ
คนเลว::ทำไม เธอจะเอามีดมาแทงฉันหรือไง เอาเลยสิมีดมันก็อยู่ในกำมือเธอแล้วนี่
คนดี::มันง่ายเกินไป คนดีไม่ทำลายคนเลวด้วยวิธีง่ายๆแบบนี้
คนเลว::คนดีต้องมีความกล้าสิ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนดี
คนดี::อืม ฉันคิดว่านี่เป็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างฉันกับเธอ
คนเลว::ความแตกต่างที่ว่าก็คือ เธอกำลังกลัวน่ะสิ
คนดี::ฉันไม่ได้กลัวแล้วฉันก็เป็นคนดี
คนเลว::ก็เห็นอยู่ว่าฉันเป็นคนดี ที่รอให้เธอเอามีดจ้วงแทงฉัน
คนดี::เธออย่ามายั่วโมโหกันแบบนี้นะ
คนเลว::กล้ากล้าหน่อยสิ ฉันคอยอยู่นานแล้วนะ
คนดี :: ดี งั้นเธอก็เอามือเธอมาจับมือฉันสิ
คนเลว :: ได้ถ้าเธอต้องการแบบนั้น
คนดี :: ระวังหน่อยสิ ดูซิเลือดกระเด็นเปื้อนชุดตัวโปรดฉันเห็นไหม
คนเลว :: มีดของเธอคมดีจัง
คนดี :: ความเจ็บปวดคงแผ่ซ่านไปทั่วตัวเธอสินะ ขืนเลือดไหลไม่หยุดอย่างนี้เธอก็คง...
คนเลว :: แต่พระเจ้าก็ยังรู้ได้ว่าฉันเป็นคนดี
คนดี :: เธอนี่ดื้อด้านจริงนะ แถมยังอ้างพระเจ้าเสียอีก
คนเลว :: พระเจ้ารู้ทุกอย่างและพระเจ้าก็เป็นคนดี
คนดี :: พระเจ้าไม่ใช่คนดี
คนเลว :: ถ้าพระเจ้าไม่ใช่คนดีมนุษย์ก็คงเป็นคนดีไม่ได้
คนดี :: ใครบอกเธอว่ามนุษย์จะเป็นคนดีไม่ได้
คนเลว :: ฉันไม่รู้หรอก แต่นี่ขอน้ำสักแก้วสิ
คนดี :: ฉันจะไปเอามาจากไหนกันล่ะ
คนเลว :: ก็น้ำตาของเธอปะไร
คนดี :: ฉันร้องไห้ครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอนถูกจับโยนลงมาในโลกใบนี้
คนเลว :: เล่าต่อไปสิ เรื่องราวของเธออาจทำให้ฉันร้องไห้ได้
คนดี :: เอ่อ ฉันคิดว่ามันประหลาดพิกลที่ฉันจะต้องเล่าเรื่องตัวเองซึ่งเป็นคนดีให้คนเลวอย่างเธอฟัง
คนเลว :: ฉันไม่ได้บังคับเธอฉันแค่กระหายน้ำ อีกอย่างฉันก็เป็นคนดี
คนดี :: นี่เธอยังไม่ยอมหยุดใช่ไหม ขืนเธอยังอ้างว่าตัวเป็นคนดีฉันจะไม่เล่าให้ฟังเด็ดขาด
คนเลว :: ก็ช่างเธอ งั้นฉันเล่าเรื่องตัวเองให้เธอฟังก็ได้นี่นะ
คนดี :: เดี๋ยวขอให้ฉันคิดแป๊บนึงนะ
คนเลว :: เธอจะต้องคิดอะไรกันอีก
คนดี :: ก็คิดว่า...คนดีสามารถรับฟังเรื่องราวของเลวได้ไหม แล้วฉันก็ได้คำตอบอยู่เดี๋ยวนี้
คนเลว :: ได้ใช่ไหม งั้นฉันจะเล่าเรื่องที่ฉันสนใจก่อนลมหายใจของฉันจะขาดหายไป
คนดี :: อย่าเพิ่งเลยขอให้ฉันไปยืนใต้เงานาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ก่อน
คนเลว :: เธอนี่เรื่องมากจริงนะ
คนดี :: เอาล่ะเธออยากเล่าอะไรก็ตามสบาย ยกเว้นความดี
คนเลว :: เธอจะห้ามฉันไม่ได้หรอกก็ฉันเป็นคนดี
คนดี :: เธอนี่มันร้ายกาจเหลือเกิน ฉันรับไม่ได้อีกแล้ว
คนเลว :: เธอจะไปไหน
คนดี :: ไปตามทางที่คนดีเขาไปกันน่ะสิ คนเลวอย่างเธอจะรู้ไปทำไมนะ
คนเลว :: ฉันถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังสักหน่อย
คนดี :: คราวหน้าคราวหลังก็อย่าลืมส่องกระจกบ้างน่ะ คนเลวไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมาเกะกะคนดี
คนเลว :: ก็โลกนี้มันกว้างใหญ่ไพศาล ฉันเองก็ไม่อยากเจอเธอเหมือนกัน
คนดี :: ถ้างั้นก็ลาก่อนนะคนเลว
คนเลว :: เช่นกันลาก่อนคนดี
13 ตุลาคม 2556 02:40 น.
เมต้าไซรัป
แดดอ่อนตอนเช้าโผล่มาเยี่ยมเยือนสรรพสิ่งในเมืองหลวง ทุกการเคลื่อนไหวของอวัยวะร่างกายล้วนถูกรับรู้จากการมองของคุณป้าขายก๋วยเตี๋ยวที่มีปากว่องไวกว่าดวงตาพูดถึงการจากไปของลูกค้าคนหนึ่งให้ลูกค้าที่เพิ่งมาถึงฟัง และการมาถึงร้านของชำแห่งหนึ่งของลูกค้าอีกคนหนึ่งนำมาซึ่งการขยับปากของคุณลุงเจ้าของร้านผู้ชื่นชอบวิตกวิจารณ์ผลงานรัฐบาลอันเนื่องมาจากค่าครองชีพที่เลวร้ายกว่าบนสวรรค์หลายเท่าตัวนักด้วยคำศัพท์ที่นักปราชญ์ไม่สามารถจะเลียนแบบแกได้ และเมื่อดวงตะวันยังไม่ทันลอยตรงกลางหัวดีนัก กระเป๋ารถเมล์นางหนึ่งตะโกนอย่างมีน้ำใจในหัวข้อใหญ่ประจำวันนั่นก็คือการสละพื้นที่อันคับแคบให้กับผู้โดยสารแต่ละคนได้ยัดกันเข้าไป และผู้โดยสารแต่ละท่านยิ้มมุมปากเมื่อนึกได้ว่าตนโชคดีเพียงใดที่ได้ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ทะนงตัวกันต่อไปในขณะนั่งติดแหงกตรงสี่แยกไฟแดงที่เข็มนาฬิกามีเอาไว้ให้รู้ว่าแสงเดินทางเร็วกว่าเสียง ผ่านไปสามชั่วโมงเมื่อรถเคลื่อนที่ได้อีกครั้ง บางทีอาจจะเร็วกว่าฝีตีนของหอยทากเป็นสิบหรือยี่สิบเท่า จู่จู่คนขับรถเมล์ตะโกนไล่หลังถามถึงความเป็นอยู่ถึงบรรพบุรุษเจ้าของรถคันโตที่ขับปาดแซงหน้าไปอย่างฉิวเฉียด และในการเหยียบเบรกอย่างกระทันหันนั้นทำให้ผู้โดยสารใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น บ่อยครั้งจุดหมายมักจะมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า ไม่มี่สถานที่ใดจะดีไปกว่าการยืนต่อคิวซื้อเครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อสาขาที่มีคนพลุกพล่านพอพอกับโรงพยาบาลของรัฐที่ไหนสักแห่ง ผิดกันตรงที่พนักงานที่นี้เห็นลูกค้าเป็นพระเจ้าึจึงพูดได้แต่คำว่า สวัสดีค่ะ----ขอบคุณค่ะ (เหมาะมากสำหรับจะไปอยู่ในดนตรีประเภททริปฮอบ) ในเวลาเดียวกันกับนางพยาบาลแก่ๆ ก็ขยับปากให้สติสตังของคนไข้แต่ละคนไม่ให้ลอยหนีหายไปจากร่างกายเสียก่อน เฮ้อ...ทันทีที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างแช่มช้าในอาการเดียวกันกับความพยายามของก้อนเมฆสีเทาก้อนหนึ่งที่ลอยสำรวจท้องฟ้าอย่างเรื่อยเปื่อยเพียงเพื่อจะพบคำตอบว่าท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้า ไม่นานความมืดเข้าจู่โจมเมืองทั้งเมืองอีกครั้ง ร้านเหล้าเอย ร้านคาราโอเกะเอย ร้านอาหารเอย ร้านแม่งทุกร้านที่มีมนุษย์มากกว่าสองคนขึ้นไป ล้วนทุกปากขยับในสถานะที่ต่างกันหลังจากตื่นขึ้นมาผจญภัยในสถานที่ที่เปรียบได้กับโรงละคร ลูกค้ากลายเป็นผู้ให้บริการ และพ่อค้าแม่ขายในตอนกลางวันเป็นลูกค้าในตอนกลางคืน การขยับปากเป็นกิจกรรมที่พบเห็นได้บ่อยในเมืองหลวง ทั้งวันและทั้งคืนไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ และมาถึงตอนนี้ฉันเองก็เหนื่อยเสียแล้วที่จะต้องขยับปาก(กา)
9 มิถุนายน 2556 14:29 น.
เมต้าไซรัป
หากมีใครคนหนึ่งบอกคุณว่า โลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย
ก็จงตอบไปว่า งั้นรึแต่ฉันมีความสุขดีอยู่กับลมหายใจสดใหม่
หากมีใครคนหนึ่งบอกคุณว่า โลกนี้สวยงามมหัศจรรย์ยิ่งนัก
ก็จงตอบไปว่า เชอะมันน่าเบื่อหน่ายจะตายชักกับสิ่งซ้ำซากจำเจ
หากมีคำบอกเล่าของใครคนหนึ่งที่ยัดเยียดให้ต้องเห็นคล้อยตาม
จงรับฟังอย่างคนหูหนวกพร้อมส่งสายตาแข็งกร้าวตอบกลับไป
หากมีใครคนหนึ่งตรงเข้ามาถามคุณว่า รู้สึกกับโลกใบนี้อย่างไร
จงยิ้มอย่างคนใบ้พร้อมส่งภาษามือที่แสดงอาการว่าคุณรู้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
หากมีใครคนหนึ่งเดินผ่านมาแล้วตั้งคำถามต่อคุณว่า นั่นคุณจะไปไหน
จงตอบไปว่า ฉันไม่รู้พร้อมกับแหงนหน้ามองท้องฟ้า
หากเดินต่อไปแล้วใครอีกคนหนึ่งถามคุณว่า คุณมาจากไหน
จงตอบไปว่า ฉันรู้แต่บอกใครไม่ได้พร้อมกับมองต่ำลงพื้นดิน
และทั้งหมดนี้หากใครคนหนึ่งคนนั้นที่ช่างสงสัยและชอบแสดงความรู้สึกออกมาเป็นคนคนเดียวกัน
นั่นแหละคุณกำลังพบเจอกับวิญญาณของโลกทั้งใบ
แต่หากใครคนหนึ่งเป็นคนคนเดียวกับคนขี้สงสัยและเป็นคนคนเดียวที่มีแก่ใจหยุดตอบคำถามทั้งหมดนั่น
ข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะบอกว่า ใครคนหนึ่งคนนั้นบอกลาโลกนี้ได้เลยทันที