31 ธันวาคม 2556 21:42 น.
เมต้าไซรัป
ท้ายปีเก่าเล่าเรื่องเนื่องปีสดใหม่
ขอดวงใจใฝ่ฝันวันสงบสุข
ก้าวผ่านพ้นวนวังขังห้วงทุกข์
ขอสงครามทั่วทุกแห่งหนได้เข้านอน
จับมือร่างสร้างความหวังครั้งยิ่งใหญ่
ชาวสยามต้องไปไกลกว่าเก่าก่อน
ให้ทุกสิ่งผ่านเลยไปเฉกละคร
ตอนน้ำเน่าเราไม่ต้องการขานจดจำ
ที่ผ่านมาลากันทีมีเคืองขุ่น
เรื่องว้าวุ่นจุ้นจ้านนักทักขันขำ
ความแตกต่างทางการเมืองเรื่องหลอกอำ
หากกระทำรำลึกตรึกตรองลองแปรผัน
ทุกสิ่งอย่างห่างไกลใกล้ใช่ใครอื่น
ทุกดวงใจแช่มชื่นรื่นฤทัยในห้วงฝัน
แล้วจึงค่อยปล่อยปลดเปลือกเลือกคืนวัน
ให้ตัวฉันให้ตัวเธอเจอความจริง
31 ธันวาคม 2556 21:29 น.
เมต้าไซรัป
ไม่มีอะไรใหม่ในสังคมมนุษย์
คุณค่าสุดแสนโป้ปดล้วนซ้ำซาก
กระสุนปืนเสียงด่าทอหลุดจากปาก
ประดุจกากทีไวรัสฟุ้งกระจาย
โอ้คนดี...โอ้คนเลว...ช่างงี่เง่า
ใครกันเล่าที่ได้สร้างความฉิบหาย
หากความดีมีอยู่จริงคงต้องกลาย
เป็นฝันร้ายทั้งตอนตื่นและหลับตา
สิ่งที่เห็นสิ่งที่เป็นเสียงที่แว่ว
คงไม่แคล้วค่ายนรกเมืองมายา
ล้วนมนุษย์ถูกเฆี่ยนโบยโดยเข็มนาฬิกา
กินยาแก้ปวดมอร์ฟีนช่วยบรรเทา
แล้วลอยล่องท่องเข้าไปในความคิด
สิ่งยึดติดถูกยัดเยียดเป็นเพียงเงา
ที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ท่านเรา
ก็แค่สัตว์ขี้เหงาที่เีรียกว่าคน
จึงต้องมีจึงต้องสร้างเพื่อถมทับ
ความสับปลับกล่นเกลื่อนกลาดกลางถนน
ใช่สิสัตว์บางประเภทช่างอดทน
เพื่อรอดพ้นสู่เป้าหมายปลายทาง
แต่ปลายทางยังคงเป็นสิ่งน่าเบื่อ
เพราะความเชื่อยังก่อกั้นม่านเบาบาง
มึงเลือกกูเลือกมึงต่างพุงกาง
มีตัวอย่างให้ได้เห็นให้ได้ยิน
ไม่มีอะไรใหม่ในสิ่งที่เขียน
แค่อาเจียนห้วงอารมณ์รดหลั่งริน
ไม่ต่างไปจากเด็กน้อยแบกก้อนหิน
ทุ่มลงดินเพียงเพราะไม่ได้ดั่งใจ
17 มิถุนายน 2556 15:37 น.
เมต้าไซรัป
ภายใต้บรรยากาศชวนอึดอัดจากสายลมประดิษฐ์
ฉันลากตัวเองออกมาจากใต้แสงนีออนจืดชืดภายในถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งซุกซ่อนตัวอยู่ในป่าคอนกรีต
เพื่่อมายืนอยู่บนสองขาชิดหน้าต่าง
ด้านนอกนั่นลมตายสนิทเนิ่นนานเต็มที
นกกาส่งเสียงร้องโวยวายตามประสาของพวกมัน
หากหูของฉันไม่โกหกดูท่าว่าในเสียงโหวกเหวกโวยวายเหล่านั้น
ต้องมีบางตัวที่เส้นเสียงอักเสบเพราะเผลอบินผ่านสี่แยกไฟแดงที่ไหนสักแห่ง
แต่ทันทีเมื่่่อเสียงคำรามลั่นครืนโครมดังมาจากเบื้องบน
ความกลัวเข้าครอบงำแสงสว่างอย่างฉับพลัน
ดูเหมือนว่าการปะทะระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ได้ดึงเอาความร้อนระยำมากองเอาไว้บนพื้นดิน
และสรรพสิ่งทั้งหลายประหนึ่งได้กลายเป็นรูปปั้นที่กักขังดวงวิญญาณเอาไว้
คงมีแต่นกเหล็กที่ลอยสูงอย่างไม่รู้ร้อนหนาว
บินลัดเลาะทะลุก้อนเมฆรูปทรงปราสาทชำรุด
ดวงตาข้างหนึ่งของฉันมองตามแสงกระพริบวูบวาบสีแดงนั่นไป
แน่ละฉันรู้ดีว่าการอยู่ในสภาวะบนที่สูงนั้นจะขาดหูฟังกับแว่นดำไม่ได้เลย
ฉันบ่นพึมพำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนกเหล็กลำนั้นเดินทางปลอดภัย
แม้ว่ามันได้ทำลายปราสาทในจินตนาการของฉันก็ตามที
เสียงโครมครามดังลั่นถี่ขึ้นปานว่าโลกได้ใช้ไม้ตายสุดท้าย
ด้วยการหมุนออกไปให้ห่างจากก้อนกลมสีแดงที่ซ่องสุมแห่งความร้อนทั้งปวง
ก้อนเมฆสีดำดึงดูดเข้าหากันและกันชั่วกระพริบตากดทุกอย่างให้มืดครึ้้มหม่นหมอง
เป็นภาพที่เสมือนหลุดออกมาจากฝันร้ายของวิญญาณที่เพิ่งหลุดลอยจากร่างกาย
การห่ำหั่นอย่างรุนแรงจากพลังที่มองไม่เห็นด้วยดวงตาทั้งสองข้าง
ได้ทิ่มแทงทุกอณูแห่งความอึดอัดทั้งหลายให้อ่อนยวบยาบไร้รูปทรง
ของเหลวบนฟากฟ้าซัดกระหน่ำอย่างโกรธแค้นทุกสิ่งทุกอย่าง
ลมพายุบ้าคลั่งกระพือปีกล่องหนโบกโบยฟัดฟาดไร้ทิศทาง
ม่านน้ำบดบังการมีอยู่ของป่าคอนกรีตแห่งนี้ไม่นานนัก
ฉันไม่รอดูการจากไปของม่านน้ำนั่น
ได้แต่ลากตัวเองกลับไปยังที่เก่าในกองหนังสือรกรุงรัง
เพื่อเฝ้ารออะไรบางอย่าง
บางอย่างที่ฉันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
ฉันคิดว่าสงครามระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ได้จบลงไปอีกหนึ่งยกในการปะทะที่ไม่เคยสิ้นสุด
ฉันรู้ดีหรอกว่าอีกไม่นานโลกนี้ก็จะพ่ายแพ้พร้อมกับหลุดลอยอย่างเคว้งคว้าง
กว่าจะถึงตอนนั้นคงไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อความร้อนระยำอีกแล้ว
18 กุมภาพันธ์ 2556 12:57 น.
เมต้าไซรัป
......ฉันนั่งอยู่ตรงนี้
ส่วนเธอยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
บนหนทางแห่งความฝัน
ดวงตะวันทักทายสายลม
ธรรมชาติชื่นชมจักรวาล
เข็มนาฬิกาแปลความหมายความทรงจำของวันวาน
จิตวิญาณอันทรมานถูกระรานด้วยความหิวโหย
ลมหายใจโชยกลิ่นความสับสน
ขณะที่ผู้คนเบียดเสียดยัดเยียด
ความรักถูกสร้างวางไว้ตรงหน้าความเกลียดชัง
แต่สำหรับมนุษย์นั้น
พื้นที่ว่างยังคงมีอยู่ให้ค้นหา
หากไม่สิ้นสุดความมุ่งหมาย
และความตายล้วนเมินหน้าหนี
ฉันทำผิดชั่วช้านานนับปี
เธอคนดีก็คงเช่นกัน
ฉะนั้นเมื่อเราต่างเป็นคนบาป
และโดนสาปด้วยความปรารถนา
ไฉนเลยจึงเห็นคราบน้ำตา
หลั่งรดเข็มนาฬิกาอยู่ร่ำไป
อาจจะใช่ที่เราเคยใกล้ชิด
จนความคิดทั้งหลายถูกมัดจนแน่นหนา
เราสองลองมองสบนัยน์ตา
เพื่อจะพบว่าความปลอดภัยบางเบา
ยังคงเข้าออกทิศทางเดิม
17 สิงหาคม 2555 15:26 น.
เมต้าไซรัป
ฉันเคยฝันไปว่าวันหนึ่งเธอที่ฉันเคยชื่นชอบจะมีอยู่จริงไหม
ในท่ามกลางสิ่งมีชีวิตแห่งดินแดนที่ดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น
....เพราะฉันนั้นเคยตื่นแล้วพบเธออยู่ชิดใกล้
รอยยิ้มบริสุทธิ์กับเสียงหัวเราะอันสดใสพาดวงใจฉันออกเดินทาง
สิ่งรอบข้างของจุดเริ่มต้นเต็มไปด้วยเสียงนกร้องเสียงเจื้อยแจ้ว
ฉันบูชาเธอประหนึ่งจุดศูนย์กลางของจักรวาลอันลึกลับ
โอ้...เธอผู้นั้นได้มอบอะไรสักอย่างให้กับตัวฉัน
ฉันแทบหยุดหายใจในคำพูดที่ดังกึกก้องกังวาน
มันมีพลังบางอย่างที่ทำให้ฉันพองตัว
ระหว่างกลางทางแดดร้อนเปรี้ยง
ฉันและเธอหยิบแว่นขึ้นเพื่อจะมองหน้ากันอีกครั้ง
มองลอดผ่านกระจกสีดำทึบ
ฉันเห็นเธอภายใต้กรอบแว่นสีขาวเลนซ์สีดำแวววาว
เธอชี้นิ้วไปตรงตึกสูง
ฉันก็มองตามทิศทางนั้น
วัตถุบางอย่างกำลังต่อสู้กับแรงโน้มถ่วง
เธอหันมองหน้าฉัน
ฉันคิดว่ามีรอยยิ้มที่ฉันไม่รู้จักปรากฏอยู่ตรงแว่นตาเธอ
จนวัตถุนั้นมันตกลงตรงหน้า
ลูกนกพิราบนั่นเองปีกทั้งสองข้างยังกางและบิดเบี้ยวผิดรูปทรง
ฉันก้มมองกองเลือดสีดำ
แต่เธอถอดแว่นแล้วเอามือปิดตา
ฉันเดินไปหยิบซากวัตถุไร้วิญญาณเขวี้ยงทิ้งไว้ข้างทาง
แต่เธอก็ยังตกใจจนฉันทำอะไรไม่ถูก
ได้แต่นิ่งเีงียบด้วยอาการมึนงง
ฉันมาคิดว่าความสูงนี้มันช่างร้ายกาจนัก
จนลมวูบใหญ่พัดผ่านมา
เธอหยิบแว่นตามาสวมอีกครั้ง
ฉันมองเห็นหยดน้ำตาไหลลงมาที่แก้มของเธอ
มือของฉันยังเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสีดำ
ความเงียบงันอีกแล้วที่มาคั่นกลางเอาไว้
ฉันหันไปมองเส้นทางเบื้องหลังที่ผ่านมา
บัดนี้กลับกลายเป็นว่ามีกอหญ้ารกขึ้นแทนที่
ฉันแปลกใจพอพอกับต้องเดินทางต่อไป
แล้วในที่สุดเราทั้งสองมาหยุดอีกครั้งตรงทางแยก
ฉันเสียใจนิดหน่อยที่ไม่มีป้ายบอกทางติดเอาไว้
ดูเธอเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง
รอยยิ้มเธอหายไป
ฉันมองไม่เห็นแววตาของเธอ
ทันใดนั้นอีกาตัวหนึ่งบินมาเกาะตรงไหล่ข้างขวาของฉัน
เธอคงมองไม่เห็น
แน่ละตอนนี้เธอคงคิดถึงอะไรบางอย่าง
ฉันอยากจะถามเธอแต่ฉันก็สนใจอีกาตัวนี้เหมือนกัน
อากาศร้อนมากผิดปกติ
และเมฆก้อนสีคล้ำลอยปกคลุมรอบตัว
สายลมก็หายหน้าไปเสียแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวฉันเป็นสีเทามัวซัว
ฉันอยากรู้ว่ารอบตัวเธอนั้นเป็นสีเดียวกับฉันหรือไม่
เธอกระซิบข้างหูว่าเส้นทางที่ผ่านมานั้นไม่ปลอดภัย
ฉันไม่เข้าใจในครั้งแรกที่ได้ยิน
อีกาบินหายไปในทางแยก
เธอตกใจกับเงาของอีกาที่ทิ้งเอาไว้
แล้วบอกกับฉันว่าทางแยกนี้มันมีมานานแล้ว
ฉันมองหน้าเธอ
และเห็นหยดน้ำตาตัวเองสะท้อนกระจก
ใช่หรอกรึทางแยกที่ถูำกกำหนดไว้แล้ว
ใครกันฉันหรือเธอเป็นผู้กำหนด
หรือยังจะมีใครสักอีกคนที่ไม่ใช่เรา
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้คำตอบนั่น
ลมพายุกระหน่ำซัดลงมาที่เราทั้งสอง
รอบตัวถูกบดบังเอาไว้ด้วยม่านน้ำ
ฉันคิดว่ามันคล้ายคลื่นในทะเลก้อนโต
ฉันพยายามจะขว้ามือเธอ
แว่นตาฉันหล่นหายไปในกระแสน้ำ
และเธอ โอ้เธอ....เธอได้หายตัวจากฉันไป
ฉันถูกกระแสน้ำพัดไปในเส้นทางที่อีกาตัวนั้นบินหายไป
ฉันร้องไห้ในความโหดร้ายของธรรมชาติ
ฉันร้องอยู่เป็นนานจึงหลับไป
ตื่นมาอีกที่ฉันมาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง
เดินมาหยุดตรงป้ายขนาดใหญ่
...อาณาจักรแห่งความว่างเปล่า...
ฉันอ่านซ้ำๆช้าๆ วนไปวนมา
หันไปมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง
และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว
นอกจากลูกตาของฉันที่กลิ้งกรอกไปมา
ฉันแทบคลั่งพยายามจะเดินหนีจากอาณาจักรแห่งนี้
ฉันก้าวขาไม่ออกแต่ฉันก็ไม่ร้องไห้
แต่เดี๋ยวก่อนนะแล้วอีกาตัวนั้นหล่ะ
.....แล้วเธอหล่ะ
.....แว่นตาของฉันหล่ะ
หากฉันได้ตระหนักรู้สักนิดว่าฉันนั้นเป็นเพียงสิ่งไร้ความหมาย
และวันนึงอากาศร้อนได้หยิบยื่นความตายมากองเอาไว้รอบตัว
เกิดฉันลืมไปว่าความเดียวดายต่างหากไม่ใช่เธอคนนั้น
ที่ฉันใฝ่หามาทั้งชีวิต
เหตุนี้ดวงอาทิตย์เกิดดับแทบทุกวัน
มิใยดวงจันทร์ส่งความฝันล่องลอยไป
ฉันรู้แล้วว่าความเคว้งคว้างไร้จุดหมายไม่สิ้นสุด
ถึงเวลาแล้วฉันควรหยุดค้นหาเธอคนนั้นเสียที