16 เมษายน 2548 03:05 น.
เมจิคเชี่ยน
............................
สมญานามกระบี่ธรณีไหว
จอมยุทธใหญ่ดังก้องเที่ยวล่องหล้า
ท้าประลองกระบี่ที่เรียนมา
ทั้งประลองปัญญาท้าประชัน
ไม่เคยพ่ายเคยแพ้แม้สักครั้ง
ฝีมือหยั่งล้ำลึกเกินนึกฝัน
กระบี่ออกจากฝักคือหักกัน
โถมฟาดฟันชีพมลายหยุดหายใจ
ยุทธจักรภพนี้ข้าที่หนึ่ง
หาคนซึ่งต่อกรซ่อนอยู่ไหน
หยิ่งทะนงตนเองเก่งกว่าใคร
วันนี้ไซร้ได้พบประสบนาง
ไร้ฝีมือลีลาแค่หน้าใส
โปรยยิ้มให้จิตหวั่นพลันต่อร้าง
ครั้นจะบุกรุกโถมโฉมสอางค์
กระบี่พลางหมดแรงทิ่มแทงอร
โดนสวนกลับด้วยพักตร์มีรักยิ้ม
ถูกทับพิมพ์ต้องมนต์จนใจอ่อน
พ่ายแพ้ยับทุกสิ่งยอมวิงวอน
เฝ้าร้องอ้อนจอมใจชิดใกล้กัน
อนิจจานางกลับไม่รับปาก
แถมจรจากพูดจาว่าเย้ยหยัน
นี่น่ะหรือมือกระบี่ที่ดุดัน
ทารกนั้นมากกว่าน่าอนาถจริง
สุดจะแสนเจ็บปวดรวดร้าวนัก
หัวใจจักแทบสลายน่าอายยิ่ง
เนตรเหม่อลอยไร้ทางจะวางพิง
ถูกพิษหญิงทำร้ายจะวายปาน
เพลงกระบี่สุดยอดก็มอดไหม้
ถึงฝึกไปเข้าสุดจุดแตกฉาน
ท้ายสุดแล้วแพ้รักที่ดักมาลย์
น่าสงสารตัวเราแสนเศร้าใจ
วางกระบี่แนบใจเมื่อไร้รัก
สุดจะหักห้ามคิดนิจไฉน
ร่ายสุราดื่มด่ำร้องรำไป
ข้าจะดื่มให้ตาย...ขาดใจนาง
ทั้งจอกแรกจอกสองหรือจอกสาม
ดื่มเพื่อความดับทุกข์ที่ลุกพร่าง
ลบรอยแผลกรีดเฉือนให้เลือนลาง
ดื่มให้เมาหายสร่างข้างในทรวง
แม้นดื่มด่ำร่ำไปเท่าใดนี้
กลับแต่มีน้ำตามันพร่าร่วง
ฤาศึกนี้ยิ่งใหญ่กว่าใดปวง
ยิ่งเข้าห่วงค่ายกลสุดทนทาน
สำนักใดสอนใจให้เข้มแข็ง
ฝึกเรี่ยวแรงแกร่งกร้าวให้ห้าวหาญ
บอกได้ไหมใครรู้...อย่าช้านาน
หากเกินกาลข้าอาจ...ขาดใจตาย
วางกระบี่แนบใจอาลัยรัก
หมดท่านักนี่หรือคือความหมาย
ร่ำสุราเคว้งคว้างอย่างเดียวดาย
แม้ไม่หายข้าจะดื่ม...เพื่อลืมเธอ...
...................................
31 มีนาคม 2548 14:27 น.
เมจิคเชี่ยน
............................
เหมือนว่าโลกทั้งใบไร้การเคลื่อน
ดั่งเสมือนดวงมาลย์ถูกหว่านไหว
โดนชักจูงด้วยฤทธิ์เมื่อพิศไป
ถูกหน้าใสร่ายมนต์จนเคลิ้มคลา
ยิ่งตอนเนตรสบกันใจมันเต้น
ท่าที่เห็นเริ่มออกเกินนอกหน้า
ทั้งมือเท้าติดขัดเหมือนมัดมา
ไม่พูดจาเหมือนก่อนพบอรอนงค์
ครั้นถูกเข้าประกบสบพักต์ใกล้
แก้มยิ้มใสเปล่งปลั่งคล้ายดั่งหงส์
เรือนร่างกายผิวพรรณอันทรวดทรง
แสนครบองค์รู้ไหมอยากใคร่ครวญ
อีกวาจาไพเราะเสนาะหวาน
ซึมซาบซ่านชุมชุกเข้าทุกส่วน
ถูกพันธนาการดัวยรักกักโซ่ตรวน
พร้อมกลิ่นหวลชวนฝันเกินพรรณนา
เสน่ห์อรมากมายน่าหมายคู่
พึงคิดดูอยากรักคิดหนักหนา
ตั้งสติหาทางโอบนางมา
ท่องวาจานึกไว้ในหัวใจ
.
..
...
จึงรวบรวมความกล้ามาเต็มที่
ยอดชีวียิ้มมาเกิดพร่าไหว
แล้วความกล้าเกิดสั่นพลันหายไป
คำจากใจสูญสลายน่าอายจริง...
.... ซะงั้นน่ะ อิอิ ....
8 มีนาคม 2548 17:46 น.
เมจิคเชี่ยน
จากไปไกลครานั้นเมื่อวันก่อน
หลบพักผ่อนชีวิตที่ผิดเผลอ
ใต้น้ำค้างดวงดาวเหล่าเพื่อนเกลอ
ล้างความเพ้อจากใจให้ลบเลือน
เรื่องเลวร้ายหลายอย่างที่พานพบ
ล้วนประสบดั่งมีดกรีดเชือดเฉือน
ยังเป็นรอยประทับติดช่วยคิดเตือน
ดั่งเสมือนอาวุธร้ายหมายทำลาย
กับวันนั้นเหนื่อยนักเลยพักก่อน
จำจากจรทั่วทิศที่คิดหมาย
ปล่อยชีวิตล่องลอยค่อยผ่อนคลาย
เมื่อเฉิดฉายจึงกลับมาหาสู่กัน
ในวันนี้ผ่านมาแวะหาเพื่อน
มิลืมเลือนรู้ไหมในใจฉัน
เมล็ดรักยังชูก้านอยู่นานวัน
เป็นสัมพันธ์เชื่อมคล้ายดั่งสายใย
มิตรภาพฝังแน่นเป็นแผ่นหนา
กาลเวลาเลยผ่านนานแค่ไหน
รอยผุกร่อนมีบ้างอาจจางไป
แต่หัวใจไม่ลืมเลือนเพื่อนรักเรา
..............................................
ผ่านมาทักสหายรัก...จักต้องจาก
จำต้องพรากจำจรจำจากเจ้า
สัญญาว่าจะกลับมาหาเพื่อนเก่า
ร่วมวงเมาพูดจา...ภาษากลอน...
.................
ตัวอยู่ห่างไกล ใจอยู่ตรงนี้
ร้อยล้านนาทีไม่มีวันห่างหาย
บอกว่าฝันหา บอกว่าห่วงใย
รอรักคืนใจคนอยู่ไกล หัวใจคงเดิม... อิอิ
คิดถึงทุกคนนะขอรับ : )
27 มกราคม 2548 02:38 น.
เมจิคเชี่ยน
.......................
สุรีย์ลับขอบฟ้าเริ่มพร่าครึ้ม
ความเงียบขึมแผ่คลุมทั่วมุมฟ้า
หลากชีวิตเริ่มตื่นเริงรื่นตา
สร้างโลกางามสง่าน่าอภิรมณ์
รัตติกาลบานสวยด้วยแสงสี
นภามีดาวจรัสเข้าทัดห่ม
เปล่งเรืองแสงแข่งขันประชันชม
จันทร์สุขสมดื่มด่ำท่ามกลางดาว
แสงนีออนตามถนนที่คนอยู่
ประดับดูราตรีเป็นสีขาว
ชวนพิศยิ่งสิ่งอัศจรรย์แสนพรั่งพราว
ช่างดั่งราวสรวงสวรรค์อันวิไล
สายลมหนาวพัดผ่านมาขานทัก
หอบไอรักต่างแดนมาแขวนไว้
กลิ่นหอมเก่าคืนกลับประทับใจ
อบอุ่นใดเทียมเท่านงเยาว์รอ
กลีบกุหลาบทาบทาราตรีนี้
หนึ่งวจีพร่ำเอ่ยเฉลยขอ
จุมพิศแก้มแต้มรักเพื่อถักทอ
สัมพันธ์ต่อหัวใจให้เหมือนเดิม...
.......
22 มกราคม 2548 17:49 น.
เมจิคเชี่ยน
..............
หยดน้ำตาไหลนองบนสองแก้ม
ภาพยิ้มแย้มเลือนหายมลายสิ้น
แววตาเศร้าเหงาใจไม่ดื่มกิน
ปีกเคยบินจมดิ่งพุ่งทิ้งลง
คงเจ็บปวดรวดร้าวราวมีดเฉือน
สติเลือนมาลย์สลายคล้ายฝุ่นผง
ทิวาเพ้อราตรีพร่ำทำพะวง
แสนลุ่มหลงสิเน่ห์หาน่าเห็นใจ
ใช่ไม่ผิดเป็นสิทธิ์เพราะคิดแล้ว
หากดวงแก้วอยากหม่นกว่าคนไหน
เคยสัมผัสข้างเคียงเสียงจากใคร
รับรู้ไหมทุกข์กว่าน้ำตาอร
ลองทบทวนหวนคิดอีกนิดเถิด
สิ่งที่เกิดคือบทเรียนเพียรสั่งสอน
ให้เข้มแข็งแกร่งทนยามแรมรอน
สิ่งเร้นซ่อนมิสามารถอาจทำลาย
ความงามโลกยิ้มรอขอเธออยู่
ออกมาดูสิ่งมหัศจรรย์มากพันหลาย
เอื้อมมือคว้าแสงดาวที่พราวพราย
หลากความหมาย..เธอจะเห็นสิ่งเป็นจริง...