4 มีนาคม 2549 15:15 น.
เฟรช
"ภัทร ฉันขอร้องละนะ ขอร้องจริงๆ ฉันไม่ไหวแล้ว ช่วยฉันเถอะนะ"
เสียงอ้อนวอนปนสะอื้นของเพื่อนฉันดังขึ้นเป็นรอบที่สาม ฉันจะทำยังไงดี
"นะภัทร ช่วยฉันเหอะ นะ ฉันเป็นเพื่อนเธอใช่ไหม"
ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน แต่เธอจะให้ฉันไปแย่งแฟนเก่าเธอเอง แล้วก็ยังเป็นเพื่อนฉันด้วยจากคนอื่นเนี่ยนะ มันคงไม่ไหวมั้ง ฉันไม่อยากเป็นมือถือ 3 ของใคร ฉันจะทำยังไงดี ในเมื่อไม่มีคำตอบจากปากฉัน ฝน จึงเริ่มตั้งต้นร้องไห้อีกครั้งนึง หลังจากที่ฉันเพิ่งปลอบให้เธอหยุดลงได้
" ฉันไม่เหลือใครจริงๆ ฉันไม่เหลือใครแล้ว"
ฝน เติบโตมากับยายของเธอ เธอเป็นคนน่ารัก อ่อนโยน และเป็นคนที่ต้องการคนมาปกป้อง แม่ของฉันเป็นลูกศิษย์ยายของฝนอีกทั้งบ้านของเรายังอยู่ติดกันอีก เราสองคนจึงสนิทกันมาตั้งแต่เล็กๆ แม่ของฉันเองก็รักและเอ็นดูฝนเหมือนลูกของตนเองแท้ๆ เนื่องจากฝนเป็นคนเรียบร้อย ว่านอน สอนง่าย แล้วยังขี้โรคอีก ซึ่งแตกต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง ฉันเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ แต่ว่าไปแล้วก็เหมือนมีพี่น้อง 2 คนนั้นแหละนับฝนไปด้วย แม่สอนฉันเสมอว่าให้ดูแลฝนดีๆ ฝนยิ่งเป็นคนขี้โรคอยู่ ต้องคอยเอาใจใส่ดีๆ ตอนเด็กๆฉันเคบแอบน้อยใจพ่อกับแม่ที่ดูเหมือนรักฝนมากกว่าฉันซะอีก แต่ฉันก็กำจัดความรู้สึกนั้นลงทันทีทุกครั้งที่มันเริ่มก่อตัวขึ้นมาฉันได้แต่พูดว่าขอโทษๆๆ ในใจอยู่ตลอกเวลาที่รู้สึกแบบนั้น
จนเมื่อ 2 ปีก่อน ฉันก็เริ่มคบหาดูใจกับผู้ชายคนนึง เขาเป็นคนที่น่ารักและอบอุ่นมากๆ เขาดีกับฉันทุกอย่าง ความสัมพันเริ่มก่อตัวจากความเป็นเพื่อนก่อนแล้วก็เริ่มสนิทกนมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันไม่ค่อยมีเวลาให้ฝนเหมือนเมื่อก่อน ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าฝนจะน้อยใจ กับเรื่องนี้ จนฝนเริ่มห่างๆฉันไป ฉันสงสัยมากๆ เลยไปถามแล้วคำตอบที่ฉันได้รู้ก็คือ "ฉันชอบอาร์ต ขอเขาให้ฉันได้ไหม"
ฉันอึ้งจนพูดไม่ถูก ฉันไม่รู้จะตอบว่ายังไง ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี รู้แต่ในเวลานั้นฉันรู้สึกแต่คำว่าเพื่อนในใจ ฉันนึกถึงวันเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน นึกถึงทุกๆอย่างที่เราทำด้วยกัน แล้วฉันก็รู้ว่าฉันควรทำยังไง มันง่ายนิดเดียวสำหรับลืมคนๆนึงที่เข้ามาในชีวิตฉัน "จิงหรอ เขาก็บอกฉันนะว่าเขาชอบเธอ ที่เขามาทำดีกับฉันก็เพราะอยากรู้เรื่องเธอ" ฉันตัดสินใจตอบไปแบบนี้เพื่อความสบายใจของฝน ทั้งที่ฉันไม่รู้เลยว่าคำตอบนั้นคำตอบเดียวจะทำให้ฉันเจ็บปวดได้ถึงตอนนี้ หลังจากนั้นฉันก็เริ่มห่างจากอาร์ตมากขึ้นๆ เรื่อยๆ จนเขาสงสัยแล้วเข้ามาถาม "ฉันรำคาญ" นี่คือคำตอบที่ฉันตอบไป ฉันไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมจึงได้ตอบไปแบบนั้น ฉันรู้แต่ว่าฉันอยากเห็นฝนมีความสุข หลังจากนั้น
ฉันกับเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้รู้ข่าวดีจากฝน
"ฉันเป็นแฟนกับอาร์แล้วนะ" คำพูดนี้ มันทำให้ฉันเจ็บปวดจนบอกไม่ถูก มันเป็นทางเลืกที่ฉันเลือกเอง ฉันบอกตัวเอง อย่างนีเสมอ จนฉันกับอาร์ตก็สามารถพูดกันอย่างเดิมได้ เราจึงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เขาไม่มีวันรู้หรอกว่าผู้หญิงคนนี้ยังรักและหวังดีกับเขาเสมอ...
แล้วมาตอนนี้ฝนจะให้ฉันไปแย่งเขากลับมาจากคนอื่นงั้นหรอ ฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่อากให้ความรู้สึกนั้นกลับมาพราะการได้ใกล้ชิดเขาอีกครั้งนึง ฉันมองหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วย้ำตาของฝน เพื่อนที่ฉันรักที่สุด เพื่อนที่ฉันยอมให้ทุกอย่างแก่เธอได้
"ก็ได้ เลิกร้องได้แล้ว ฉันตกลงไป พอใจแล้วยัง"
นี่คือคำพูดที่ออกจากปากหญิงแกร่งอย่างฉัน ทันทีที่ฝนได้ยิน ฝนก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมแล้วลุกขึ้นกอดฉัน
"ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ฉันรักเธอ ภัทรเธอดีกับฉันตลอดเลย"
เธอกอดฉ้นแน่นขึ้นหลังจากที่พูดจบ
"ฉันก็รักเธอฝน"
ฉันพึมพำเบาๆ คนเดียว แล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไง ฉันจะทำสำเร็จรึป่าว
ทั้งๆที่ฉันเป็นคนที่เคยทำร้ายเขา ทั้งๆที่ฉันเคยด่าว่าเขาสารพัด ทั้งๆ ที่ฉันโกหกอะไรมากมายใส่เขา เขาจะต้อนรับฉันกลับไปในฐานะคนรักงั้นหรือ ไม่มีทาง...
25 พฤศจิกายน 2548 17:41 น.
เฟรช
ข่าวร้อนแรงของการต้อนรับปี 2006 สุปเปอร์สตาร์ดังแห่งปี"คิมเจยอง"ลูกครึ่งไทยเกาหลีจะมาเยือนพร้อมกับผมงานของเมืองไทยเรื่องแรกในชีวิตของเค้าข่าวนี้กินพื้นที่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์บันเทิงไปทั้งหน้าแล้ว แฟนคลับของหนุ่มคนนี้ต่างรอคอยด้วยความหวังกับการได้เห็นโฉมหน้าจิงๆของหนุ่มเกาหลีขวัญใจวัยรุ่นทุกคนในขณะนี้ด้วยดวงใจที่มีความสุข
เวลา 05.30 น. สนามบินภูเก็ต
ขณะนั้นสนามบินเงียบเหงาไม่มีผู้คนพลุกพ่านมากนัก เหมาะสมอย่างยิ่งกับเวลาที่ดาราดังจะลักลอบเข้าสถานที่พักและสถานที่ทำงานที่ทำงานด้วยความเงียบสงบ
ขณะเดินทางจิตใจของเขาเบื่อหน่ายกับการต้องทำตามตารางเวลาในแต่ละวัน ทำตามผู้จัดการซึ่งเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก ทำตามคำสั่งต่างๆนานา ถ้าเขารู้อย่างนี้แล้วเขาจะไม่มีวันยอมเซ็นสัญญาเล่นหนังภาพยนต์เด็ดขาดเพราะหลังจากภาพยนต์เรื่องนั้นออกฉายชื่อของเขาก็ดังไปทั้งเอเชียแล้ว
เวลานี้หระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้า หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ริมระเบียงห้องพัก ตรงหน้าเธอมีผู้กัน สีน้ำ และกระดานวาดรูปตั้งอยู่ เธอเป็นผู้หญิงที่ดูภายนอกอ่อนหวานแต่ซ่อนไปด้วยความหยิ่งทะนงในศักศรีของการเป็นจิตรกร นักเขียน และโปรดิวเซอ ซึ่งเป็นพรสวรรค์ของเธอ และการเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจหลายร้อยล้านที่มีกิจการต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน เบื้องหลังของดาราดังๆหลายคนที่ไปดังต่างประเทศนั้นก็เป็นฝีมือของเธอทั้งนั้นอีกทั้งบทภาพยนต์ต่างๆที่นักแสดงงแสดงนั้นก็เป็นผลงานการเขียนของเธอเช่นกัน แต่เธอไม่ค่อยจะยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามของเธอเท่าไหร่นัก เธอนั่งค่อยๆบรรจงความรู้สึกที่มีอยู่ผ่านผืนกระดาษแผ่นตรงหน้านี้ ด้วยความรู้สึกว้าเหว่ และเดียวดาย ถึงแม้ภายนอกเธอจะเป็นผู้หญิงแกร่งนั้นแต่ภายในจิตใจของเธออ่อนไหวมากเลยทีเดียว ผมเป็นลอนสีน้ำตาลตกลงมาปรกใบหน้าที่ขาดผุดผ่องซ่อนสีแดงระเรื่อเอาไว้ข้างใน ดวงตาที่คมกริบและริมฝีปากที่บางจนน่าสัมผัสนั้นทำให้เธอตกเป็นเป้าสมใจของหนุ่มหลายๆคนโดยปริยาย แต่การที่เธอมีทั้งสมบัติ และน่าตาที่สวยงามนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้แผลในใจของเธอดีขึ้นเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเธอได้เจอพ่อและแม่ของเธอปีละไม่ถึง 3 ครั้งด้วยซ้ำไป เธอเติบโตมาจากการเลี้ยงของผู้หญิงคนนึงซึ่งเธอรักและถือเอาผู้หญิงคนนั้นเปรียบเสมือนแม่ของเธอเลยทีเดียว
"นี่จะเป็นการเก็บตัวสำหรับภาพยนต์เรื่องใหม่ของคุณนะจียอง"เสียงของผู้บริหารท่านนึงพูดขึ้นขณะอยู่ในห้องประชุม
"คับผม"
"แต่การที่คุณจะอยู่ที่นี่นั้นไม่ใช่การเก็บตัวเพียงอย่างเดียวแต่จะเป็นการเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อให้เข้ากับคอนเซปของการเดินทางมาโปรโมทอัลบั้มใหม่ของเมืองไทยด้วย ดังนั้นคุณจึงจำเป็นจะต้องมีโปรดิวเซอที่มีความสามารถ ซึ่งผมได้เตรียมให้คุณเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานคุณก็จะได้เจอเธอ"
"อะ..อะไรนะคับ โปรดิวเซอของผมเป็นผู้หญิงหรอคับ ผมไม่เอาเด็ดขาดผมว่าเราเคยคุยกันแล้วนะคับว่าผมขอไม่เอาโปรดิวเซอผู้หญิงเด็ดขาด"
"มันไม่เหมือนกันจียองโปรดิวเซอของคนนี้เค้าเป็นคนที่มีความสามารถมากนะ เธอปั้นใครหลายๆคนให้เป็นซุปเปอร์สตามาแล้ว"
"ตั้งถึงอย่างนั้นผู้หญิงก็อ่อนแออยู่ดี ผมไม่ร่วมงานกับผู้หญิงหรอกนะคับให้ตายเถอะ"
หลังจากที่ฟังการถกเถียงอยู่นานหญิงสาวผู้ที่รอการประชุมส่วนตัวอยู่หลังประตูก็ทนไม่ไว้แล้วเปิดประตูเข้าไป
"ผู้หญิงแล้วมันเป็นยังไงไม่ทราบค่ะ"เธอถามด้วยเสียงเยือกเย็นแฝงความโมโหไว้ใต้น้ำเสียงนั้น ทุกคนในห้องประชุมต่างหันมองเธออย่างตะลึงเพราะรู้ถึงนิสัยดื้อรัน เอาแต่ใจของเธอดีแล้วยิ่งมาบวกกับนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของจียองด้วยแล้วละก็ไม่มีทางจะร่วมงานกันได้แน่ๆ
"เออ คือริสาอาว่านะออกไปอข้างนอกก่อนเถอะเดี๋ยวทางนี้อาจัดการเอง"
"ไม่ค่ะ ว่าไงค่ะคุณดาราดัง ผู้หญิงแล้วมันเป็นยังไงไม่ทราบ"เธอจ้องหน้าเขาเขม็ง
"ก็ไม่ทำไมหรอกคับแต่แค่อ่อนแอ หนักนิดเบาหน่อยก็โอดครวญ แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงที่เข้ามาแรกระหว่างการประชุมแบบนี้ด้วยแล้วละก่อน ยิ่งไม่มีมารยาทเข้าไปอีก"
เมื่อเขาพูดจบทั้งห้องก็หัวใจหล่นวูบพร้อมรีบจ้องไปที่ริสา ราวกับไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอีก แต่พวกเขากลับคิดผิดเมื่อเธอกลับหัวเราะไม่มีท่าทางของความโกรธหลงเหลืออยู่เลย
"นายมันก็แค่ชอบดูถูกผู้หญิงไปวันๆเท่านั้นแหละ ตัวนายเองก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหนเลย ดูจากท่าทางน่าสมเพชของนายแล้วคงจะต้องเคยโดนผู้หญิงหักอกมาแล้วแน่ๆ ให้ตาย โง่ชะมัด "หลังจากพูดจบเธอก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
เธอเป็นใครกล้าดียังไงถึงกล้มาว่าเขาแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนผู้หญิงทุกคนต่างต้องการเขาและอยากเป็นเจ้าของเขาทั้งนั้น ยกเว้นผู้หญิงคนคนนั้นคนที่เขารักมากแต่หล่อนกลับจากเขาไปด้วยโรคร้ายแรงซึ่งเขาสัญญาว่าเขาจะไม่มีวันลืมเธอผู้ที่ทำให้เขามีน้ำตาได้ เขาคิดและนึกถึงภาพเก่าๆขึ้นมา แล้วเดินออกจากห้องประชุมไปอย่างเงียบๆแล้วได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังมา แต่ตอนนี้เขาไม่มีความคิดใดใดเหลืออยู่แล้วนอกจากความคิดถึงที่มีต่อผู้หญิงที่เขารักแค่เท่านั้น
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดรออ่านด้วยนะค่ะ....
20 ตุลาคม 2548 13:33 น.
เฟรช
โอ้ย !!!
ฉันหันไปดูทางต้นเสียงนั้น แล้วภาพที่เห็นก็คือเจวอนเพื่อนฉันกำลังถูหน้าผากตัวเอง แล้วก็มองผู้ชายคนนึงที่วิ่งเข้ามาเก็บลูกบาส ฉันจึงรีบวิ่งไป
"อ้าว..เจวอนเป็นอะไรมากไหม"
---- เงียบ -----
ยัยนี่ไม่ตอบ แล้วมองไปข้างหน้าอย่าอึ้งๆ ฉันจึงหันไปมองตาม แล้วผู้ชายคนที่ฉันเห็นตอนนั้นก็กำลังก้าวตรงมาข้างหน้าพวกเรา ดูเหมือนเขาคงจะเป็นคนที่ทำลูกบาสมาโดนหัวยัยนี่สินะ ให้ตายทำไมเขาถึงดูดีขนาดนี้ ผมสีน้ำตาลตัดกับชุดนักบาสที่เขาใส่อยู่ขณะนี้ ริมฝีปากบางเฉียบ แล้วบวกกับลักษณะท่าทางการเดินของเขาแล้วฉันเชื่อว่าเขาจะต้องป๊อปมากๆแน่ๆเลย ^^
"เอ่อขอโทษคับ เป็นอะไรมากรึป่าว"
---- เงียบ ----
ยัยนี่ไม่ตอบมัวแต่อ้าปากค้างจ้องมองเขาอยู่แบบนั้น เขาเลยทำหน้างงๆแล้วหันมาหาฉัน แล้วก็ยิ้ม โอ้ย..ตายแล้วฉันจะละลายแล้วนะ ไม่ไม่ฉันต้องเก็บอาการสิ
"เอ่อ....เพื่อนเธอเป็นอะไรมากรึป่าว"
"ไม่หรอกค่ะ ยังไงวันหลังก็เล่นให้ระวังหนอยละกันนะค่ะ"
อ้าว..ทำไมฉันถึงตอบไปแบบเย็นชาขนาดนั้นนะ แล้วฉันก็เห็นผู้ชายอีกคนนึงวิ่งมา ตายแล้วทำไมโรงเรียนนี้ถึงมีแต่คนน่าตาดีดีแบบนี้หนะ o_o ตอนที่เขาวิ่งมาพลางเรียกชื่อหมอนี่ผมของเค้าปรกหน้าลงมา ให้ตายแต่หน้าตาเค้าทำไมถึงหงุดหงิดแบบนั้นหละ ไม่เหมือนหมอนี่ที่ยังยิ้มอยู่ รอยยิ้มเขช่างอบอุ่นจัง พอเขาคนนั้นวิ่งมาถึง ก็ทำให้เจวอนอึ้งมากกว่าดิมเสียอีก ฉันจึงแกล้งไอให้เพื่อนฉันรู้ตัว แต่ยัยนี่ก็ยังยืนอ้าปกอยู่อย่างนั้น -_- ^
"มีอะไรอ่ะ ทำไมมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไปเร็ว"
แล้วเขาก็ดึงเพื่อนของเค้าให้กลับไป
"นายรู้มะ นายทำให้เธอเจ็บนะ"
แล้วเขาก็ชี้มือมาที่เจวอน
"หรอ อืมๆ ไปได้แล้ว"
"เออๆ เดี๋ยวตามไปนายไปก่อนละกัน"
ให้ตายผู้ชายบ้าอะไรเนี่ยน่าตาดีซะป่าว แต่นิสัยแย่ เห่อ..ถึงน่าตาดีแค่ไหนแต่นิสัยแย่ฉันก็ไม่เอาหรอกหยะ(แล้วเขามาสนใจเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ -_- ) !!!
"นี่ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะ"
เขาพูดกับฉัน
"อืม แต่นายน่าจะบอกเพื่อนนายให้มีมารยาทมากกว่านี้หน่อยนะ -_-"
"หา..... o_o"
"ฉันบอกว่าหั้ยนายบอกเพื่อนนายด้วย ว่าหัดมีมารยาทซะบ้าง"
หงึก !! หงึก !! หมอนี่พยักหน้าอย่างอึ้งๆ
"เอ่อ ฉันต้องไปแล้วนะ เธอชื่ออะไรหนะ เป็นนักเรียนใหม่หรอ"
"อืม เป็นนักเรียนใหม่ ชื่อคิมมียอง"
"ฉันจีซัสนะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
แล้วเขาก็หันหลังเดินไป
"นี่เจวอนเธอเป็นอะไรของเธอ เห็นผู้ชายไม่ได้เลยหรอไง"
"ไม่ใช่เห็นผู้ชายไม่ได้ แต่เห็นผู้ชายหล่อไม่ได้อ่า เธอว่าเค้าจะสนใจฉันบ้างไหม"
"ใครหละ คนไหน -_-"
"คนทีเค้าทำลูกบาสโดนฉันหนะ เธอว่าจะเป็นหรมลิขิตรึป่าว"
ยัยนี่พูดแล้ทำหน้าเพ้อฝัน
"หนิๆ ไปกันใหญ่แล้ว ไปได้แล้วไป เดี๋ยวก็ลงทะเบียนไม่ทันหรอก"
แล้วฉันก็ลากยัยนี่ให้เดิน ตามฉันไปแต่ถึงขาฉันจะเดินตึกอำนวยการ แต่หางตาฉันก็อยู่ที่สนามบาส หลังจากที่ฉันลงทะเบียนแล้วก็รับระเบียบการกับบัตรนักเรียนเสร็จแล้วฉันกับเจวอนก็เดินออกมา
"ห้อง c หรอ ฉันอยากรู้จังว่าเขาจะอยู่ชั้นไหนนะ แต่ดูจากน่าตาฉันว่าน่าจะห่างจากเราซัก 2 ปีได้มั้ง เธอว่าไงมียอง"
"ช่างเค้าเหอะ จะอยู่ห้องไหนก็ช่าง"
"แหม..ไม่ต้องทำเป็นไม่สนใจเลยนะ ฉันเห็นนะตอนจีซัสอะไรนั่น เดินไปหนะ เธอทำสายตาอาลัยอาวรด้วย"
"จะบ้าหรอ หนิฉันเนี่ยนะ เธอจะบ้าหรอเธอก็รู้ว่าฉันมีคนที่ฉันชอบอยู่แล้ว"
"ใครจะไปรู้ คิมยงหนะ เค้าน่าตาดีที่สุดในโรงเรียนเก่าก็จิงแต่เมื่อเทียบกับที่นี่แล้วหนะ เขาหนะเห่ยไปเลย"
"หยุดเลยนะเธอ ยังไงเขาก็เป็นแฟนฉันนะ"
"แต่เธอก็ไม่ได้พิสวาสอะไรเขาไม่ใช่หรอ"
"ไม่รู้ แต่เขาก็นิสัยดี ไม่เหมือนหมอนั่นของเธอไม่มีมารยาท ขนาดทำผิดแล้วยังไม่ขอโทษเลย ไม่ได้เรื่องจิงๆ"
"แต่เขาก็หล่หยะ เชอะ"
แล้วยัยนี่ก็ทำสายตาเพ้อฝันเชียว เห่อ...ขนาดยังไม่เปิดเรียนนะเนี่ยยังวุ่นวายขนาดนี้เลย แล้วพอเปิดเรียนแล้วจะวุ่นวายแค่ไหนเนี่ย ช่างเหอะ เดี๋ยวฉันโทรหาดงยองดีกว่า ไม่ได้ฉันต้องไม่หวั่นไหว ฉันชอบดงยองไม่ใช่หรอ
ใช่ๆ ฉันต้องชอบเค้าคนเดียว (เออพูดเองเออเอง -_- เอาเข้าไป).....
ติดตามความรักวุ่นๆ ของพวกเขาได้ในตอนที่ 2 นะค่ะ.......
23 กรกฎาคม 2548 18:39 น.
เฟรช
"เรมิ เรมิ ยายตัวเล็ก เมื่อไหร่จะออกมาซักทีหา.."
ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงน้องชายสุดแสบของฉันเรียก
"รู้แล้วหน่า ทำไมต้องตะโกนด้วยหา"
"อ้าว ไหงมาว่ากันอย่างนี้หละ รู้งี้ปล่อยให้ตกรถไปเลยก็ดี"
"แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ตกรถไปเลยหละ เชอะ"ฉันเดินบ่นออกมาหน้าบ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่ที่ตอนนี้มันจะไม่ใช่บ้านของฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันกำลังไปอยู่เมืองที่ฉันไม่รู้จัก ไปอยู่โรงเรียนที่ไม่มีเพื่อนเลยซักคน ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีเค้าคนนั้น เค้าคนที่ทำให้ฉันยิ้มได้ตลอดเวลา แต่ถึงฉันจะอยู่มันก็คงไม่มีความหมายอะไรเพราะเค้าก็ได้ย้ายออกไปอยู่เมืองอื่นก่อนน่าที่เขาจะบอกเลิกกับฉัน ฉันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสพบกับเขาคนนั้นอีกหรือป่าว"ชิน ชิน ชิน" ชื่อนี้คอยวนเวียนมาตลอดเวลา ไม่นะ อย่านะ ฉันต้องไม่ร้องไห้สิ ToT
"หนิ ทำเปนนางเอกไปได้เร็วๆสิ รำคาญชะมัดเลย"เสียงบ่นของยูชิ น้องชายหัวแก้ว หัวแหวนของฉันดังขึ้นมาอีก ฉันรีบเช็ดน้ำตาแล้วจึงรีบขึ้นรถไป
"มัวแต่คิดถึงไอชิน มันอยู่หละสิ"
"หนิ.แกหนะ ชินเค้าไปทำอะไรให้แกหา นายถึงไม่ชอบเค้า"
"ก็รำคาญเทอนะซิ ร้องไห้อยู่ได้ เทอร้องไห้เพราะมันเปนสาเหตุ"
"แล้วนายก็เลยเกลียดเค้างั้นสิ"
"อืม..ดิ"
"เชอะ"
ตั้งแต่ตอนที่ฉันเริ่มคบกับชินยูชิไม่เคยชอบชินเลย พอรู้ว่าฉันกำลังคบอยู่กับชิน นายนี่ไม่ยอมพูดกับฉันตั้งเดือนกว่า ฉันหละไม่เข้าใจว่านายนี่ไม่ชอบอะไรชินนักหนา ยิ่งเจอเรื่องที่เขาบอกเลิกฉัน นายนี่ก็ยิ่งซ้ำเติมฉันเข้าไปอีก สงสัยคงอิจฉาที่ชินน่าตาดีกว่าละสิ... นี่เขาก็ไปหลายเดือนแล้ว ทำไมฉันถึงจะลืมเขาไม่ได้ซักทีนะ ทำไม ทำไม ?//////
"ยายตัวเล็ก ยายตัวเล็ก นอนขึ้นอืดอยู่นั่นแหละ รีบๆมาช่วยกันยกของได้แล้ว"
"ถึงแล้วเหรอ"
"อืมดิ นอนน้ำลายยืดอยู่ได้ น่ารำคาญ" ทำไมนายนี่ถึงพูดเป็นแต่น่ารำคาญนะ พอด่าฉันเส็ดก็รีบหนีไปเลยนะ
"บ้าหรอ... ใครน้ำลายยืดหา... นายนั่นแหละ"ฉันตะโกนไล่หลังไป นี่เหรอบ้านหลังใหม่ของฉัน พูดถึงก็สวยใช้ได้นะ แต่ถึงจะสวยยังไงก็สู้บ้านหลังเดิมไม่ได้หรอก เชอะ นั่นไงนายนั่นเริ่มลงมือสำรวจบ้านแล้ว ไม่ได้ ไม่ได้ เด๋วนายนี่ได้ห้องใหญ่กว่าฉัน ฉันไม่ยอมหรอกนะ นั่นงัยห้องนั้นเลยเร็วๆสิเรมิ รีบวิ่งเร็ว
หาาา... อะไรกันเนี่ย
"เสียใจยายตัวเล็ก ผมจองแล้ว" นายนี่มาถึงก่อนฉันได้ไง ไม่ยังไงฉันก็ไม่ยอม ก็ห้องนี้ออกจะใหญ่ แถมยังมองออกไปเห็นวิวข้างล่างด้วย
"ฉันเป็นพี่นายนะ ยูชิ" ใช่ๆ พี่ต้องได้ห้องใหญ่กว่าสิ
"แล้วไงหละ" อ้าว..ไหงพูดแบบนี้หละ
"อยากมีเรื่องหรอไง"กล้าหาเรื่องกับนักกีฬาเทควันโดหรือไง แต่คิดๆไปไอหมอนี่เก่งกว่าฉันอีกนะ
"นึกว่ากลัวหรอไงหา.."
"ไม่รู้ ยังไงฉันจะเอาห้องนี้"
"พูดไม่รู้เรื่องหรอไง เรมิ บอกว่าฉันจองแล้ว"
"ฉันเป็นผู้หญิงนะ ผู้ชายต้องเสียสละสิ"
"บ่นเส็ดแล้วยัง ถ้าเส็ดแล้วเชิญออกจากห้องผมได้แล้ว" แล้วนายนี่ก็ลากฉันออกจากห้องแล้วปิดประตูใส่หน้าฉัน ทำไมฉันต้องมีน้องอย่างแกด้วยนะ ยูชิ ไม่เป็นสุภาพบุรุษซะเลย แต่พูดถึงนายนีก็ไม่เป็นสุภาพบุรุษกับฉันแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ทีกับแฟนคลับหนะ คับ คับ คับ อยู่ได้ เชอะ ไปห้องอื่นก็ได้ เอาชั้นบนดีกว่าขี้เกียจเปิดประตูเห็นห้องหมอนี่ เห็นแล้วคงอารมเสีย หลังจากที่ฉันได้ห้องแล้วก็เอาของขึ้นไปเก็บด้านบน เอ..ฉันว่าฉันไม่น่าเลือกชั้นบนเลยนะ ของหนักจะตาย แล้วพ่อกับแม่ฉันไปไหนแล้วเนี่ย มีโน๊ตติดไว้ด้วย
' แม่กับพ่อไปดูความเรียบร้อยที่ร้านก่อนนะเรมิ หวังว่าคงดูแลตัวเองกับน้องได้ เดินออกไปข้างหน้ามีร้านเบอเกอรี่นะจ้ะ ช่วยตัวเองนะลูก'
เรกะ
โห... แม่นะแม่ทำกันได้ แล้วฉันจะกินอะไรหละเนี่ย เมืองนี้ฉันก็ไม่เคยมา ทำไมถึงซวยยังงี้เนี่ย
"ติ๊งต๋อง ติ๊งต๋อง" เอะ... ใครมานะ ฉันเดินออกไปเปิดประตู
"เอ่อ ขอโทด นี่เป็นบ้านของยูเคดะ ชิซาโตะรึป่าว"ชายคนที่มากดกริ่งถามฉันด้วยน่าตาแปลกใจ และตะลึงสุดๆ ไม่เคยเห็นคนน่าร๊ากละสิ อดคิดหลงตัวเองไม่ได้เลย ฉันนี่ แต่ว่าไปหมอนี่ก็ดูดีนะ อายุคงจะห่างกับฉันซัก2-3 ปีได้มั้ง
"ไม่เชิงหรอกค่ะ"พอฉันพูดแบบนี้ยิ่งทำให้เขางงเข้าไปอีก เวลาเขาทำหน้างงนี่ น่ารักดีเนอะ จนฉันเผลอยิ้มออกมาไม่ได้
"คือว่า ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่วันนี้นะค่ะ คนที่คุณตามหาอาจจะเคยอยู่ที่นี่ก็ได้"หลังจากที่ฉันพูดจบก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"ชองคัน ชองคัน นายไปทำอะไรตรงนันหนะ" หมอนี่ชื่อชองคันหรอเนี่ย
"อ้าวเคดะ นี่ไม่ใช่บ้านนายเหรอ"ชองคันตะโกนถามต้นเสียงที่เรียกเขา
"บ้าหรอไง บ้านฉันหนะหลังโน้น" ในที่สุดฉันก็เห็นต้นเสียงนั้น โห..เขาดูดีจัง ถ้าบอกว่าเขาเป็นดาราหรือนายแบบฉันคงเชื่อแบบไม่สงสัยเลยซักนิด
"อ้าว งั้นขอโทด ละกันนะเทอหนะ ที่ทำให้เสียเวลา"ฉันรู้ข้อเสียของอีตาชองคันแล้วหละ นิสัยเหมือนน้องฉันเลย เสียดายนะอุส่าเกิดมาน่าตาดี ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย
"ไปกันเหอะ"แล้วเคดะ ก็ลากชองคันไป โห...ขนาดฉันว่าชองคันนิสัยแย่แล้วนะ ตานี่ยังแย่กว่าอีก คิดจะไปแบบนี้เลยหรอไง ฉันไม่ยอมหรอกนะ
"นี่ นายหนะ ไม่คิดจะขอโทดที่ทำให้ฉันเสียเวลาเลยหรอไง"ฉันเดินออกมาพร้อมกับตะโกนไล่หลังตาเคดะไป แล้วเข้าก็หันมาน่าตาอึ้งๆกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินไป โห..ดูอย่างนี้เขาสูงชะมัดเลย ทำไมฉันถึงเกิดมาตัวนิดเดียวนะ แย่ชะมัด
"เทอแหกปากใส่ใคร หา."
"ก็ใส่นายนั่นแหละ"
"เทอกล้าดียังไง"
"ทำไมฉันจะไม่กล้า ก็แค่ตะโกนใส่ผู้ชายแย่ๆ ไร้มารยาทคนนึงเท่านั้นเอง"
"นี่ เทอไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นคัย"
"ไม่รู้ แต่ถึงนายจะเป็นคัยใหญ่มาจากไหนนะ ฉันก็ไม่กลัวนายหรอก"
"อยากโดนต่อยหรอไง"
"แน่จิงก็เข้ามาสิ ฉันไม่กลัวนายหรอก"ท่าทางหมอนี่คงมีอำนาจน่าดู เรมินะเรมิ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย หมอนี่เริ่มเดินเข้ามาแล้วน่าตาน่ากลัวเชียว นี่นายจะเอาจิงหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะ
"เฮ้ย เคดะ เทอเป็นผู้หญิงนะ"ขอบคุณชองคัน ขอบคุณ ใช่ๆฉันเป็นผู้หญิงนะ นายกล้าชกผู้หญิงหรอไง
"ผู้หญิงแล้วไง ผู้หญิงก็เหมือนกานหมดแหละ ใจง่ายเห็นแก่เงินอย่างเดียว"
แล้วหมอนี่ก็เริ่มคิดได้ว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วหันหลังกลับ ถ้าเป็นเมื่อกี้ฉันคงโล่งอกแต่เป็นตอนนี้นายว่าฉันว่าฉันใจง่าย เห็นแก่เงินงั้นหรอ ฉันจึงออกวิ่งไปทางนายนั่น ฉันเริ่มโกดแล้วนะ
"นาย ไอทุเรศ" พอเขาหันมาฉันก็รวบรวมกำลังทั้งหมดกระโดด แล้วต่อยนายนี่เข้าไปเต็มแรง แล้วรีบวิ่งกลับออกมา ทำเอานายนี่กับชองคันอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันรู้สึกเหมือนเขาไม่เจ็บอะไรเลยแต่คงแค่อึ้งไปมากกว่ากับสิ่งที่เกิดขึ้น โถ่..เรมินะ เรมิ ทำไมไม่รู้จักระงับอารมบ้างเลย พอฉันเข้าไปในบ้าน นายนั่นก็ตะโกนกลับมาว่า "ฝากไว้ก่อนเถอะ ยายตัวเล็ก" เห่อ..เหนื่อยจังมาวันแรกก็มีเรื่องซะแล้ว ทำไมถึงซวยอย่างนี้นะ แล้วอารัยจาเกิดขึ้นหละเนี่ย........
21 พฤษภาคม 2548 16:35 น.
เฟรช
"ไหมๆ เดี๋ยวพี่ออกไปข้างนอกก่อนนะ จะกลับตอนเย็นๆ"เสียงพี่แนตทำลายความเงียบขึ้นมา แล้วพอฉันเงยน่าแล้วกำลังจะพูดตอบกลับไปพี่แนตก็ออกไปแล้ว
"อ้าว แล้วแบบนี้ก็ต้องออกไปหาข้าวกินเองอะดิ"ฉันบ่นกับตัวเอง แล้วก็แอบเหลือบมองนายเอฟ อันที่จิงฉันก็แอบมองเค้าตลอดอะแหละ เค้าดูดีจัง ไม่น่าเชื่อว่านายนี่จะตั้งใจทำงานได้ขนาดนี้ แล้วฉันจึงก้มน่าก้มตาทำงานต่อไป
14.00
"โอ้ย หิวจะตายอยู่แล้ว" ฉันบ่นออกมา
"ถ้าเธอหิว เธอก็ลงไปหาอะไรกินดิ"เขาพูดพลางเงยน่าจากรายงาน
"แล้วนายไม่หิวหรอไง นี่มันเลยเที่ยงมานานแล้วนะ แล้วนายก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเลยหนิ"ฉันถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่อะ อยากทำงานมากกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกับเทออีก"
โห..นายนี่คนเค้าอุส่าเป็นห่วงนะเนี่ย แต่ยังไงเค้าก็ต้องกิอะรัยบ้างแหละ
"หนินายนั่นแหละที่ทำให้ชั้นต้องมานั่งทะเลาะด้วย แล้วถ้านายไม่กินอะไรนายจะปวดท้องนะ ยิ่งเป็นโรคกระเพาะอยู่"
"เธอก็เป็นโรคกระเพาะเหมือนกันอะแหละ รีบๆไปกินเหอะ เดี๋ยวก็ปวดท้องขี้เกียจพาไปโรงพยาบาล"หมอนี่รู้ได้ไงนะว่าฉันเป็นโรคกระเพาะ ฉันไม่เคยบอกใครเลยนะนอกจากคนในกลุ่ม
"นาย/เธอรู้ได้ไง ว่าชั้นเป็นโรคกระเพาะ"ฉันและเขาถามพร้อมกัน
"เอ่อ.. ก็ได้ยินพวกแฟนคลับนาย เค้าบ่นเป็นห่วงนายก็เท่านั้นเอง นายหละรู้ได้ไง" ฉันโกหกไป อันที่จิงแล้วฉันไปแอบถามแฟนคลับของตานี่คนนึง วันที่เค้าปวดท้องต้องกลับบ้านด่วน
"ชั้นก็เคยเห็นเธอปวดท้อง ก็เลยลองเดาๆดู"
"จะเชื่อได้ไหมเนีย"
"หนิ แล้วถ้าไม่ใช่นะ เธอคิดว่าชั้นไปสืบเรื่องของเธอมาหรือไง"
"ปะ..ป่าว ซักหน่อยชั้นไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย เพียงชั้นแค่แปลกใจว่านายยังจำได้ เพราะชั้นก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรของนาย" เศร้าจัง
"อืม ช่างเหอะ ถ้าเธอหิวก็ลงไปหาอะไรกินเองละกาน"เขาพูดตัดบท
"แล้วนายจะไม่ไปด้วยกันหรอ"
"ทำไมเกิดอยากให้ชั้นไปด้วยขึ้นมา หลงเสน่ชั้นหรือไง"ก็ใช่นะสิ
"บ้าหรอ ป่าวซักหน่อย"