19 มิถุนายน 2546 15:29 น.
เพื่อนไพร
บทเพลงลาดังแว่วมาเพลาดึก
ย้อนรำลึกถึงกันวันฟ้าใส
แรกเริ่มต้นบนทางระหว่างใจ
แล้วแตกใบชูช่อละออตา
กลีบสีสวยรวยรินกลิ่นความรัก
ได้ทอถักสัมพันธ์อันสูงค่า
มวลดอกไม้มิตรภาพทอทาบทา
ทั่วแผ่นดินถิ่นฟ้าธาราธาร
ได้รู้เห็นความเป็นไปในผองเพื่อน
ฟังเสมือนดนตรีที่ขับขาน
ผสมรักผสานเศร้าเคล้ากังวาน
อีกบทหนึ่งประสบการณ์ก่อนผ่านลา
ทุกถ้อยคำน้ำใจไมตรีจิต
ทุกความคิดที่ได้ใฝ่ฝันหา
ทุกทุกอย่างที่เพื่อนให้เพื่อนมา
เก็บรักษาเอาไว้..ในใจนี้
16 มิถุนายน 2546 01:13 น.
เพื่อนไพร
ฉันเป็นคนบ้านนอกจะบอกให้
เป็นชาวไร่ชาวสวนล้วนยากเข็ญ
ทำงานหนักเหนื่อยกายเช้าบ่ายเย็น
มีเพื่อนเป็นนกกาป่าพงไพร
ชอบฟังสรรพสำเนียงเสียงธรรมชาติ
บทกวี ภาพวาด ดอกไม้ไหว
ชอบหนังสือ ชอบวิถีที่เป็นไทย
ชอบนอนมองท้องฟ้าไกลในราตรี
ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่เรื่องมาก
เบื่อสังคมลมปากอยากถอยหนี
มีแค่ไหนใช้แค่นั้นฉันว่าดี
ไม่ต้องมีปัญหาว้าวุ่นใจ
แต่ยังคงกิเลสหนาบ้าหลายอย่าง
ฝันละเมอเพ้ออยู่กลางความอ่อนไหว
โลภ โกรธ หลง มัวเมามีมากมาย
ปล่อยชีวิตให้ลอยใหลไปตามกาล
ฉันเป็นคนบ้านป่าท่าทางเซ่อ
หน้าตาเด๋อ ถ้อยสำเนียงเสียงไม่หวาน
เป็นอย่างนี้อยู่อย่างนั้นมาเนาว์นาน
มีบ้างไหมใครต้องการสานไมตรี
11 มิถุนายน 2546 17:02 น.
เพื่อนไพร
เดือนดวงเสี้ยวค่อยลาลับไปจากฟ้า
พร้อมๆ กับหยาดน้ำตาที่พร่าใหล
เขียนคำกลอนอนุสรณ์ไว้อาลัย
มอบแด่เพื่อนผู้จากไปชั่วนิรันดร์
ยังส่งข่าวถึงกันเมื่อวันก่อน
อยากให้ภาพนั้นหวนย้อนดั่งความฝัน
จะถักทอเส้นใยสายสัมพันธ์
โอบกระชับรับขวัญคลายหวั่นใจ
เพื่อนคนดี..นับจากนี้ไม่มีแล้ว
หอมรำเพยกลิ่นดอกแก้วแล้วแผ่วหาย
ฝากมาลัยดอกรักวางไว้ข้างกาย
เหนือแผ่นดินครั้งสุดท้ายใต้แสงดาว
เพื่อนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าโดยหน้าที่
ดุ่มด้นไปในวิถีที่เหน็บหนาว
ทางที่เดินฝ่าฟันนั้นเหยียดยาว
ลืมเสียเถิด..ความรวดร้าวคราวครั้งนั้น
ยังมีผู้สืบสานความหาญกล้า
ด้วยดวงใจเปี่ยมศรัทธาท้าคำหยัน
ดั่งหิ่งห้อยด้อยแสงกล้าแข่งจันทร์
ร้อยชีวิตรวมความฝันเพื่อวันไกล
หลับสบายเถิดเพื่อนรักจงพักผ่อน
เช็ดน้ำตาที่ร้าวรอนด้วยอ่อนไหว
ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนใช่เลือนไป
เขียนเรื่องราวฝากไว้ใต้แผ่นฟ้า
7 มิถุนายน 2546 02:19 น.
เพื่อนไพร
เพียงลมแผ่วพัดผ่าน..ใจก็ผ่าว
เหมือนพัดพาความเหน็บหนาวคราวเดือนดับ
สะเก็ดดาวร่วงรายหล่นหายลับ
ขีดแผ่นฟ้าเหมือนดังกับจะกรีดใจ
รอยอาลัยยังเหลือไว้ให้รำลึก
คงสืบสานความรู้สึกอันหวั่นไหว
น้ำค้างพรำอยู่หว่างกลางพงไพร
น้ำคำใยลืมเลือนเหมือนไร้รอย
ทิ้งเพียงความว่างเปล่าที่ร้าวรวด
กลางสายธารความเจ็บปวดทดท้อถอย
แม้นหมดหวังบางครั้งยังหลงคอย
ขับสำเนียงเรียงร้อยถ้อยระทม
เป็นเพียงใจหนึ่งใจซึ่งไร้ค่า
ประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นสาสม
ดอกรักร่วงในโลกที่โศกซม
ลมพริ้วพรมแผ่วมาก็ล้าแรง
จึงรินหลั่นน้ำตานี้จากชีวิต
อันใดเลยจะมีสิทธิ์เสาะแสวง
ก้มหน้ารับชะตากรรมที่สำแดง
ด้วยไม่อาจขันแข่งแย่งชิงใคร
7 มิถุนายน 2546 01:56 น.
เพื่อนไพร
ฉันหวังเป็นเพียง..หิ่งห้อย
เปล่งแสงน้อยๆ แม้ลับหาย
หรือกลบกลืนไปกับดาวที่พราวพราย
แต่ไม่หมายเป็นอัจกลับ ..ยามอับจันทร์
ปีกอ่อนบางของฉันนั้น..หิ่งห้อย
บินล่องลอยค้นหาซึ่งฝั่งฝัน
ระยะทางยาวนานที่ฝ่าฟัน
ย่อมมีวันสักวันที่โรยแรง
ทั้งลมฝนโหมกระหน่ำแรงซ้ำซัด
แสงจรัสจึงหม่นจึงมัวแสง
อย่ามองฉันด้วยสายตาที่คลางแคลง
มิได้คิดเสแสร้งหรือแกล้งทำ
สิ่งดีงามใช่ร้างไร้ในสำนึก
ทุกเวลาเฝ้าตรองตรึกที่ลึกถลำ
อุดมการณ์สอนสั่งยังจดจำ
ทุกชีวิตมีกรรมชักนำไป
ช่วงเวลาอ่อนล้า..หลับตาพัก
ใช่หลีกลี้หนีอุปสรรคไปแห่งไหน
ขอพักฟื้นบาดแผลแห่งหัวใจ
ให้ปีกบางอ่อนใสได้มีแรง
ครั้นลืมตาพรายพร่าขึ้นมาใหม่
มีความฝันอำไพระยับแสง
แม้เจ็บดังหนามคมโถมทิ่มแทง
ก็สัญญาว่าจะแกร่ง เข้มแข็ง..บิน
เมื่อแสงของฉันนั้น...หิ่งห้อย
สว่างวาบน้อยๆ แล้วสูญสิ้น
ใครมากมายอาจไม่เคยยลยิน
ฝากเพียงร่างไว้ถมดินพร้อมวิญญาณ