10 พฤศจิกายน 2555 11:52 น.
เพียงพลิ้ว
ตั้งแต่จำความได้ ญาติของฉันล้วนแต่ได้รับฉายาว่า “ปากลำโพง” เนื่องจากว่าพวกท่านทั้งหลายเสียงดังกันมาก คุยกัน หรือเรียกกันได้ยินกันไปทั้งคุ้มบ้านเลยทีเดียว เรื่องเสียงดังนี้ได้รับตกทอดมาถึงฉัน ท่ามกลางความแปลกใจของพ่อแม่ที่ค่อนข้างเงียบและพูดน้อย กลับบ้านเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ เล่นกับหลานๆเสียงดังทุกเย็น จนชาวบ้านนึกว่าคนทะเลาะกันต้องรีบยกโขยงมาดู ก่อนกลับมาทำงาน พ่อยังพูดว่า “คงเงียบเหงากันทั้งตระกูลเลยทีนี้”
ด้วยความที่ฉันเสียงดัง ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ไมโครโฟน กลัวไมโครโฟนสุดฤทธิ์ ตอนเรียนประถม คุณครู มอบหมายให้รายงานข่าวหน้าเสาธง ฉันก็เลือกรายงานข่าวแค่ว่า ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร แค่นั้นเอง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันไม่ชอบมากๆวิชา “ Specch Training” การพูดในที่สาธารณะมักจะเป็นเรื่องน่าอายสำหรับคนขี้อาย และไม่ขี้โม้อย่างฉันเสมอ แม้แต่การร้องเพลงคาราโอเกะ ฉันยังไม่ค่อยชอบเลย
แต่โชคชะตามักจะกลั่นแกล้งฉันในช่วงสองสามปีมานี้ งานแรกงานเลี้ยงคริสต์มาสและฉลองปีใหม่ของที่ทำงาน ฉันได้รับคัดเลือกให้เป็นพิธีกรคู่กับน้องใหม่คนหนึ่ง ปฏิเสธทั้งน้ำตาก็ยังไม่รอดจากงานนี้ จำได้ว่าคนที่เคยเสียงดัง กลับเสียงสั่น ต้องอาศัยไมโครโฟนช่วย งานนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็น “พิธีกรสุดยอด” เพราะว่าไม่ว่าใครจะทำอะไร คำชมที่หลุดออกจากปากโดยไม่ได้เตรียมในสคริปต์คือ “สุดยอดมากค่ะ” และแล้วงานนั้นก็ผ่านไปด้วยดี พร้อมกับฉันได้รับรางวัลใหญ่ในการจับสลากของขวัญ นั่นคือทองคำนั่นเอง ได้รับรางวัลใหญ่ครั้งแรกในชีวิตต้องแรกด้วยการถือไมโครโฟนหรือนี่
หลังจากที่ฉันได้แสดงฝีปากมาหนึ่งครั้ง ครั้งที่สองและสามก็ตามมา ซึ่งทั้งหมดฉันจะไปขอร้องพิธีกรมืออาชีพ หรือผู้มีใจรักงานด้านนี้มาแทนเสมอ แต่มีข้อแม้ว่าฉันจะเขียนสคริปต์ให้ หลังๆมา ทำไมถูกเรียกใช้บ่อยก็ไม่รู้ เพื่อนที่ทำงานบอกว่า “เพราะว่าพูดน้อย พลาดน้อย เจ้าภาพเลยชอบ” ฉันควรจะภูมิใจไหม เจ้าภาพช่างไม่รู้เลยว่าที่ฉันไม่พูดมากนี่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี ส่วนอีกคนบอกว่า “พิธีกรชุดแต่งกายดีเด่น”
ปีนี้ถูกเรียกใช้บ่อยจนผู้ทำหน้าที่แทนเริ่มรับงานไม่ไหว ต้องให้ลงสนามเองบ้าง ครั้งที่สองที่จะต้องขึ้นเวทีเองก็คือ งานลอยกระทงของปีนี้ ว่าจะประกวดนางนพมาศสักหน่อย อดเลย ปฏิเสธก็แล้ว หาตัวแทนก็ไม่ได้ จึงจำใจรับหน้าที่นี้มาด้วยความคิดหนัก เฮ้อ
ดูเหมือนว่าดวงพิธิกรฉันจะสมพงษ์กับชายหนุ่มที่ชื่อ “บอย” ครั้งแรกก็ “บอย” ครั้งที่สองก็จะเป็น “บอย” ฉันได้แต่ภาวนาและเตรียมตัวเพื่อให้งานนี้ผ่านไปด้วยดีเหมือนครั้งแรก แต่มั่นใจว่าความประหม่า ตื่นเต้นยังมีอยู่มาก แต่อย่างไรก็ดี ฉันเชื่อว่า “การเตรียมความพร้อมมาอย่างดีเท่ากับได้ชัยชนะมาครึ่งหนึ่งแล้ว”