23 มีนาคม 2552 14:53 น.
เพียงพลิ้ว
วันที่ 21 มีนาคม 2552 เป็นวันที่ตื่นเต้นวันหนึ่งสำหรับฉันเลยทีเดียว วันที่เพื่อนสนิทแต่งงาน ไม่ไปคงไม่ได้แล้ว งานนี้คงได้เจอเพื่อนๆหลายคนเลยทีเดียว เนื่องจากเจ้าบ่าวหนุ่มรูปหล่อเป็นหนุ่มฮอทประจำห้องในสมัยเรียน ฉันก็คงเหมือนเพื่อนๆหลายคนที่ตื่นเต้นกับการเลือกเสื้อผ้าไปงานแต่ง "แก ใส่ชุดอะไรก็ไว้หน้าฉันมั่งนะ" เสียงเจ้าบ่าวหนุ่มรูปหล่อเตือนมาทางโทรศัพท์ ด้วยทราบดีว่าเพื่อนคนนี้แต่งตัวได้เฉิ่มสุดๆ "น่า อย่างไรฉันก็ไม่แต่งสวยกว่าเจ้าสาวแกหรอกน่า" แม้นจะทราบล่วงหน้าไปก่อนสองสามเดือน แต่ด้วยรูปร่างที่อวบเกิบไปทำให้ใส่ชุดที่เตรียมไว้ไม่ได้ สุดท้ายก็ได้ชุดลิเกสีฟ้าสดใสไปงานแต่งเพื่อน
จุดรวมเพื่อนๆที่มาจากต่างจังหวัดมี 3-4 จุด แต่ละจุดเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลาสิบปีพอเจอหน้ากันยังเหมือนเดิม เสียงดัง ทะเลาะกันวุ่นวายเหมือนเดิมทุกอย่าง "นายอึ่งเหมือนเด็กเลย มาถึงห้องรื้อห้อง ถามโน่นถามนี่ไม่มีหยุด" เจ้าของห้องโทรมาฟ้องตอนที่ฉันกำลังเดินทาง เมื่อไปถึงห้องเพื่อน เจอเพื่อนๆ 5 คน เพื่อนยังหน้าตาน่ารัก บางคนก็สวยขึ้น เห็นริ้วรอยของความเป็นคนอายุ 30 เรารับประทานอาหารด้วยกัน เมนูเดิมๆอาหารอีสานที่อร่อยตรงได้กินไปคุยไป ถามไถ่กันและกัน กินเสร็จก็แต่งตัวไปงานเลี้ยงกัน เพื่อนๆดูตื่นเต้นกัน แยกย้ายกันไปทำผมแต่งหน้า โดยมีครูอึ่งคอยทำหน้าที่ผู้วิจารณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับที่สุด ติทุกกระเบียดนิ้วทั้งที่ตัวเองไม่ทำอะไร โดนเพื่อนโห่อยู่บ่อยๆ ส่วนท่านหัวหน้าหมวดภาษาอังกฤษก็คอยส่งเสริมให้เพื่อนแต่งตัวหรู จะได้ไม่เหมือนไปงานโรงเรียน เพื่อนสาวออฟฟิสก็หาชุด หาเครื่องสำอาง เครื่องประดับเอื้ออาทรมาแบ่งกันใส่ บรรยากาศวุ่นวายได้ที่เลยทีเดียว ใกล้ถึงเวลางานแล้ว ฉันก็ได้รับคำวิจารณ์ว่า "สวยแบบกานต์-กานต์" ไม่อยากบอกว่าแบบไหนเลย เขิน
พอไปถึงงาน ไปเจอเพื่อนอีกหลายคนเลย เจ้าบ่าวยิ้มสดใส เจ้าสาวแสนสวย เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจ้าสาวของเพื่อน น่ารักทีเดียว เราถ่ายรูปกับบ่าวสาวแล้วเข้าไปในงาน โต๊ะที่เจ้าภาพจัดให้เราเป็นเหมือนงานเลี้ยงรุ่นเลย ได้พบเพื่อนๆ ลูกๆของเพื่อนๆ ได้หน้าที่ใหม่ ช่างภาพแล้วพี่เลี้ยงเด็ก เจ้าภาพวุ่นวายกับการรับแขก เพื่อนๆสนุกสนานกับการกินและถ่ายรูป แขกกลุ่มนี้ไม่ค่อยสำรวมกันเลย ถ่ายรูปคุยกันไม่ค่อยสนใจชาวบ้านเลย เพื่อนๆของฉันสวยขึ้นกันหมดเลย หลานๆก็น่ารัก ไปงานนี้ได้ซองงานแต่งเดือนพฤษภาคมมาด้วย เสียงถามไถ่กันเมื่อไรจะแต่งงาน มีแต่คนบอกไม่รีบๆกันทั้งนั้นเลย
มือเลกเชอร์ของเจ้าสาวเป็นพิธีกรคู่กับเพื่อนของเรา เสียงพิธีกรถามหามือเลกเชอร์ของเจ้าบ่าวตอนที่อยู่ในห้องน้ำ เลยอดขึ้นเวทีไปโชว์โฉมเลย เจ้าบ่าวก็ช่างภูมิใจนำเสนอเพื่อนเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงเพื่อนอายคน พอเวลาเจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ อยากไปรอรับจังเลย แต่ไม่ยักจะมีใครไปเป็นเพื่อน อดได้รับช่อดอกไม้เลย
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา แต่เพื่อนๆของเรายังไม่ยอมเลิกลา พากันไปกินต่อ บางคนก็ลงทุนเอาลูกไปเก็บเพื่อจะได้มากินกับเพื่อนๆ แม่ลูกอ่อนและคนท้องต้องกลับไปพักผ่อน สาวโสดและหนุ่มโสดท่องราตรีกรุงเทพกันต่อ บรรยากาศของคนที่ไม่ได้พบกันนาน เสียงดัง วุ่นวายแย่งกันพูด ตลกดี ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ และก็กินๆ อิอิ เจ้าพวกที่เคยทะเลาะกัน ถึงวันนี้ก็ยังทะเลาะกัน คนที่ไม่เคยยอมใครก็ยังไม่ยอมใคร ต้องคอยห้ามทัพเป็นระยะๆ ขำก็แต่เจ้าคู่นั้น เจ้าม่อนกับเจ้ายา สมัยเรียนทะเลาะกันเรื่องใครเรียนหนักกว่ากัน พอทำงานมันก็ทะเลาะกันเรื่องใครทำงานหนักกว่ากัน เฮ้อ เจ้าพวกนี้ ไม่เคยเปลี่ยนเลย
มีการนับจำนวนคนโสดและไม่โสดในห้องของเรา คนโสด 60% คนแต่งงานแล้ว 40% ถึงเวลาแยกย้าย ฉันได้รับอ้อมกอดอุ่นจากเพื่อนสาวน่ารักๆหลายคน ต่างก็บอกจะมาเยี่ยมเยียนเมื่อมีเวลา คุณแม่ลูกสองจากนครพนมบอก "ไว้คราวหน้าจะเอาขนมจีนซาวน้ำมาฝาก" ดูสิยังจำได้ว่าเพื่อนชอบอะไร สมัยเรียนเวลาเธอกลับบ้านเธอก็จะเอาขนมจีนมาฝากเสมอ ขอบคุณเพื่อนมากเลย
"เมื่อไรจะได้เจอกันอีก"
"เธอก็รีบแต่งงานสิ"
"เจ้าสาวพร้อม แต่เจ้าบ่าวอยู่ไหนล่ะ"
"ไว้งานแต่งเธอนะ พวกเราจะไปกัน"
"งั้นไปงานขึ้นบ้านใหม่ก่อนดีกว่านะ งานแต่งคงไม่ไหว"
พบกันก็เสียงดัง จากกันก็เสียงดัง นี่แหละพวกเรา
"ไว้เจอกันงานหน้านะ"