30 กันยายน 2549 10:24 น.
เพียงพลิ้ว
ฉันไม่เหมือนเดือนเพ็ญงามเด่นฟ้า
จึงไร้ค่าหมดงามสิ้นความหมาย
หลงถลำยกใจให้มากมาย
จนทำร้ายใจตน..คนไม่ดี
ด้วยรักมากฝากใจให้เธอฝัน
แต่เธอนั้นจบทุกสิ่งยอมวิ่งหนี
เฝ้าคร่ำครวญมิสงวนในท่าที
สิ้นศักดิ์ศรียามรักปักอุรา
สูญความสุขทุกอย่างทางชีวิต
หวนพินิจเหตุใดไร้วาสนา
เพียงเพราะพร่ำคำรักล้นจนชินตา
เธอจึงว่าพูดย้ำเกินจำเป็น
ด้วยดวงใจมิไขว้เขวหรือเสแสร้ง
ทุกอย่างแสดงตามจริงสิ่งที่เห็น
มองผิวเผินจึงเดินห่างอย่างเลือดเย็น
เจ็บเกินเร้นน้ำตาร่ำจาบัลย์
จินตนาการเพริศพรายรักปลายฟ้า
ปรารถนาติดตามความใฝ่ฝัน
หวังร่วมทั้งทุกข์สุขอยู่ทุกวัน
อยากเคียงขวัญ...สุดท้ายรักพ่ายพัง
รักคงเหมือนของเล่นเช่นเธอว่า
จึงง่ายลาแม้รักล้นสิ้นมนต์ขลัง
หมองปองรักกลับได้คนไกลชัง
คงคาดหวังหัวใจ...ใครมากเกิน
28 กันยายน 2549 07:15 น.
เพียงพลิ้ว
รวยระรินกลิ่นโมกชื่นค่ำคืนไหน
น้องส่งใจอิงแอบแนบกับหมอน
ทั้งสองใบให้พี่นี้หนุนนอน
พร้อมคำอ้อนให้สนิทนิทรารมณ์
รักไร้เล่ห์เสน่หาน่าถนอม
ฝากหมอนกล่อมซับกลืนความขื่นขม
ร้อยคำหวานไม่จางไปพร่างพรม
ฝากสายลมเอื้อไอฝันอันละมุน
เคลียแก้มอิ่มอย่างบรรจงก่อนส่งถึง
เขียนรักซึ้งกลางหมอนให้นอนหนุน
หนาวหรือร้อนหมอนคงเอื้อคอยเจือจุน
หอมไอกรุ่นจากแก้มแต้มแดดวง
สิ่งดีดีมีให้ไกลเสมอ
ยากพบเจอยิ่งคิดถึงยิ่งหึงหวง
หวังกลิ่นหมอนอวลอาบกำซาบทรวง
อยู่ในห้วงรักปลายฟ้าอย่าผิดแนว
ลมพัดโชยโบยโบกหอมโมกขาว
เสมือนราวนอนเคียงข้างหอมนางแก้ว
เนิ่นนานนักรักเกิดยังเพริศแพรว
มอบใจแล้วผูกสมัคร..คนรักกัน
รักคือรักมั่นคงมิหลงใหล
ใช่เพริดไปสักนิดคิดง่ายฝัน
รักหมดจดงดงามความผูกพัน
ฝากหมอนนั้นมอบความอุ่นเพิ่มคุ้นเคย
หากคืนนี้พี่พรอดกอดหมอนน้อย
คิดถึงรอยแก้มนิ่มริมเขนย
หนุนตรงรักนั้นหนาอย่าละเลย
หากพี่เฉยไม่กอดหมอน...น้องนอนตรม
27 กันยายน 2549 07:29 น.
เพียงพลิ้ว
วาบหวิววูบแวบ แอบสะอื้น
แพรผืนพริ้มพราย ชายชื่นไหม
หรือรสรักร้าง ทิ้งขว้างไป
โหยไห้ห่วงหา ผ้าแพรทอง
เพียงเพ่งแพรพรรณ ชิ้นนั้นเศร้า
แนบเนาเนื้อนวล ชวนใจหมอง
ลมลวงล่วงเลย เคยเคียงครอง
ขุ่นข้องขัดขึ้ง จึงไม่ชม
กลัดกลุ้มกลัวไกลไม่แลเหลียว
หนึ่งเหนี่ยวหน่วงหนัก รักไม่สม
จำจรเจ็บจริง ยิ่งตรอมตรม
เพ่งพรมเพลงแพร แพ้ใจตน
ดึกดื่นดาวเดือน เลือนลาลับ
นิ่งนับเนิ่นนาน พาลสับสน
คราวคู่เคียงครอง เราสองคน
เหลือล้นล้ำลึก รู้สึกล้า
กรุ่นกลิ่นกอดเกย แพรเคยห่ม
ลอยลมเลยล่วง บอกห่วงหา
รอยรักร้างไร้ ไม่ตรึงตรา
ปวดปร่าแปลบปลาบ วาบชีวัน
พรอดพร่ำแพรเพ็ญ เป็นที่พัก
ฤทธิ์รักรัดรึง ใจถึงฝัน
หมองหม่นมัวมอง จ้องแพรพรรณ
ไหวหวั่นวูบหวิว ปลิวตามแพร
กลอนกล จตุพยางค์ หรือ มาลาสยายกลีบ
26 กันยายน 2549 07:31 น.
เพียงพลิ้ว
เมื่อ.หมายมั่นเพาะกล้า..................เมล็ดพันธุ์
ก้าว.....สู่สวนสวรรค์........................ เพื่อสร้าง
ที่........ทางก่อเกิดฝัน......................วันใหม่
กล้า....งอกเงยสล้าง.........................เมื่อพร้อมเตรียมการ
ดิน.....ดีแตกกิ่งก้าน..........................สาขา
แดด...อ่อนเสริมราคา.......................ต่อต้น
น้ำ......รดหลั่งลงมา...........................เขียวชอุ่ม
ปุ๋ย.....ใส่รองหลุมก้น..........................หมั่นสู้คราดพรวน
จาก.....เมล็ดงามครบถ้วน..................ตระการ
กล้า....ค่อยเริ่มทนทาน......................แดดร้อน
สู่.......ออกดอกเบิ่งบาน......................กลีบคลี่
ต้น.....ใหญ่บอกสะท้อน......................ไม่ล้มง่ายดาย
ไม้......สูงใหญ่คลับคล้าย......................ที่พิง
ตระ.....หง่านคนได้อิง..........................ร่มไม้
การ.....ปลูกอย่างรู้จริง..........................เสริมส่ง ได้เอย
งาม.....เด่นตามมุ่งไว้...........................พรั่งพร้อมครบคุณ
21 กันยายน 2549 07:25 น.
เพียงพลิ้ว
มนตร์ร้ายพระพายพลิ้ว
อุระหวิววะวาบไหว
ฝันหวานวิมานไกล
สติไร้พะวงลม
วาดหวังพลังรัก
มิตระหนักจะขื่นขม
เคลียคลอพะนอชม
ทะนุบ่ม ณ ใจตน
ในฝันสวรรค์รัก
เสนาะนักประเสริฐผล
หวานล้ำถลำจน
ภวหม่นมิกลายทรวง
คืนนั้นวสันต์หลั่ง
พยุคลั่งฤดีหวง
โหยหาวิวาห์ลวง
ชลร่วงประผิวกาย
ค่อนรุ่งสะดุ้งตื่น
รติชื่นก็ลับหาย
เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
ปะทะสายวิมานลม
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑....