28 กุมภาพันธ์ 2548 08:40 น.
เพียงพลิ้ว
นั่งปูเสื่อทอดอารมณ์ชมท้องฟ้า
บนลานหญ้าแล้งน้ำสนามหลวง
แว่วเสียงหมอขับสู้เชิญดูดวง
แต่ใจกลวงต้องมนตรานภาไกล
ฟ้าจ๋าฟ้า ใยขรึมซึมเศร้านัก
หรืออกหักรันทดมิสดใส
ฟ้าอึมครึมฉันซึมซึ้งถึงแก่นใจ
น้ำตาไหลฟ้าเหงาเลยเศร้าตาม
ฟ้าจ๋าฟ้า อยากร้องต้องกลางคืน
มอบความชื้นแก่คนต้นมะขาม
ผืนหญ้าแล้งแห้งเหี่ยวคงเขียวงาม
ขออ้อนความส่งน้ำตามาประทาน
นกพิราบโผบินหากินไป
หากมีใครมาโรยโปรยอาหาร
ขยับปีกรีบไวไปจัดการ
หากใครหว่านข้าวโพดของโปรดมา
ฉันเหม่อมองจ้องนภาอีกคราครั้ง
เปรียบได้ดั่งหลงเสน่ห์มนต์เวหา
ได้ของฟรีขี้นกตกใส่ตา
ดีนะว่าช้างบนดินบินไม่เป็น
25 กุมภาพันธ์ 2548 09:37 น.
เพียงพลิ้ว
การรอคอยสักวันนั้นนานนัก
หากว่ารักที่หวังไว้ใช่เหมือนฝัน
การรอคอยชั่วชีวิตคิดว่าสั้น
หากรักนั้นสมหวังดั่งรอมา
ไม่ได้เบื่อการคอยแต่น้อยนิด
แต่ห้ามจิตลำบากยากหนักหนา
ครวญคะนึงถึงวันนั้นตามสัญญา
รอเวลาพบฝันฉันรอคอย
ครบกำหนดสัญญาใจใครว่าไว้
เพราะเหตุใดหยอกเราให้เหงาหงอย
ลืมคำมั่นฉันเก้อเฝ้าเหม่อลอย
ตาละห้อยคิดถึงล้นคนลืมเรา
จากวันนี้จะไม่รออีกต่อไป
จะตัดใจเลิกรำพึงคิดถึงเขา
จะไปเป็นตัวฉันเหมือนวันเก่า
สัญญาเศร้าลืมกันฉันเลิกคอย
23 กุมภาพันธ์ 2548 22:00 น.
เพียงพลิ้ว
ไฉนเลยหัวใจใยครวญคร่ำ
มิจดจำสักหนบอกทนไหว
จึงปล่อยมันเลยเถิดเกิดรักใคร
แล้วเป็นไงต้องระกำช้ำชีวัน
ทะลึ่งพรวดกระโจนผาดโผนนัก
ทำทึกทักที่แท้ก็แค่ฝัน
เราไม่ต่างห่างเหินไกลเกินกัน
ที่เธอนั้นเพียรเอ่ยเผยออกมา
คิดหัวแตกแยกไม่ออกหลอกหรือจริง
เจ็บปวดยิ่งอกหักเกินรักษา
เพื่อนปลอบใจคนช้ำคือน้ำตา
เสียเวลาเสียหลักรักข้างเดียว
ยิ้มเยาะตนคนเซ่อเธอล้อเล่น
เขี่ยกระเด็นจากใจไม่แลเหลียว
คิดครวญคร่ำคำรำเพยเอ่ยคนเดียว
ต้องหน้าเหี่ยวคิดไปเองเซ็งสุดใจ
หลงตีความตามใจไม่คำนึง
เลยรู้ซึ้งผู้แพ้เจ็บแค่ไหน
ผิดเป็นครูได้รู้เห็นความเป็นไป
รักเท่าไรเจ็บกว่านั้นฉันรู้ดี
รู้สึกผิด มิคิดใหม่ ใจจำอวด
ต้องร้าวรวด สิ้นปอง หมองราศี
สุดท้ายแล้ว คลาดหวัง ทั้งชีวี
เก็บวจี ซ่อนไว้ ในกมล
อาจเสียใจ มากหน่อย ก็เท่านั้น
อาจหมดกัน ความหมาย อีกหลายหน
อาจร้าวลึก แหลกสลาย แทบวายชนม์
อาจต้องทน ข่มเอาไว้ น้ำในตา
19 กุมภาพันธ์ 2548 12:17 น.
เพียงพลิ้ว
ห่วงเหลือหลายชายชาญทหารกล้า
นอนเฝ้าป่าป้องแผ่นดินถิ่นอาศัย
กอดปืนนอนแทนหมอนข้างแสนห่างไกล
ส่งหัวใจแนบจดหมายไปชายแดน
คนแนวหน้าทำหน้าที่อย่างขึงขัง
คนแนวหลังยังห่วงยังหวงแหน
คอยส่งรักกำลังใจไปให้แฟน
ขอให้แขนขาครบวันพบกัน
อ่านจดหมายบรรยายรักสลักจิต
ไม่เคยคิดพลัดพรากจากใจฉัน
ทุกฉบับมอบคำหวานหว่านจำนรรจ์
รอถึงวันกลับมาหารักเรา
ยามค่ำคืนยืนถามข่าวกับดาวเดือน
ฝากเป็นเพื่อนเคียงกายให้หายเหงา
เฝ้าเอ่ยคำพร่ำวอนอ้อนจันทร์เจ้า
ทุกค่ำเช้าอย่าให้เธอเจอภัยพาล
ยังรักเธอเสมอใจไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่ได้แกล้งลืมเลือนรักยังหวาน
บางคราวนั้นห่างเหินเพราะเพลินงาน
ใช่ต้องการลาร้างห่างไมตรี
เมื่อใจรักคนจนฉันทนได้
อย่าน้อยใจเลยชายไม่หน่ายหนี
ปกป้องชาติศาสนาทำหน้าที่
คุณความดีซาบซึ้งตราตรึงทรวง
ยังเป็นห่วงเสมอไปแม้ไม่เจอ
ฉันรักเธอเท่าแผ่นดินถิ่นเธอหวง
อย่าไปเชื่อชาวบ้านหว่านหลอกลวง
ใจทั้งดวงเป็นของเธอเสมอมา
สุขใจยิ่งยามเพียรเขียนจดหมาย
ได้บรรยายความมั่นคงส่งภาษา
แต่เดือนนี้งานมากอาจส่งช้า
วอนเธออย่าขุ่นข้องแค่ลองใจ
16 กุมภาพันธ์ 2548 09:17 น.
เพียงพลิ้ว
พี่ดอกแก้ว
เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
คือเดินตามศีลสัตย์ที่เบื้องหน้า
ผู้ใหญ่ต้องเป็นใหญ่ในวิชา
มิใช่เด็กปลอมมาเดินนำทาง
คำผู้ใหญ่ท่านหมายเหมือนครูบา
นำปลอดภัยชีวาไร้ขัดขวาง
มิใช่เพียงสูงวัยในระวาง
ต้องมีคุณหนุนร่างผู้ใหญ่ดี
หากสูงด้วยวัยวุฒิผุดแต่บาป
ก็เหมือนเด็กในคราบที่ย้อมสี
เดินตามไปอาจลงอเวจี
เพราะไม่มีคุณธรรมมานำใคร
เพียงพลิ้ว
เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
เป็นทางลัดพาชีวิตจิตแจ่มใส
เป็นต้นแบบตัวอย่างนำทางใจ
หนุนนำให้เป็นคนดีมีราคา
ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีสอน
ทุกขั้นตอนจะไปใฝ่ศึกษา
ผู้ใหญ่ทำนำไปคิดพิจารณา
จะค้นคว้าคำสอนก่อนลงมือ
ยกผู้ใหญ่เป็นครูดูแล้วตรอง
ข้อบกพร่องควรแก้ไขไม่เชื่อถือ
สิ่งใดดีมีค่านักจักฝึกปรือ
ผู้ใหญ่คือผู้เชี่ยวชาญการกระทำ
จะไม่ดื้อถือดีมีอคติ
ละทิฐิฟังผู้ใหญ่ให้คมขำ
คำสอนใดใจพร้อมจักน้อมนำ
ขอจดจำน้อมรับปรับปรุงตัว
หากดูแข็งแสดงไปว่าก้าวร้าว
หรือสามหาวมองข้ามไปไม่เห็นหัว
หากพูดจากล้าไปไม่เกรงกลัว
มอบดอกบัวกราบขอโทษโปรดอภัย