เฌอมาลย์โพลโหนกระแสแลหาหนุ่ม เพียงพลิ้วกลุ้มกลัวสาวงอนจึงย้อนถาม หาความจริงหญิงใดใครสวยงาม คารมหวามใครเอ่ยเผยตัวตน ใครเจ้าชู้เชิญเอ่ยความตามถนัด สาวปากจัดเชิญแถลงแจ้งสักหน สี่ตำแหน่งแย่งกันครองน้องหน้ามล ทั้งสี่คนรับทองหยิบรีบโหวตมา เพียงพลิ้วโพลเปิดประเด็นเป็นที่หนึ่ง สวยสุดซึ้ง”แก้วประภัสสร” หล่อนแรงหนา ยกตำแหน่งสวยกว่าใครให้งามตา ทั้งกิริยากายใจยกให้ครอง “อัลมิตรา” คารมดีเป็นที่หนึ่ง บทหวานซึ้งเธอคนนี้ไม่มีสอง บทออดอ้อนกลอนไหลไม่เป็นรอง ทุกบทคล่องมีคารมคอยห่มใจ หญิงเจ้าชู้ดูยากลำบากนัก เชี่ยวชาญรัก”whitelily” ดีกว่าไหม คาสโนวี่จริงแท้มิแคร์ใคร หากหนุ่มใดอยากครองเชิญจองคิว...............ไม่กล้าโหวตใคร ก็โหวตเพื่อนนี่แหละ อิอิ ข้อสุดท้ายเรื่องราวสาวปากจัด หลังจากคัด”กุ้งหนามแดง”แซงลับลิ่ว พอเจอคำกุ้งหนำแดงแกว่งเป็นทิว ใจปลาซิวหลบหน้าไม่กล้าแซว..............จะโดนไหมเนี่ยเจ้ากานต์ อิอิ ขอเชิญชวนหวนคิดสะกิดตอบ ใครรักชอบเรียงหน้ามาเป็นแถว เพียงพลิ้วโพลเดินหน้าหางานแล้ว เชิญเพื่อนแก้วร่วมสนุกกันทุกคน กลัวสาวๆน้อยใจค่ะ โหวตแต่หนุ่มๆ ตอนนี้เชิญมาโหวตให้สาวก่อนนะคะ อย่าเพิ่งโหวตประเด็นอื่นนะคะ แบบว่ามือใหม่หัดทำโพล ไว้ค่อยก่อนค่อยโหวตประเด็นอื่นกันค่ะ รักใครชอบใครเชิญเชียร์ได้เลยค่ะ ยกที่ 1....
รับผิดชอบหน่อยไหมใครคนหนึ่ง ฝากคำซึ้งลงอักษรเป็นกลอนหวาน ช่างศักดิ์สิทธิ์ลิขิตพจน์เป็นบทกานท์ อกสะท้านผูกพันหวั่นไหวตาม หลงละเมอเพ้อพร่ำในคำเขียน ใครช่างเพียรแต่งจัดสัมผัสหวาม ติดกับดักอักษราว่าสวยงาม คอยเสพย์ยามคิดถึงมนต์ตรึงตรา เหมือนติดบ่วงห่วงใยเกินไขขาน เนื้อในสาส์นหลอนลวงจนห่วงหา ถ้อยสัมผัสรัดรึงซึ้งทุกครา ปรารถนาสืบค้นจากกลกลอน หวานละมุนอุ่นคำสัมผัสหวาม หอมทุกความทุกวรรคมนต์อักษร อุ่นอารมณ์บ่มใจให้อาทร มิอาจซ่อนความรู้สึกเมื่อตรึกคำ ความเป็นไปในอักษรซ้อนความฝัน เกิดผูกพันกลอนจรุงปรุงแต่งร่ำ มนต์ขลังกลอนใครอ้อนเขียนเพียรกอบกำ เฝ้าอ่านซ้ำหลายรอบอยากครอบครอง สัมผัสกลอนร้อนผ่าวราวถูกรัก ติดกับดักหวั่นไหวใจลอยล่อง วจนะงามลออขอจับจอง วอนเจ้าของคำอมฤตรับผิดชอบ
ฟ้าสีทึมครึ้มฝนหนึ่งคนหนาว เจ็บปวดราวใจขาดลงที่ตรงหน้า คล้ายจากผลคนพิเศษสิ้นเมตตา สุดอ่อนล้ากายใจถูกไข้รุม ไข้ตัวร้อนสาเหตุแค่แพ้อากาศ แต่ประหลาดภายในถูกไฟสุม ความอ่อนแอแพร่เพาะเข้าเกาะกุม ช่างร้อนรุ่มเจ็บสนิทพิษไฟเย็น น้ำตาหล่นทนหมองถูกมองข้าม รักเคยงามวันนี้ไม่มีเห็น หาก”เย็นชา””เมินเฉย” ไม่เคยเป็น เจ็บเกินเร้นความรู้สึก..ลึกเหมือนใคร เย็นยะเยียบเงียบงันหวั่นวิตก ร้าวสะทกสะท้านหวานวูบไหว สองดวงจิตสนิทนานอันตรธานไกล คล้ายหนึ่งใจสิ้นรสความงดงาม หากเพียงย้ำคำรักมาภักดิ์เซ่น อย่ามองเป็นบางสิ่งซึ่งมองข้าม แม้คนหนึ่งขึ้งใดมิไขตาม ยึดนิยามรักต่อขอผูกพัน ฝากฟ้าฝนหล่นล้างบางรู้สึก เจ็บเร้นลึกหลุดล่วงจากดวงขวัญ กลับหวานชื่นละไมยิ้มให้กัน เกลียดนักวันหัวใจใครอึมครึม
ยามท้อแท้อ่อนแอแม่คอยปลอบ มีคำตอบให้ในวันเจอปัญหา ความห่วงใยล้นเอ่อเสมอมา ยามอ่อนล้าปลอบใจไม่เฉยเมย ในบางวันฉันล้าน้ำตาหล่น แม่คือคนเคียงใจไม่นิ่งเฉย อยู่เป็นเพื่อนเตือนสติมิละเลย คอยเอื้อนเอ่ยฝากย้ำกำลังใจ ในบางคราวผิดหวังนั่งสะอื้น บ้างขมขื่นอ่อนแอยากแก้ไข ทุกครั้งมีแม่ปลอบมอบอุ่นไอ คอยมอบให้สิ่งดีดีไม่มีจาง ขอขอบคุณนางฟ้าของฉัน ทุกทุกวันห่วงใยไม่เหินห่าง รักทุกสิ่งที่ลูกเป็นในเส้นทาง เป็นตัวอย่างทุกด้านกานต์ขอบคุณ
มาจะกล่าวบทไปถึงความเดิมตอนที่แล้ว http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem143492.html หลังจากที่จอมโวยวายก่อหวอดชวนเพื่อนไปงานราตรีวังนารายณ์เมือนเดือนที่แล้ว พวกเราผองห้าจ้าจอมก็ได้วางแผนกันเพื่อจะได้พบกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้พบกันมานานพอสมควร จอมเบี้ยวติดงานไม่สามารถมาได้ ดังนั้นงานนี้จึงมีเพียงสี่เจ้าจอมเท่านั้น สำหรับทริปคราวนี้ ฉันตั้งใจว่าจะเป็นทริปที่คุ้มค่าและยาวนานที่สุดสำหรับฉันเลยทีเดียว หยุดงาน ๙ วัน ๓ วันแรกอยู่บ้านกับพ่อแม่และหลานๆ ๓วันต่อมาพาพ่อไปเยี่ยมหลานๆที่บ้านเกิดจังหวัดร้อยเอ็ดและทำบุญร่วมกับญาติๆ ๒ วันสุดท้ายที่อยู่กับเพื่อนๆที่เมืองลิงไปใส่ชุดไทยกัน และวันสุดท้ายอยู่กับตัวเองไปช็อปปิ้งตามใจชอบ สิบนาฬิกาวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่เรานัดหมายกัน ฉันได้เดินมากลับจากร้อยเอ็ดพาพ่อมาส่งที่บ้านก่อนออกเดินทางมายังลพบุรี ด้วยความกลัวว่าเพื่อนๆจะรอนาน ฉันจึงรีบออกเดินทางโดยไม่ได้พักก่อน รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าโดยไม่ลืมผ้าไทยที่ลงทุนยืมมาจากคุณน้าข้างบ้าน เสียงหลานชายตัวแสบแซวลอยตามลมมาแว่วๆ “เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ลาแล้วหนาบ้านเก่า ดินแดนที่เราเกิดมา…..” แม่เลยถามว่าทำไมร้องเพลงนี้ หลานก็เลยบอกว่า “ยายเห็นไหมนั่น น้าเขาพับเก็บที่ไหน ยัดใส่กระเป๋าชัดๆ” “เออ จริงอย่างมันว่า” เสียงแม่ลอยมา “ไม่เอาผักบ้านเราไปกินเหรอคราวนี้” พี่สาวถามด้วยความแปลกใจเพราะว่าทุกครั้งที่กลับบ้านไป ขากลับต้องมีอาหารพื้นบ้านจากสวนมาฝากเพื่อนๆที่ทำงานเสมอ “ไม่เอาจ้า จะไปเที่ยวลพบุรีก่อนกลับพัทยา” “ก็เอาไปฝากเพื่อนด้วยสิ” “ไม่เอาหรอกจ้ะ บ้านเพื่อนไม่ค่อยทำกับข้าวกิน” “อืม มาคราวนี้แปลก ไม่ยักจะขนอะไรไป” และแล้วฉันก็ออกจากบ้านมาพร้อมกระเป๋าสองใบ นี่ไม่เอาอะไรไปแล้วนะ ขณะกำลังเดินทางก็มีสายเข้ามาเป็นระยะๆทั้งจากเมืองลิงและจากสองสาวที่อยู่กรุงเทพ จอมวางแผนและจอมเสียบซึ่งกำลังมีปัญหาเรื่องการเดินทางโดยรถตู้ที่ล่าช้ากว่าปกติ ส่วนสาวเมืองลิงผู้รอคอยก็ไถ่ถามว่าถึงไหนแล้ว คงจะคิดถึงพวกเรามากอยากเจอกันไวๆ ฉันถึงเมืองลิงเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ นาฬิกา มาถึงเจ้าของบ้านออกไปแต่งตัวทำสวยรอเพื่อไม่ให้น้อยหน้าแขก ฉันเองก็มาที่นี่หลายครั้งแล้วจึงเข้าไปรอในบ้านได้อย่างไม่ขัดเขิน พร้อมกับติดตามข่าวของสองสาวที่กำลังเผชิญชะตากรรมบนรถตู้ เห็นว่าสองสาวคงไม่มาถึงไวแน่ ฉันจึงได้ไปอาบน้ำแต่งตัวทำสวยรอเพื่อไม่ให้น้อยหน้าสองสาวคนสวยแห่งเมืองลิง ซึ่งเสื้อผ้าหน้าผมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ได้เวลาประชันโฉมของผองเราทั้งห้า ยาแก้ปวดและสี่เจ้าจอม เสียงนกกระจอกแตกรังก็ดังขั้นเป็นระยะๆ ทั้งการต่อว่าต่อขานที่มาช้า ทั้งการหยอกล้อหยิกหยอกตามประสาพี่น้องสี่เจ้าจอม บางครั้งก็เล่นกันแรงๆบ้างตามประสาอาร์ตตัวพี่อาร์ตตัวน้อง ยาแก้ปวดไม่รู้เรื่องราวอะไร รีบเข้ามาไกล่เกลี่ยเป็นการใหญ่ คงเกรงว่าเรื่องจะบานปลายเพราะว่าผองเหล่าอาร์ตตัวแม่ทั้งหลายมาพบกัน คงยากต่อการควบคุม หลังจากที่เราได้สนทนาหยอกล้อกันเล่นพอสมควรแล้วเราก็รับประทานอาหารอร่อยร่วมกันและแยกย้ายกันไปแต่งตัว สองสาวคนสวยไม่ต้องแต่งตัวนานเท่าฉันเพราะว่ามีความสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลาประมาณ ๒๐ นาฬิกาที่เราเดินทางไปเที่ยวงานราตรีวังนารายณ์ การจราจรติดขัดมาก ผู้คนมากมายจากหลายๆจังหวัดเดินทางมาเที่ยวกัน (สังเกตจากทะเบียนรถ) กว่าเราจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควรในระยะทางที่ไม่ไกลนัก พอหาที่จอดรถได้ เราก็รีบเดินเข้างานกันเลย สองข้างทางมีสินค้าขายทั้งสองข้างทาง น่าซื้อทั้งนั้น แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา เป้าหมายของเรานี่เลย “การเป็นนางแบบ โดยมียาแก้ปวดเป็นตากล้อง” งานนี้คนเมืองลิงจัดได้อย่างสวยงามมาก ทั้งเรื่องแสงสีและการจัดสถานที่ มีมุมสวยๆให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป มีผู้คนมากมายหลายพัน มีผู้คนมากมากใส่ชุดไทยสวยๆแปลกตา สาวบางคนใส่สวยจนมองลับตาเลยทีเดียว พวกเราต่างก็สนุกสนานกับการถ่ายรูปย้ายไปมุมนั้นมุมนี้ โดยมียาแก้ปวดคอยเก็บภาพและเก็บข้อมูลไว้แฉ จนได้ฉายาว่า จอมจิกและจอมแฉ รู้สึกว่าตากล้องของเราก็ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือตัวเองเหมือนกัน รีบออกตัวเลยว่าถ่ายร้อยรูปคงใช้ได้สักสิบรูป แต่ว่านางแบบของเราบอก อย่าได้แคร์ พวกหนูโพสต์อย่างเดียว งานนี้มีสาวประเภทสองมาแต่งชุดไทยให้พวกเราได้ถ่ายรูปประชันโฉมกันหลายคน รวมทั้งมีเด็กผมแกละน่ารักๆมาเที่ยวกัน พวกเราฝ่าฝูงชนที่มาเที่ยวกัน อยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ทนความร้อนไม่ไหว รู้สึกว่าร่างกายของตากล้องและนางแบบต้องการเครื่องดื่มดับกระหายคลายร้อน ว่าแล้วพวกเราก็เปลี่ยนที่สิงสถิตย์กันใหม่จากวังไปเวียงที่เจ้าบ้านทั้งสองนำเสนอ เวลาประมาณ ๒๓.๐๐ นาฬิกาที่เราได้มานั่งดื่ม มานั่งคุยกันตามประสาพี่น้องการสนทนาของเรายังออกรสออกชาติเหมือนเดิม โดยมีสหายสุราของยาแก้ปวดมาร่วมวงด้วย สร้างบรรยากาศให้อบอุ่น มีเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา มาเมืองลิงก็ได้กินสุรานะจ๊ะ ไม่จำเป็นต้องไปถึงสุรินทร์ ถึงเวลาร้านปิดแต่ว่าพวกเราจะจบกันไม่ลง ติดลมบนกันใหญ่ ยังคงดื่มกันไปเรื่อยๆจนเหล้าปั่นของพวกเราสามคนหมดไปสี่เหยือก รีเจนซี่หมดไปเกือบแบน เบียร์สิงห์ของยาแก้ปวดก็หมดไปหลายขวด ตีสามพวกเรารู้สึกว่าจะไม่ไหวกันแล้ว ง่วงนอนกันแล้ว เจ้าบ้านทั้งสองจึงสั่งข้าวต้มมากินกันรอบดึกก่อนนอน แกงป่ากลิ่นหอมมากแต่ตอนนี้ฉันกินไม่ไหวแล้ว อิ่มมากมาย กว่าเราจะได้นอนก็ตีสี่กว่าๆ ไหนจะอาบน้ำ ไหนจะดาวน์โหลดรูป ไหนจะเมาส์กันอีก ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหน ฉันก็จะตื่นประมาณหกโมงเช้าเสมอ ตื่นมาไม่มีใครตื่นสักคนก็เลยโทรหาแม่ตามปกติเวลาที่ไม่ได้อยู่บ้าน จะเจ็ดโมงแล้วไม่มีใครตื่น ไปปลุกจอมโวยวายดีกว่า เพราะว่าหิวข้าวแล้ว เจ้าบ้านว่ามีร้านข้างนอกเป็นร้านข้าวมันไก่หรือไม่ก็ทำกินเอง ไปถามสองสาวแล้ว จอมเสียบว่ากินกาแฟ จอมวางแผนว่าจะกินอาหารข้างนอกไม่ทำ ส่วนฉันไม่ชอบข้าวมันไก่ จะให้กินแต่เช้าคงไม่ดีแน่ เดือดร้อนเจ้าของบ้านต้องลงมาช่วยเตรียมของให้ เอาหมูเอากุ้งเอาไส้กรอกมาวางไว้ให้ แล้วบอกจะทำอะไรก็ทำ ว่าแล้วชีก็หนีขึ้นไปนอนต่อ ฉันก็เลยทำไข่เจียว ทอดไส้กรอก ผัดผักใส่หมูและกุ้ง ทำเสร็จแล้วขึ้นไปดูยังไม่มีใครยอมลุกก็เลยต้องไปนอนเล่นกับเขาด้วย พอทนหิวไม่ไหวก็ปลุกขึ้นมาทานข้าวกัน พอเจ้าของบ้านเห็นอาหารก็ตกใจ ทำกินกันกี่คน ผัดผักทำไมมีแต่หมูกับกุ้ง ไข่เจียวทำกี่ฟอง พออิ่มหนำสำราญเราก็ขึ้นไปพักผ่อนกันต่อ เหมือนกับทุกครั้งไม่ว่าจะไปเที่ยวไหน ขอให้มีสถานที่ให้เราอยู่ด้วยกันเท่านั้น เราก็มีความสุขแล้ว คุยกัน หยอกล้อกัน ถ่ายรูปกัน ที่บ้านของจอมโวยวายมีชิงช้าสีขาวแสนสวยให้เราได้ถ่ายรูป เราจึงอาบน้ำแต่งตัว แล้วมาถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เปลี่ยนกันเป็นนางแบบ เปลี่ยนกันเป็นตากล้อง ได้รูปสวยๆเกือบร้อยรูปทีเดียว จนกระทั่งบ่ายโมงยาแก้ปวดก็มารับเราไปทานข้าวกลางวัน ทางผ่านเราก็เจอสถานที่ถ่ายรูปสวยๆอีก ยาแก้ปวดแสนใจดีจอดรถให้เราลงไปถ่ายรูปกัน แม้แสงแดดจ้าแต่เราไม่ได้กังวลอะไร ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน จอมโวยวายต้องคอยเสริฟสิงห์ให้ยาแก้ปวดเป็นการขอบคุณที่อดทนต่อเหล่านางแบบจอมวุ่นวาย เหล่านางแบบตื่นเต้นที่ถ่ายรูปกับเซียนไก่ชน ตายายทำอาหาร กระท่อมน้อยคอยชาย มาเมืองลิงทั้งทีต้องมีกล้วย แวะข้างทางพักสักหน่อย ดื่มกาแฟ ชามะนาวกันหน่อย นางแบบสองคนเห็นกระถางบัวสวยๆจึงอดไม่ได้ที่จะไปถ่ายรูป กระถางบัวเกือบล้มทับเมื่อเอาแขนไปเท้า (นี่ขนาดเท้านะ) แล้วเราก็เดินทางต่อไปยังอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก สถานที่รับแขกบ้านแขกเมืองของยาแก้ปวด แต่ก่อนแวะร้านอาหาร ขอแวะสำรวจสถานที่ข้างทางก่อนเพื่อประโยชน์ในการท่องเที่ยวครั้งต่อไป ที่อ่างซับเหล็ก ฉันกับยาแก้ปวดได้ปล่อยนกที่ซื้อมาจากลุงแก่ๆคนหนึ่ง ก่อนปล่อยยาแก้ปวดบอกว่า “ขอให้เป็นอิสระนะ” ส่วนฉันบอกว่า “ไปเที่ยวให้สนุกนะ” เจ้าบ้านพาเรามาร้าน “อิ่มอร่อย” อิ่มอร่อยสมชื่อ ทุกคนต่างพอใจในรสชาติของอาหาร สั่งมามากจนกินกันแทบไม่หมดแม้ว่าจัดสรรส่วนแบ่งกันอย่างยุติธรรมก็ตาม แม้ว่าจะบ่นเล็กน้อยเรื่องรสชาติของส้มตำที่เปลี่ยนพ่อครัว แต่ถามว่ามาอีกไหม เจ้าของบ้านตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “มา” เช่นเดียวกัน ถ้าถามพวกเราทั้งสี่ว่ามาอีกไหมเมืองลิง เราตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “มา” ขอบคุณมิตรภาพดีๆและการต้อนรับที่อบอุ่นจากสองสาวเมืองลิงนะคะที่ให้การดูแลพวกเราเป็นอย่างดี