15 กุมภาพันธ์ 2553 19:07 น.
เพลง+พิม
๐ คงนํ้า จะเอ่อล้นจนท่วมฟ้า
ฝูงมัจฉาว่ายวนอยู่บนหาว-
ผลุบโผล่ แถกดิ้นจะกินดาว
เมื่อกาขาวลั่นกลองจะครองเมือง
๐ นาฏกรรมชีวิตไร้ผิด-ถูก
โกศกระดูกผวาประดาเรื่อง-
ภัยพิบัติในเวิ้งวุ่นความขุ่นเคือง
ลูกหลานกระด้างกระเดื่อง ทึ้งธานี
๐ สบมิสร่างโศกแสนอันแน่น-อก
เมื่อขณะสาธกล้วนบัดสี
ทุรยศสะพัดทั่วปฐพี
เผ่ากาลีเถื่อนถ่อยยังลอยนวล
๐ ยั่วยุผิดแผก ให้แตกร้าว
เหมือนเหนี่ยวน้าวชนชั้นให้ปั่นป่วน
เหิมฮึดแต่ละครั้งมิบังควร
ประหนึ่งเสี้ยมปลายทวนมาทิ่มแทง
๐ ฤๅรากเหง้ามิใช่เป็นไทยชาติ
สํานึกนั้นวิปลาส จึงกําแหง
กะบิดินเพียงหลักให้ฟักแฟง
ก็มิอาจสําแดง " เนรคุณ "
๐ หากมิชอบตอบแทนคุณแผ่นดิน
อย่าลืมรสลวกลิ้นที่เคยขุน
ให้รู้สึกรู้สาในการุณ
เติบกี่รุ่นลูกท่าน บนลานไทย
14 กุมภาพันธ์ 2553 13:38 น.
เพลง+พิม
๐ กรีดกรายในเครื่องทรง ผจงฟ้อน
ในกุมกรเทิดพานหวานบุปผา
ละครั้งโปรยกลีบบางขึ้นหว่างฟ้า
ปรารถนารักสุม " กุมภาพันธ์ "
๐ ขอตั้งจิตพิษฐานบรรสานสรวง
ขอหัวใจทุกดวงจงสุขสันต์
ขอให้รักกําซาบตราบนิรันดร์
เพื่อปลอบขวัญธานินทร์แผ่นดินทอง
๐ ชํ้าหนัก..มานานนม แสนขมขื่น
ทั้งมีดพร้า,ปลายปืน ท่านสนอง
สัปยุทธดุเดือดเลือดนอง
พลีพี่ และเสียน้อง มาเท่าไร
๐ มโหรีปี่พาทย์ระนาดเล่า-
บรรยายความโศกเศร้ากี่เถ้าไหม้
เคาะละครั้งหลั่งหยาดแทบขาดใจ
ยิ้มสยามเหลือไว้ เพียงตํานาน
๐ เถิดเราลูกไทผู้ใจกล้า
ทุกขอบขัณฑสีมาอย่าร้าวฉาน
ความเมตตาอักโขแต่โบราณ
หากดับดิ้นสิ้นกาลคงเสียดาย
๐ น้อมจิตพิษฐานบรรสานสรวง
นิรมิตงามปวงอย่าล่วงหาย
ขอแผ่นดินเสมือนว่าเรือนตาย
จงชํานะเลศร้าย ทุรยศ
๐ อันด้วยสิ่งใดใดทําลายชาติ
กระทั่งตกประดาษเป็นปรากฏ
แม้นอํานาจมืดนั้นเยี่ยงบรรพต
จงพ่ายแพ้ เมื่อกบฏแผ่นดิน
12 กุมภาพันธ์ 2553 21:21 น.
เพลง+พิม
๐ ผจงเดินฝีเข็มคู่เบื้องภูษา
ปักริ้วลายห่วงหาภายผ้าไหม
มอบความรักงามปวงแห่งดวงใจ
ฝากแด่มิตรใกล้-ไกลด้วยไมตรี
๐ ขอร่วมอ้อมไออุ่นและกรุ่นหอม
จักถนอมความรักเป็นสักขี
จักวางใจปฏิพัทธ์โดยบัดนี้
ท่วงนาทีเบื้องหน้า คือพยาน
๐ ยังมิคุ้นสายตาที่ปรากฏ
บริบทฝากไว้ยังไม่หวาน
ยังมิด้นชํ่าชองในกรองกานท์
ผิด-ถูกใด เถิดอย่าผ่านให้เดียวดาย