9 เมษายน 2553 17:53 น.
เพลง+พิม
๐ จนป่านนี้ม็อบเถื่อนยังเกลื่อนอยู่
ความอุบาทว์ยังชูให้รู้เห็น
ยังยโสหอนเห่าทุกเช้าเย็น
ปิดประตูขู่เข็ญขีดเส้นตาย
๐ ทั้งที่แรงอ่อนล้า แทบหาไม่
ทะเลแดดลามไล่แต่เริ่มสาย
ยังเห็นโจรเดินจูงนําฝูงควาย
เหยียบยํ่าให้ฉิบหายอยู่เช่นนั้น
๐ ทนจริงจริง สิน่า ทนทายาด
จิตสํานึกตกประดาษอย่างเข้าขั้น
ปีนป่าย ห้อยโหน กระโจนดัน
เช่นกระบือตกมันก็มิปาน
๐ สักทีเถอะ ถอนโคนให้สิ้นซาก
ล้างสํารากเหม็นเน่ามันกล่าวขาน
เกลาให้เกลี้ยงเสี้ยนแผ่นดิน ดักดาน
เปิดรอบอวสาน เถอะนายกฯ
๐ กําลังใจให้ท่านค่อนประเทศ
ยังร่วมเฉดม็อบแดง ให้แรงอก
จงเร่งปราบแกนนํา จองจํานรก
อย่าให้มันสาธกความอัปรีย์
๐ เมื่อต้นตาย ใบก็แห้งไร้แรงบ้า
จึงเหล่าทาสอาสาย่อมลาหนี
ก็เมื่อนั้นความละมุนและสุนทรีย์
จะน้อยมากย่อมมีให้ชื่นใจ
๐ จวบวันนี้แรงใจ ยังให้นายกฯ
ล้างสกปรกแดงด้านอาการไพร่
เอาให้กระอัก แม้หลบหลุมอยู่ขุมใด
ดับพวกไร้อารยะ ขยะเมือง
"""""""""""""""""""""""""""""
ปล...วลีที่ว่า " ฉันจะร่ายรินจินตนา ให้สาสม "
ใช้ที่โอเคเนชั่นที่เดียว ไม่เคยใช้ที่นี่
หากว่ามีคอมเม้นด้วยวลีนี้ ที่นี่ นั่นคือ แอบอ้าง..!!
2 เมษายน 2553 18:29 น.
เพลง+พิม
๐ ยุบ ย่อ งอเข่าให้เข้าท่า
จะเอียงซ้ายเอียงขวาให้อ่อนหวาน
ชม้ายเนตรหยอกล้อพอประมาณ
สะดุ้งเอวผสานเสียงดนตรี
๐ ร่ายเถิดร่ายรําให้ชํ่าชอง
แห่งทํานองขึ้นลงไม่คงที่
จงฟ้อนด้วยเจตจินต์ซึ่งยินดี
จักงดงามท่วงทีในลีลา
๐ รุ่นต่อรุ่นสืบสานมานานนัก
อนุรักษ์การสอนฟ้อนหัตถา
นาฏศิลป์แห่งครูควรบูชา
ล้วนอุดมคุณค่าความเป็นไทย
๐ ชนชาติแห่งไหนเยี่ยงไทยชาติ
งามจังหวะนวยนาดกว่าชาติไหน
จึงสากลเผดียงความเกรียงไกร
นี่คือความยิ่งใหญ่ในการฟ้อน
๐ เจ้าเอย จงหมั่นเพียรเพื่อเรียนรู้
เจริญรอยแห่งครูผู้สั่งสอน
ละครั้งจีบควํ่า-หงายทุกกรายกร
จับจังหวะละท่อนให้แม่นยํา
๐ ยุบ ย่อ งอเข่าให้เข้าท่า
ยิ้มแย้มแฉล้มหน้าและยกยํ่า
ฝึกฝน ให้ชํานาญทุกการรํา
เพื่อถือฤกษ์ชี้นํารุ่นต่อไป
31 มีนาคม 2553 19:17 น.
เพลง+พิม
๐ ในขณะที่เรายังหายใจ
ยังรู้การเคลื่อนไหวสรรพสิ่ง
สัมผัสความสุนทรีย์ว่ามีจริง
ใจกลับยิ่งร่อนเร่สู่เอกา
๐ บ้างเหมือนใบลอยคว้างบนทางเปลี่ยว
บ้างเผชิญรอบเทียวตามประสา
บ้างหยาดนัยน์ร่วงรินเสียชินชา
บ้างรู้สึกอ่อนล้าเกินทัดทาน
๐ ล้วนแร้นแค้นโอบอ้อมถนอมขวัญ
ไม่ปรากฏปลอบกัน สร้างปาฏิหาริย์
จักต้องเป็นเช่นนี้สักกี่นาน
ฤๅตราบสิ้นลมปราณแห่งชีวิต
๐ จะสบยิ้มหวานไหวอย่างไรเล่า
เมื่อความเศร้าคุกคามและตามติด
เดือนดาวหลบหน้าทุกสารทิศ
จึงเห็นความมืดมิดอยู่ซํ้าซํ้า
๐ ในขณะที่เรายังหายใจ
ยังรู้ความเป็นไปในก้าวยํ่า
หากได้ยินว่ารักกันสักคํา
ย่อมปลาบปลื้มจดจําจวบวันวาย
๐ จะเคาะโลงบอกรักคงไม่รู้
จะเอ็นดูผ่านธูปและรูปฉาย
กี่โมงยามโศกเศร้าก็เปล่าดาย
เถอะ วันนี้ไม่สายจะรักกัน
11 มีนาคม 2553 17:24 น.
เพลง+พิม
๐ โลกวิกฤตผิดวิสัย ใกล้วิบัติ
สารพัดความหดหู่ที่รู้เห็น
ต่างผวา แต่ตรู่,สายจวบบ่าย,เย็น
เมื่อความเป็นถูกคุกคามโดยความตาย
๐ แผ่นดินวิปโยค ล้วนโศกสบ
มหรรณพบ้าคลั่งละฝั่งหาย
ร้อนและแล้งยังกระตุ้นให้วุ่นวาย
ภูเขาทรายขึ้นคํ้าเหนือลํานํ้า
๐ ถ้วนธาตรีอุบัติ มือมัจจุราช
ผู้ชี้ขาดแห่งศกอันตกตํ่า
ผู้ชําระรอยบาปหยาบกระทํา
จึงล่วงแล้วบุญ-กรรม มวลมนุษย์
๐ เผชิญหน้าธรรมชาติ มิอาจเลี่ยง
ระงมเสียงรํ่าไห้มิได้หยุด
ชีวิต ขึ้นลงแต่ทรง-ทรุด
ธรรมชาติประทุษ ก็เกินพอ
๐ เถอะมนุษย์ อย่ารุนแรงกําแหงหาญ
อย่าเปิดศึกสองด้านให้เกิดก่อ
เฝ้าระวังเรื่อยเรื่อย คงเหนื่อย-ท้อ
คือเรา-ท่านหักงอ มิใช่ใคร
๐ จะตายวันตายพรุ่ง ก็ไม่รู้
ท่ามฤดูมารยาสาไถย
ทุกขณะพร้อมประเลงเพลงภัย
สิ้นชีพพิตักษัย แม้นิทรา
๐ เถิดใจ รู้เอื้อและเกื้อกูล
จงดับสูญจริตความอิจฉา
รวมพลังเรา-ท่าน หลอมปัญญา
ยื้อเวลาธาตรี ไม่ดีฤๅ
17 กุมภาพันธ์ 2553 23:10 น.
เพลง+พิม
๐ ไม่ว่าใครลั่นกลองรบ ก็ศพสุม
กี่เนินหลุมเห็นอยู่เช่นภูเขา
สูญเสีย ทุกฝ่ายฝั่งกระทั่งเรา
กระถางธูปจูบเถ้า คือความจริง
๐ เก็บเวลาที่เหลือ ไว้เพื่อรัก
คงผ่อนหนักลงบ้างในบางสิ่ง
ถนอมเนื้ออุ่นกอดมิทอดทิ้ง
โศกก็นิ่งซ่อนเร้นอยู่เช่นนั้น
๐ กองพะเนินเหตุผลบนสัญจร
ต่างก็อ้างนาครซึ่งของฉัน
เอาชีวิตฮึดเหิมมาเดิมพัน
สงบสุขสักวันที่ไหนมี
๐ รอบข้างเดือดร้อน กันถ้วนหน้า
ญาติโกโหติกาประดาสี
เฝ้ารอการกลับมา ภายนาที
รอน้อง-พี่ ผ่านเป็น-ตาย ภายสะทก
๐ หรือชีวิตมีพอให้ล้อเล่น
จึงยื้อยุด,ขุดเค้นเป็นตลก
กระวีกระวาดข่มขู่จับคู่ชก
พรากคนรักจากอกก็มากมาย
๐ ละครั้งลั่นกลองรบ จึงสบโศก
ประหนึ่งโลกอาดูร มิสูญหาย
เถอะอย่าให้ความร้าวฉานบานปลาย
สวดสุดท้าย กุสะลา ใครว่าเพราะ
.......................