1 กุมภาพันธ์ 2548 18:56 น.
เพลงกลางป่า
มาอยู่วันหนึ่ง ผมได้เจอกับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง ผมรู้จักจากเพื่อนผมเนื่องจาก เธอบ้านอยู่ใกล้เพื่อนผมนี้ ชัย ซึ่งเป็นเพื่อนผม ได้แนะนำให้รู้จัก เธอชื่อน่ารักมาก เธอชื่อ บี ผมไม่ได้ชอบเธอเพราะเธอน่ารัก แต่เธอก็น่ารักด้วยแหละ น่ารักมากๆจนใครหลายคนต้องมาจีบเธอ เธอทั้งนิสัยดี เพราะเธอพูดจาอ่อนหวาน ไม่เคยหยิ่ง แล้วยังทักทายผมอย่างดีเมื่อชัย เพื่อนผมได้แนะนำให้รู้จัก ผมกับบี ก็เริ่มคบและรู้จักกันมาเรื่อยๆ จนใครต่อใครหลายคนเชื่อว่า ผมคงจะเจอแฟนแล้วจริงๆแน่ๆ เพราะใครๆก็เห็นว่า ผมกับบีเข้ากันได้ดีจริงๆ
แต่มีอยู่วันหนึ่ง มีงานศพน้องของปู่ผมได้เสียชีวิตลงเนื่องจากชราภาพมากแล้ว ผมจึงไปงานศพ ผมไปคนเดียวไม่ได้บอกใคร ผมชวนพ่อกับแม่ผมไปด้วย แต่เมื่อผมไปงานศพแล้ว หยิบเก้าอี้ที่เจ้าภาพเตรียมงานไว้ ผมเห็นผู้หญิงคลับคล้ายคลับคลาจะใช่บี ผมจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฎว่าใช่จริงๆ เอ๊ บีมางานศพด้วยหรือนี่ ผมคิดในใจ พลางคิดว่า ทำไมบีมานะ เป็นงานศพของน้องปู่เรานี่ เราลองเดินไปถามบี
อ้าว บี มางานด้วยเหรอ?
ใช่ค่ะ ก็ปู่ ของบีนี่คะ ?
???
28 ตุลาคม 2547 22:02 น.
เพลงกลางป่า
คุณโจ้ ตลกคณะเหลือเฟือ ม๊กจ๊ก เป็นคนหนึ่ง และเป็นเหมือนหลายๆคน ที่มีความฝัน คุณเองก็มีความฝันใช่ไหม ทุกคนเรามีความฝันกันได้ด้วยกันทุกคน
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนไทยหลายๆ คือน้ำตาหลายหยดของคุณโจ้
คุณโจ้เป็นคนดีคนหนึ่งที่ขยันทำงาน และต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆมากมาย เพราะเนื่องจากเขาเป็นคนแคระ ( พ่อ แม่ ของคุณโจ้เป็นคนปรกตินะครับ ) อุปสรรคที่ฝ่าฟันมานั้น ยาก และ มากกว่าคนปรกติทั่วไปแน่นอน ทั้งคนดูหมิ่น นินทา ดูถูกในรูปร่างภายนอกเค้า แต่จะมีสักกี่คนไหม ที่อยู่ข้างกายและเข้าใจ
ผมจะเริ้มเรื่องเลยนะครับ
คุณโจ้ต้องจากบ้านมาไกล มาทำงานในกรุงเทพ มีลูกน้อย 1 คน มีภรรยา 1 คน ( เป็นคนแคระเหมือนกัน ) ได้สร้างฝัน สร้างครอบครัวมาด้วยกัน เพียงแต่ฝันยังไม่สำเร็จ เส้นทางที่เดินไป มีฝันคอยเตือนอยู่ในใจเสมอ
ฉันจะเป็นนักร้องที่ดัง ฉันจะเป็นดาราที่ดี ฉันจะเป็นทหารที่เก่งกาจ ฉันจะเป็นตำรวจที่น่าเกรงกลัว ฉันจะมีบ้าน ฉันจะมีรถ ฉันจะมีเงิน ฉันจะมีทอง และ ฉันจะเป็นผู้นำประเทศ ข้อความทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นฝันทั้งนั้น บางคนก็เอื้อมมันมาครองได้ บางคนก็ยังไปไม่ถึง บางคนสะดุดล้ม แล้วไม่ไปต่อไปเลยก็มี บ้างก็ฝันอยากเป็นโจรที่เด่นดัง บ้างก็อยากโกงกินชาติบ้านเมือง บ้างก็อยากฆ่าคนเพราะแบ่งแยกดินแดน ความฝันของมนุษย์หนอ ไม่สิ้นสุดซะที
จะผิดไหมที่คนไม่ค่อยมีฐานะคนนี้ คุณโจ้ เข้ามาทำงานกับคณะเหลือเฟือ ม๊กจ๊กมาก็นานอยู่ เขาต้องฝ่าฝันทั้งคำดูหมิ่น สบประมาท ต่างๆนานา เขาขอฝันเพียง ซื้อรถสักคันหนึ่ง ขับไปอวดพ่อแม่ ที่จังหวัดหนองคาย มีครอบครัวที่ดี มีภรรยาแสนดี มีลูกที่น่ารัก หากจะถามว่า เขาเอารถไปทำไม เขาขับไม่ได้ เขาก็ว่ายวานคนในคณะช่วยขับให้
นี่แหละ ฝันเล็กๆ ที่บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องธรรมดา เขาพูดอยู่เสมอว่า " รถเก่าๆของผม จะไปถึงหนองคายไหมหนอ " นั่นสิ จะไปถึงไหมนะ
ความสงสัยในใจเป็นคำถาม
จะไปถึงไหม?
น้ำตาหลายหยดเป็นคำตอบ
เขาไปไม่ถึง
คุณโจ้เสียชีวิตลงเนื่องจาก มีวัยรุ่นได้ขว้างปาก้อนหินเข้าไปในรถของคณะคุณเหลือเฟือ ม๊กจ๊ก ก้อนหินกระทบกับศีรษะคุณโจ้ ( คนแคระ ) พอดี ทำให้คุณโจ้ต้องจากไป
อาลัยด้วยครับ คุณโจ้ ขอให้หลับสบาย
หากชาติหน้ามีจริง ผม และทุกๆคน ขอให้คุณโจ้ ไปให้ถึงฝันนะครับ
26 ตุลาคม 2547 23:57 น.
เพลงกลางป่า
1.เจ้าชู้
2.ดื่มเหล้า
3.ตื่นสาย
4.ทำห้องรก
5.ขี้ลืม
6.ฟุ่มเฟือย
7.นินทาผู้หญิง
8.โกหก
9.กลับบ้านดึก
10.เล็บดำ
11.ถุงเท้าเหม็น
12.ไม่มีความรับผิดชอบ
13.นอนกรน
14. ก่อนที่เธอจะเขียนข้อนี้ เธอเพลียจัดเนื่องจากเพิ่งซักผ้า ถูบ้าน ทำงานบ้านเสร็จ ในขณะที่สามีออกไปนอกบ้าน
จนกระทั่ง เย็นวันนี้ เธอหลับจนถึงเย็น มองดูนาฬิกาก็5โมงเย็น แล้ว เธอเห็นกระดาษวางอยู่ตรงหน้าเธอ จึงหยิบมาอ่อน
เขียนต่อจากข้อ 14 ว่า
ผู้หญิง
1.ขี้งอน
2.ขี้บ่น
3.งกเงิน
4.ชอบเม้าช์กับชาวบ้าน
5.ขี้ระแวง
ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ ไม่เป็นไร
ส่วนผมจะขอข้อสุดท้าย
ข้อที่14 ผมขอไว้1ข้อ
14.ผู้ชายอ่อนแอเป็น ร้องไห้เป็น เหงาเป็น เสียใจเป็น น้อยใจเป็น
ทุกวันนี้ ทั้งหมดที่ผมทำ ก็เพื่อเธอ ไม่ใช่เพื่อใคร
ฉัน รัก เธอ ..
เมื่อฝ่ายหญิงได้อ่านจบ จึงวางกระดาษลงเบาๆข้างกายตัวเอง พร้อมกับน้ำตา
และคำพูดเบาๆว่า " ฉันก็รักเธอ "
11 ตุลาคม 2547 22:39 น.
เพลงกลางป่า
เช้าวันหนึ่ง
"พรุ่งนี้แล้วสินะแม่ ต้องเกษียณแล้ว"ลุงศรพูด เพราะตัวลุงศรเอง ก็อายุ
69 ปี แล้ว ซึ่งเคยเป็นทหาร และคงไม่พลาดที่จะร่วมรบสงครามโลกครั้งที่สอง
"อืม ก็ดีแล้วล่ะ เหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อนบ้าง ลูกมันก็โตแล้ว"ป้าอมร แม่พิมพ์ของชาติ ที่รับใช้ชาติมานานแล้ว พูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะรู้กับอายุตน ที่แก่เต็มทีแล้ว
จะมีสักกี่คนไหม ที่ได้เป็นรักแท้เช่นนี้ อยู่กันได้นานขนาดนี้ วัยรุ่นสมัยนี้ช่างใจร้อนกันเหลือเกิน และมักจะมีแฟนกันก่อนที่จะถึงวัยอันควร แล้วก็พาปัญหามาให้พ่อกับแม่มากมาย "จะรักทั้งทีก็ขอมีคนที่จริงใจ" คำพูดนี้ก็คงจะเป็น
คำพูดที่ผู้หญิงไทยสมัยนี้ใฝ่ฝันกันเหลือเกิน ผู้ชายที่มีน้อยลงทุกที บ้างก็ตายเป็นโรคมะเร็งปอดเพราะบุหรี่ บ้างก็ตับแข็งตาย บ้างก็โรคมะเร็งกระเพราะ เพราะเหล้า บ้างก็โดนยิงตาย ตีกันตาย
"ปีนี้ก็ห้าสิบแล้วนะ พ่อเอ๊ย ลูกมันจะเป็นยังไงบ้างนะ" ป้าอมรกล่าวทั้งน้ำตาคลอ ที่รอลูกมานานนับนานแล้ว ลูกไม่ค่อยจะกลับมาเยี่ยมแม่สักเท่าไหร่
"เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อจะไปหาเจ้ากานต์ซะพรุ่งนี้ล่ะนะ แม่เอ๊ย"ลุงศรพูดชักชวน ในขณะที่ป้าอมร ไม่ลืมที่จะนำผ้าที่ถักมาเป็นรูปเสื้อกันหนาว ไปฝากลูกวันพรุ่งนี้
วันนี้ก็มาถึง
"คงไม่ลืมอะไรแล้วนะ บ้านลูกอยู่ในตัวเมืองโน่นแน่ะ ถ้าลืมเอาอะไรไปล่ะก็ คงจะไม่ย้อนกลับมาเอาล่ะ"ลุงศรพูดพร้อมเช็คข้าวเช็คของที่จะเอาไปฝากลูก
"ไม่ลืมอะไรแล้วล่ะ แม่เตรียมตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ไปหาลูกทั้งที จะรีรอได้ไง ไป ไปกันเถอะพ่อ เดี๋ยวจะสาย" ป้าอมรรีบขึ้นรถ ลุงศรก็ขับรถไปหาลูกบัดนั้นทันที
ตะวันเริ่มโผล่ขึ้นมาแล้ว ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว จึงไม่พลาดที่จะเห็นนกเป็ดน้ำตามท้องทุ่งท้องนา บินโผไปมา
"ดูโน่นสิพ่อ"ป้าอมรพูดแล้วชี้นิ้วไปที่นกเป็ดน้ำกลุ่มหนึ่ง
เป็นภาพที่น่าสงสารอะไรสิ้นดี ปืนลูกกรด 3 - 4 กระบอก ยิงใส่นกเป็ดน้ำทีละตัวสองตัว
' น่าสงสารนะ มันอุตส่าห์หนีหนาวมาจากไซบีเรีย คนสมัยนี้นี่นะ โหดร้ายกันจริงๆเลย' ลุงศรบ่นตามประสาคนรักธรรมชาติ
และแล้ว
รถของลุงศรกับป้าอมรก็ได้จอดที่หน้าบ้านลูกชาย
ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง!!
"ใครมากดกริ่งหน้าบ้าน ไปดูซิลูก"
"ครับ แม่"
เสียงหญิงสาวกับเด็กเล็กๆดังออกมาจากทางหลังบ้าน ลุงศรกับป้าอมรเอะใจอยู่เหมือนกันว่าจะเข้าผิดบ้าน
"ใครน่ะ มาแต่เช้า"เสียงทุ้มๆดังจากในบ้าน เดินมาเปิดประตูพร้อมกับเด็กน้อยๆหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
"อ้าว พ่อกับแม่เองเหรอ เข้ามาในบ้านก่อนสิ"กานต์ ลูกชายของป้าอมรกับลุงศรก็เข้ามานั่งที่โซฟา
"พ่อดูทีวีไปก่อนนะ เดี๋ยวกานต์ไปแต่งตัวก่อน"กานต์พูด
"จ่ะ ลูก ยังตื่นสายเหมือนเดิมเลยนะ"ป้าอมรพูด
"แล้วนี่ใช่ปาล์มหรือเปล่าเนี่ย"ลุงศรพูดถามกานต์
"ใช่พ่อ เจ้าปาล์ม หวัดดีคุณปู่คุณย่าซะสิลูก" กานต์บอก พร้อมกับเดินไปอาบน้ำ
" นี่โตขนาดนี้แล้วเหรอลูก โตเร็วจริงนะ"ป้าอมรพูดขึ้น
เมื่อกานต์อาบน้ำเสร็จ ก็เดินมากับแฟนสาวที่ชื่อพลอย คนหนึ่ง พร้อมกับลูก ที่ชื่อว่าปาล์ม เดินมาที่โซฟา
"พ่อกับแม่มาไมอ่ะ" กานต์ทักด้วยคำพูดสั้นๆกับลุงศรกับป้าอมร
"ก็คิดถึงน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปบ้านเลยนะลูก"ป้าอมรผู้เป็นแม่พูด
"พ่อกับแม่ไม่ต้องมาก็ได้ รบกวนเปล่าๆ เดี๋ยวผมก็จะไปทำงานแล้วล่ะ ไปนะแม่'
คำพูดสั้นๆ แต่ก็ทำให้ผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ สะอึกขึ้นมาได้ทันที
หลังจากนั้นทุกคนก็ออกไปทำงานกันหมด รับลูกไปด้วย โดยที่ไม่ใส่ใจใยดีกับพ่อกับแม่ที่มาเยี่ยมมาหาเลยด้วยซ้ำ แล้วป้าอมรก็บอกกับลุงศรว่า
"เรากลับกันเถอะนะ เราไม่น่ามากวนลูกเลยนะ"
ความเป็นแม่ความเป็นพ่อนั้นรักลูกเกินกว่าที่จะอธิบายให้เข้าใจมาเป็นตัวหนังสือได้ว่า รัก และ ห่วงแค่ไหน ไม่ว่าลูกจะดีจะร้าย พ่อก็รัก แม่ก็รัก ไม่เสื่อมคลาย สิ่งที่พ่อแม่หวังจากลูก ขอเพียงความสำเร็จก็พอ
แล้วป้าอมรก็เดินเอากล่องเสื้อกันหนาว มายัดไว้ในตู้เสื้อผ้า กะว่าลูกกลับมาคงจะได้เห็น
และหลังจากนั้น
ป้าอมรกับลุงศรก็กลับมาที่บ้าน ใช้ชีวิตตามประสาคู่รักที่แก่ชรากันมานานแล้ว เป็นคู่รักที่หลายต่อหลายคนอิจฉาเลยทีเดียว อยู่กันมานานขนาดนี้
นิยามความรัก ยิ่งอยู่กันนานก็ยิ่งเบื่อ ไม่ใช่เลย แต่ความรักคือการมอบชีวิตไว้ให้กัน ยิ่งนานก็ยิ่งผูกพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ
วันหนึ่ง
ป้าอมรได้โทรศัพท์ไปหาลูก
"สวัสดี ใช่กานต์หรือเปล่าลูก"ยายอมรพูดเสียงดัง
"อะไรแม่ ตะโกนทำไม หูจะแตกแล้ว"กานต์พูดด้วยเสียงกระแทก
"ก็แม่คิดถึงลูก ก็เลยโทรมาหา แค่นั้นเอง"แม่พูดด้วยเสียงที่ผิดหวัง
"มีไรป่าวแม่ ผมจะเลี้ยงลูก"กานต์พูดถาม
"สบายดีป่าวลูก"ป้าอมรถามลูกด้วยความห่วงใย
"ก็สบายดีอ่ะ แม่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ"กานต์รำคาญแม่ ที่หูไม่ค่อยดีแล้ว
"แค่นี้ก่อนนะแม่ ผมยุ่ง"กานต์ก็วางโทรศัพท์
หลังจากนั้น
เสียงโทรศัพท์ก็ดัง แคล็ก ถูกวางไปอย่างเร็ว ดูเหมือนว่าลูกจะรำคาญแม่แก่ๆคนนี้อย่างไงซะอย่างงั้น
กาลเวลาผ่านไป
ผ่านไป
ผ่านไปเรื่อยๆ
2 ปีมาแล้ว
ป้าอมรก็โทรคุยกับลูกตลอด ไปเยี่ยมลูกทีไร ลูกก็บอกว่าไม่ต้องมาหา นั่นเป็นเพราะลูกรำคาญหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ป้าอมรกับลุงศร คิดถึงลูกมาก
วันนี้มีโทรศัพทือีกครั้ง แต่มันเป็นเสียงสะอื้นของผู้เป็นแม่
"ลูกจ๋า ลูกกานต์"แม่พูดพร้อมด้วยเสียงน้ำตา
"มีไรป่าวแม่"กานต์ถาม
"พ่อ"
"พ่อตายแล้วนะลูก เมื่อเช้านี้เอง พ่อไปอย่างสงบน่ะ"ป้าอมรพูดขึ้น
หลังจากนั้นกานต์ก็มาจัดงานศพสามวัน ตามปรกติทั่วไป พองานศพจบ ก็กลับบ้านไป ด้วยเป็นเพราะงานที่ยุ่ง มีลูก มีภรรยา และแม่ที่แก่แล้วไม่ได้ทำอะไรให้มากนัก จึงไม่เคยมาเยี่ยมแม่เลย จากแม่ที่เคยโทรศัพท์คุยบ่อย ตอนนี้ก็โดนดุบ่อยๆว่า หูไม่ดี ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ป้าอมรผู้เป็นแม่ต้องแอบร้องไห้
ดูเหมือนว่าลุงศรตาย จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เลย ลูกกลับห่างหาย ปล่อยให้แม่อยู่ตามประสาคนชรา
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน
ผ่านไปเรื่อยๆอย่างไม่รีรอ
เป็นเวลา 6 ปีแล้ว
วันนี้แล้วที่กานต์จะไปเยี่ยมแม่
เดินทางด้วยรถสุดหรู ลูกน้อย 1 คน ภรรยาสุดที่รัก 1 คน
มาถึงหน้าบ้าน เสียงหมาข้างบ้านเห่า
เปิดประตูบ้าน
แม่นอนตายอย่างสงบในบ้าน
หลังจากนั้น กานต์กับภรรยาก็จัดงานศพให้แม่อย่างเรียบง่าย ด้วยเพียงน้ำตาไม่กี่หยดของกานต์ ที่รู้ว่าสายเกินไปแล้ว ไม่นาน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แม่ก็เริ่มเลือนลางไปในชีวิต ลูกน้อยโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภาระที่ทำงานเยอะ งานยุ่ง จึงไม่ค่อยคิดเรื่องเก่าๆ ครอบครัวก็มี
วันหนึ่ง วันนี้เป็นการย้ายบ้านของกานต์ เพราะกานต์ได้บ้านหลังใหม่
"เอ๊ะ นี่กล่องอะไรเนี่ย ใครเอามายัดในตู้เสื้อผ้า ไม่เคยเห็นเลยนะเนี่ย"ภรรยาของกานต์เอ่ยขึ้น
"ไหน ดูหน่อยซิ"กานต์เดินมาดู
ปรากฎว่า มันเป็นกล่องกระดาษสีขาวใบหนึ่ง ข้างในมีจดหมายแนบไว้ในเสื้อกันหนาว วันที่ในจดหมายบอกให้รู้ว่าเป็นจดหมายของแม่ ที่ถักเสื้อให้ลูกในวันที่มาเยี่ยมลูกวันนั้นเอง กานต์หยิบจดหมายออกมาอ่าน
"กานต์ลูกรัก แม่ได้ถักเสื้อกันหนาวมาให้ลูก สวยมั๊ยลูก มันเป็นสีกรม ที่แม่เคยถักให้ลูกใส่ตอน 3 ขวบ ยังจำวันนั้นได้มั๊ยลูก ที่พ่อเคยปะเสื้อให้ลูก แม่ถักขึ้นมาใหม่ กลัวว่าลูกจะหนาว แม่คิดถึงลูกนะ พ่อกับแม่คิดถึงลูกเสมอมา รักลูกเสมอมา ว่างๆก็ไปเยี่ยมบ้างนะลูก แม่รักและคิดถึงลูกมากนะ ปาล์มเป็นเด็กที่น่ารักมากเลย อยากให้พาลูกกับเมียลูกมาเล่นที่บ้านแม่กับพ่อบ้างก็ได้นะ แม่กับพ่อป่วยเป็นโรควัณโรคกันมานานแล้ว อยากจะพบลูก "ก่อนจะสิ้น...ลมหายใจ"
9 ตุลาคม 2547 20:25 น.
เพลงกลางป่า
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ชัย นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะ ได้ตำแหน่งเป็นหัวโจกของแก๊งค์ ด้วยอายุเพียง17ปีเท่านั้น มีประวัติโชกโชนและด้วยบาดแผลมากมายที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา จึงกลายเป็นความน่าเกลียดที่ใบหน้าเขาไปเสียเลย เรื่องของชัยเป็นมาอย่างไรน่ะเหรอ ก็ชัยน่ะ เป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่สองขวบแล้ว ยายเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ทุกเช้ายายจะออกไปขายก๋วยเตี๋ยว ที่หน้าบ้านทุกๆเช้า ก็มีคนมากินอยู่เรื่อยๆ และได้เอาเงินมาส่งชัย
ชัยเป็นเด็กที่เรียนดีมากเลยทีเดียว หากจะมองทั้งหน้าตาแล้ว เขาเป็นคนที่หล่อมาก แต่เขามาเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมตอนเริ่มเข้าสู่ม.3 เขาเริ่มเกเร ไม่ค่อยไปโรงเรียน การเรียนก็ตกลงเรื่อยๆ หลังจากเขาจบม.3เขาก็มาเข้าเรียนวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
ณ เวลานี้
"ชัย ไอ้เด็กใกล้โรงเรียนเรามันกวนตีนกูว่ะ เย็นนี้ไปล่อมันเปล่าวะ" เสียงกลุ่มแก๊งค์ของชัยได้ส่งเสียงดัง จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในวิทยาลัยต้องทำหน้าหงอ
"เออ มันมีกี่คนวะ"ชัยถาม
"ประมาณ20คนได้ว่ะ"เพื่อนสนิทชัยตอบ
เมื่อถึงเย็นวันนั้น ชัยกับเพื่อนจึงได้นัดหมายกันจุดแห่งหนึ่ง กลางถนนในกรุงเทพ
"เฮ๊ย ไอ้พวกเ ี้ย นั่นแหละที่กวนตีน"เพื่อนชัยบอกพร้อมชี้ไปที่กลุ่มวัยรุ่น
เพียงคำพูดไม่กี่คำนี้ได้จบลง เสียงระเบิด เสียงปืนได้กระหน่ำขึ้นทันที ผู้คนต่างร้องกรี๊ด วิ่งหนี รถที่ผ่านไปผ่านมาเบรกกระทันหันแทบไม่ทัน สักพักหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
"อ้าว เฮ๊ย ไปไหนกลับมาก่อน"ชัยตะโกนเรียกเพื่อนที่วิ่งหนี
ทุกคนต่างวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปหมด ไม่เหลือใครเลย เหลือเพียงชาวบ้านแถวนั้นออกมามุงดูกันเต็ม พวกที่ตีกันก็หนีกระจัดกระจายกันไปหมด ร่างสองร่างต่างสถาบันกองอยู่บนถนน อีกร่างหนึ่งเป็นร่างของคู่อริของชัยที่มีเรื่องกันอยู่บ่อยๆ ได้กองจมเลือด ส่วนร่างถัดไป ทำให้ใจของชัยแทบหยุดเต้น เพราะนั่นคือร่างของเขาเอง
"นี่เราตายแล้วเหรอเนี่ย"ชัยพูดกับตัวเอง
พอตำรวจมาถึง ร่างไร้วิญญาณของชัยได้นำไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และถูกเก็บไว้ในห้องดับจิตก่อนการชันสูตรศพ
วิญญาณของชัยได้ล่องลอยตามร่างของเขาไป พร้อมกับ คู่อริของเขาเช่นกัน
ศพของชัยถูกเก็บไว้ในตู้ห้องดับจิตข้างๆกับศพของคู่อริ และในห้องดับจิตนั้นเต็มไปด้วยศพเพื่อนของคู่อริของชัยที่ตายตามมาด้วยกัน
ห้องดับจิตตอนนี้มีศพ6ศพ 3ศพนั้นเป็นศพของคู่อริของชัยที่ตายไปเมื่อวาน อีกศพหนึ่งเป็นลุงขี้เมาที่ตายเมื่อเช้านี้เอง ส่วนอีกสองศพก็จะเป็นใครไม่ได้ ต้องเป็นชัยกับคู่อริของเขา
"อ้าว บาส ตายได้ไงล่ะ"เพื่อนของคู่อริของชัยถาม
ชัยจึงรู้ว่า คนที่เขาตายมาด้วยกันนั้นชื่อบาส
"ชื่อบาสเหรอ ชื่อนายเหมือนน้องอั๊วที่หายไปเมื่อหลายปีที่แล้วเลย"ชัยพูดกับคู่อริที่ชื่อบาส ที่ตายมาพร้อมกับเขา
"แล้วนายมาพูดกับเรานี่นายไม่เคืองเราเหรอ เราเป็นศัตรูกันนะ"บาสถามชัย
'เคืองทำไม ก็ตายได้กันแล้วนี่ จะมีอะไรเสียหายมากกว่านี้อีกล่ะ'ชัยพูดกระแทกเสียงนิดๆ พร้อมกับเอามือไปตบไหล่วิญญาณของบาส
"อ้าว ตายกันได้ยังไงล่ะ"ลุงขี้เมาถาม
"ตีกันตายครับลุง แล้วลุงล่ะ ตายยังไง"ชัยตอบ
"เมียตบ"ลุงตอบกวนๆ
แล้วเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้น ต่างคนก็เล่าเรื่องราวของตน จนกลายเป็นเพื่อนกันไปในที่สุด แม้จะเป็นวิญญาณก็ตาม
2 วันต่อมา ชัยได้รู้ว่า บาสก็คือน้องชายตัวเองที่หายไปเมื่อหลายปีก่อนจึงได้คุยกันไปคุยกันมา จึงได้รู้ว่า หนีไปอยู่สถานสงเคราะห์ เพราะเคืองเรื่องที่ยายทำโทษ
และแล้ว ผีทั้ง 6 ก็ได้เป็นเพื่อนกันโดยไม่รู้ตัว
วันนี้เป็นวันที่9ตุลาคมแล้ว ลุงได้ครบกำเนิดไปเกิดใหม่ ทุกคนต่างบอกลาลุง
วันรุ่งขึ้น วันที่10ตุลาคม เพื่อนทั้งสามคนของบาสได้ไปเกิดใหม่ ทุกคนต่างบอกลาเช่นกัน
พรุ่งนี้แล้ว ตอนสามโมงเช้า ที่ชัยกับบาสได้ไปกำเนิดพร้อมกัน ทุกคนต่างอฐิษฐานจิตไว้ว่า ขอให้ได้เกิดมาร่วมกัน อย่าได้มีวันแยกจากกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ลูกวัวสี่ตัวคลอดออกมา อีกสองตัวแข็งแรงดี ส่วนอีกสองตัวหัวติดกัน ผู้คนแห่กันมาไหว้ของหวย ...