24 กันยายน 2550 04:49 น.
เพรง.พเยีย
๏ แดดสายระบายแสง
ลงทอดแหล่งขึ้นลีลา
ให้ตื่นอย่างชื่นตา
รับสว่างอีกกลางวัน
๏ เดินท่องด้วยสองเท้า
ขณะเคล้าด้วยฝุ่นควัน
หลากผู้และแผกพันธุ์
มาร่วมทบ..บนวิถี
๏ อีกบทริมฟุตปาธ
กับหวังวาดหนึ่งชีวี
เด็กหญิงนักดนตรี
บรรเลงสรรค์คีตะศิลป์
๏ เสียงดังนั้นประดุจ
หวังจะหยุดผู้ผ่านยิน
"มาเถอะ..มาซับจินต์
มาฟังเสียงหนูบรรสาน
๏ หนูตีขวดพลาสติก
ระรัวริกด้วยสำราญ
หวังใจผู้เจือจาน
อย่าเดินข้ามแค่มองขัน
๏ ป๊อก..ป๊อก..กระทบแปลก
เพื่อใช้แลกเป็นรางวัล
อย่าเยาะ..อย่าเพียงหยัน
เป็นขอทานข้างถนน
๏ เติบโตกับสองตา
ที่เกิดมากับมืดมน
โถมซ้ำความขัดสน
จึงจำสู้มาขายเสียง
๏ แลกทานเพื่ออิ่มท้อง
กับทำนองแปลกสำเนียง
ขอเพื่อจะอยู่เพียง
ต่อความหวังชีวิตหนู"
๏ หลากบท..ริมฟุตปาธ
ที่ดื่นดาษแค่มองดู
บ้างแสนจะอดสู
และบ้างสุดจะสงสาร
๏ "ใครนะ...ใจทมิฬ !
คอยหากินกับเด็กพิการ"
เสียงสาป..คนสามานย์
ที่แอบร่างอยู่เบื้องหลัง
๏ หนึ่งเหรียญเศษสตางค์
ที่อาจอ้างเพื่อประทัง
เป็นเหรียญแห่งความหวัง
หรือเพียงกลแห่งการขาย
๏ ทุกยื่นเหรียญที่หยอด
เพื่ออยู่รอดหรือทำลาย
เด็กหญิงคงบรรยาย
ผ่านคำตอบเสียงดนตรี..
12 กันยายน 2550 04:37 น.
เพรง.พเยีย
๏ ส่งคำนึงทอดปรายกับพรายแสง
ดุจหลอมแหล่งใจสองเชื่อมคล้องหา
ตรงขอบโค้ง..เหลื่อมรุ้งหนึ่งปรุงมา
จรดฟ้าต่างพื้น..ร่วมผืนเดียว
๏ หนึ่งจักข้ามขอบขัณฑ์มหรรณพ
ไปบรรจบด้วยรักที่คอยเหลียว
กระซิบผ่านสายลมจนกลมเกลียว
ว่าทุกเสี้ยว..หัวใจ..มอบให้แล้ว
๏ โปรดรับรู้อกออม..ถนอมนัก
ด้วยใจภักดิ์มอบเคียงแต่เพียงแก้ว
ยังสดใสเฉกดาวที่พราวแพรว
ยังแน่แน่วเฉกมั่นตะวันวง
๏ รับรู้เถิด..รอยพร่ำทุกคำไข
จากห้วงใจเก็บออมมาน้อมส่ง
เพื่อถนอมรับขวัญอย่างบรรจง
ที่ดำรงคงมั่นจากวันวาร
๏ หมองเอย..หมองจะปลดจนหมดสิ้น
เหลือเพียงยินขับคำลำนำหวาน
เกี่ยวเราสอง..ร่วมหลอมกล่อมเพลงกาล
สนิทนาน..ตราบสายลมหายใจ
๏ หลอมด้วยรื่นรดรินทุกถิ่นที่
นับแต่นี้จะล่วงพ้นไปหนไหน
ความผูกพัน..ความหมาย..แห่งสายใย
จักตราไว้แนบขวัญนิรันดร
๏ ใจแนบใจ..อยู่เคียงแม้เพียงฝัน
ด้วยผูกพันนั้นประจักษ์กว่าอักษร
ทุกคำนึงห่วงหา..ห่วงอาทร
ล้วนจากอร...มอบสู่..เพียงผู้เดียว