6 กันยายน 2549 17:08 น.
เพรง.พเยีย
๏ ตราบเห็นพี่คล้อยหลังพ้นฝั่งท่า
สู่วังหน้าคุมผองกองทหาร
ด้วยยามนี้ข้าศึกหมายรุกราน
ประชิดด่านเขตแดนใกล้แคว้นกรุงฯ
๏ มีโองการร่วมทัพไปรับหน้า
ให้กรีธาออกพลันในวันพรุ่ง
หนึ่งชาติชายถวายคำจักบำรุง
พร้อมจะพุ่งเพลงดาบตราบชีพวาย
๏ ให้วิตก..อกนวลแอบครวญคร่ำ
เสียงกลองย่ำเคลื่อนไป..ก็ใจหาย
โอ้น้องนี้..คอยเหลียวด้วยเดียวดาย
เกรงพี่ชายไปลับไม่กลับมา
๏ ยามอยู่เรือนห่างเห็นหรือเป็นสุข
จะนั่งลุกทุกช่วงก็ห่วงหา
เฝ้าคำนึงป่านฉะนี้..โอ้พี่ยา
จะต้านฝ่าไพรีอยู่ที่ใด
๏ คนอยู่หลังคอยแต่ชะแง้เฝ้า
แต่รุ่งเช้าจวบผันถึงวันใหม่
วอนปวงเทพเทวาฤทธาไป
บันดาลให้พี่คลาดทุกศาสตรา
๏ อยู่ครองเพศบำเพ็ญในวันพระ
ถือศีลละด้วยจิตขนิษฐา
หวังผลบุญแห่งธรรมจะนำพา
ปกรักษาขุนหมื่นกลับชื่นชม
๏ สองมือปลิดกลีบบางลงวางเทียบ
คอยคัดเปรียบสีชาด..ขนาดสม
จากก้านดอก..ล้อมนามด้วยหนามคม
ร้อยปฐมวาจามาลาคำ
๏ ทีละกลีบ..ละกลีบ..คอยจีบจัด
น้อมมนัสจรดรวงเป็นพวงร่ำ
ผสานเกลียวต่อปลายต่างสายธรรม
ประณตนำในวิมุตองค์พุทธา
๏ ลายสลับแซมหมุดด้วยพุดแถว
เจียนใบแก้วจีบเรียงเคียงบุปผา
ร้อยพิสุทธิ์ด้วยขั้นมัลลิกา
ริ้วระย้าช่อชายสายจำปี
๏ แล้วสำรวมกาย-จิตอธิษฐาน
ขอเหล่าหาญกล้าผดุงแห่งกรุงศรีฯ
จงสัมฤทธิ์มีชัยต่อไพรี
ป้องธานีพ้นได้จากภัยเทอญ..
๏ จักรอรับขวัญแก้วทหารกล้า
กลับยังท่าคืนนางไม่ห่างเหิน
เมื่อการศึกแผ่นดินสิ้นดำเนิน
จักรับเชิญคำพี่..เป็นศรีเรือน..