24 มีนาคม 2549 04:48 น.
เพรง.พเยีย
๏ หนาวน้ำค้างพร่างพรมมาห่มเนื้อ
ปรุงกลิ่นเจือหอมบอกถึงดอกแก้ว
ถวิลถามหมื่นดาวทุกพราวแพรว
ว่าค่ำแล้ว..อุ่นไหมผู้ไกลตา
๏ ส่งคะนึงล่องปรายกับสายเสียง
ครวญสำเนียงผ่านสรวงด้วยห่วงหา
ผูกทำนองสร้อยคำวันอำลา
ขอสัญญาจักทวน..เพียงนวลคอย
๏ กิ่งสะเดาท้ายเรือนคงเตือนอยู่
ใต้ลำพูแอบอิงแสงหิ่งห้อย
พลิ้วผืนม่านหม่นจางจนพรางรอย
ทุกเหลียวพลอยร่วมพร้องสู่กรองกานต์
๏ ทานลมหนาว..กว่าหนาวในคราวนี้
แทรกราตรีเย็นเยียบทุกเงียบขาน
เกลื่อนแห้งใบปลิดโรยลงโปรยลาน
พร้อมหนึ่งจารถามห่วงจากห้วงใจ
๏ อยู่ไกลแสนแดนถิ่นหรือยินถึง
เพลงรำพึงยามขับพร้อมหลับใหล
ท่ามริบหรี่แสงเพียงตะเกียงไฟ
เหมือนอกใครหม่นเศร้าด้วยเฝ้ารอ
10 มีนาคม 2549 05:07 น.
เพรง.พเยีย
๏ เอิบอรุณฝากแต้มเมื่อแย้มสาง
ฟ้ารุ่งรางเหลื่อมรอยดั่งพลอยสรวง
เกร็ดน้ำค้างกลั่นวาดเม็ดหยาดรวง
แอบซ่อนดวงใสพราวจากคราวคืน
๏ ใกล้จะลับขอบลานแล้วกาลค่ำ
หอมกลิ่นร่ำดอกปรุงจรุงชื่น
แรมเรียวจันทร์แจ้งพลบจวนกลบกลืน
พร้อมนิลผืนแทนคลี่ด้วยสีทอง
๏ ปล่อยสายธารบ่าลามของความหลัง
ที่พรูพลั่ง..ยิ้มหัวและกลั้วหมอง
แต่งคุณค่าเปล่าเปลืองได้เรืองรอง
ร่วมขับพร้องเพลงฝันในวันเยาว์
๏ ตราบล่วงรอยตำนานอีกวารหนึ่ง
ช่วงคำนึงแตะตื่นในคืนเหงา
ยังพรายแสงอุ่นอ้อมมากล่อมเกลา
วาดพรุ่งเช้าปรากฏด้วยงดงาม
๏ กี่บันทึกจากถ้อยทุกรอยผ่าน
น้อมเก็บจาร/ปลดจำต่อคำถาม
แม้นรำไร..มืดคราวยังวาววาม
ปลุกนิยามรายร่ำกลางสำเนียง
๏ ลมรำเพยแผ่วมาอุษาหนึ่ง
ให้คะนึงขับยินเช่นพิณเสียง
บ่มรอยทางทวนเพื่อจะเหลือเพียง
หัวใจเคียง..รับหอม..ที่หลอมกาล