14 พฤศจิกายน 2549 04:52 น.
เพรง.พเยีย
๏ โลมแดดสายทอดทิวสู่ผิวเนื้อ
โอบอุ่นเจือหนาวลมมาห่มหาย
ระยับแสงทอดทางจนพร่างพราย
ร้อยความหมายกำซาบลงทาบใจ
๏ แต่ละหยดหยาดรินก็สิ้นแล้ว
ยังแต่แว่วฝากย้ำกับคำไข
ก็เพียงหยาดน้ำค้างที่จางไป
ท่ามเนื้อไอหนึ่งเจ้า..ผู้เฝ้าคอย
๏ ทุกอณูแห่งถวิลระรินผ่าน
จากฝุ่นลานผืนย่ำอันต่ำต้อย
จรดสรวงงามเรื่อดั่งเนื้อพลอย
มาหลอมร้อยรับขวัญอย่างบรรจง
๏ โอบจนอุ่นแทนเจ็บอันเหน็บหนาว
ลบเรื่องราวเกาะกุมจากลุ่มหลง
ทิ้งเงาร้างปรากฏจนหมดลง
พร้อมรอยบ่งเลือนหายกับสายกาล
๏ ปลิดปลิวเถิด..บทตอนวันอ่อนไหว
เพื่อแกร่งใจได้ระบัดขึ้นหยัดขาน
ถ้อยสำเสียง..เถิดฟัง..ยิ่งกังวาน
เมื่อแว่วหวานร่วมร่ำขับทำนอง
๏ กระซิบผ่านธารโศกถึงโตรกผา
กี่น้ำตาซับบนความหม่นหมอง
ตราบรุ่งแสงระเหยไห้เป็นไอฟอง
ใต้ครรลองโชนช่วงแห่งดวงไฟ
๏ โลมแดดผ่านลานพุ่มโกสุมสี
แต้มมาลีร่วมล้อมกล่อมสมัย
ลบอดีตกรีดรอยจากคอยใคร
เหลือเพียงใจหนึ่งร้อย..มาคอยเคียง