22 พฤศจิกายน 2548 05:37 น.
เพรง.พเยีย
๏ แว่วทำนองเพลงหนึ่งเคยซึ้งเหมือน
กลับต่อเตือนคืนยามของความหลัง
หลงติดจมบ่วงไหวในภวังค์
จากรอยขังขื่นคำที่ย้ำมา
๏ กี่คมมีดกรีดใจจากใครเล่า
เจ็บหรือเท่าเพียงพากย์หนึ่งถากถา
หนึ่งที่ใจคอยภักดิ์สลักตรา
พิพากษาทัณฑ์ถ้อยจนสร้อยตรวน
๏ คืนแผ่นฟ้าลับผันตะวันฉาย
ผ่านความหมายมืดดำแห่งกำสรวล
ร่องรอยเมื่อตาหลับประทับทวน
กับภาพส่วนหม่นเหลือด้วยเชื้อไฟ
๏ เกินจักฝ่าเพียงเส้นที่เห็นกั้น
บอกตัวมั่นจงตระหนักเขาผลักไส
ยิ่งเห็นทางกลับยาวทุกก้าวไป
จึงแจ้งนัยรอยย่ำเพียงลำพัง
๏ ปาดน้ำตาหยดแต้มของแก้มนี้
ฝากนทีลอยลับอย่ากลับหลัง
อย่าเหลือรอยอาลัยเพื่อใครชัง
ว่าประดังปวดปร่านั้นมายา
๏ แต่นี้แล้วให้เหมือนดั่งเลือนลับ
ปล่อยไฟดับหยุดความเพื่อถามหา
เมื่อความจริงสิ่งเดียวจักเยียวยา
เผยแผ่นฟ้า..กลับกระจ่าง..เหมือนอย่างเคย..
14 พฤศจิกายน 2548 20:58 น.
เพรง.พเยีย
๏ ริมฝั่งน้ำคืนเพ็ญลอยเด่นสรวง
สะท้อนยวงเงินอาบลงทาบฉาย
ระบัดคลื่นไหววาบจนภาพพราย
ริ้วระบายแต้มสีวารีลาน
๏ ดาษดวงไฟกระทงสายประกายส่อง
วาดรังรองเรืองสรรค์ร่วมบรรสาน
แต่งโค้งคุ้งคงคานิศากาล
ชัชวาลเบื้องหน้านิศากร
๏ กระทบผิวแผ่นน้ำของค่ำนี้
เหมือนฤดีพ้องจำรัสประภัสสร
ส่งคะนึงหวานร่ำให้กำจร
สู่อัมพรเชื่อมหนถึงคนไกล
๏ ผ่านเรื่อริ้วพรายพริบระยิบส่อง
จับเนตรสองพรายพร่างสว่างไหว
หวังสะท้อนความหนึ่งล่วงถึงใคร
ว่าหัวใจนางเหลียวคล้องเกี่ยวกร
๏ ฝากคำหาด้วยห่างระหว่างเห็น
หทัยเป็นเช่นหลักต้องปักศร
จักคอยรับเคียงอยู่ไม่รู้จร
ร่วมคำอรเมื่อสองได้คล้องกานต์
๏ ปล่อยดวงไฟพร้อมโสมจุดโคมฟ้า
น้อมวาจาจากจิตอธิษฐาน
ขอบรรจบหนึ่งหมายจากสายธาร
จะล่องขานล่วงหมายยังสายใจ...