31 มกราคม 2549 04:59 น.

..... ณ เรือนใจ .....

เพรง.พเยีย


๏   เมื่อปรอยฝนหลั่งพรูเพียงครู่หนึ่ง
ก่อคำนึงโปรยปลิวเช่นริ้วสาย
นัยละอองนับดาษทุกหยาดปราย
คืนความหมายเยือนย้ำลำนำกานต์

๏  แต่ละหยดรดรินสู่ดินผืน
ไม่ต่างชื่นยามต้องทำนองหวาน
เอิบในทรวงคอยซับอยู่นับนาน
จนผลิบานฝังรากลงฝากใจ

๏  เก็บเกี่ยวนัยทุกถ้อยนำร้อยถัก
พร้อมดอกรัก..นวลเรียงมาเคียงให้
เป็นสื่อแทนปลายทางอันห่างไกล
ที่ตราไว้เกินพบบรรจบกัน

๏  อาจไม่มีรุ้งเรียวมาเกี่ยวฟ้า
เผยเวลาสิ้นรอยปรอยวสันต์
หมื่นทำนองเพรียกขานจากวารวัน
คล้ายหลับฝันแฝงพรางอย่างลางเลือน

๏  กรีดลำนำหนาวลมมาห่มใกล้
ลู่พัดใบโรยคว้างเต็มทางเถื่อน
เสียงหัวใจคืนยามจักตามเตือน
ตราบฟองเฟือนดับปรุงชั่วคุ้งกาล

๏  สงบและเงียบงันของวันนี้
หากไมตรีใช่ดับเช่นขับขาน
ปีกแห่งฝัน..จักโบยบิน..พาวิญญาณ
ผูกผสาน..สองเยือน ณ เรือนใจ


				
10 มกราคม 2549 05:04 น.

..... เท้าที่ไม่เท่ากัน .....

เพรง.พเยีย


๏  เหมือนฟ้าหม่นคลุมห้วงทั้งดวงจิต
ประกาศิตสาปชนแต่หนไหน
หรือสีเลือดเราจางจึงต่างใคร
ค่าหายใจหรือกำหนด..ด้วยกฎพงศ์

๏  กับฐานะแบ่งกั้นชนชั้นสอง
"เขา" เหลือบมองความหมายแค่ปลายผง
ปีกเสรี..ชีวิตถูกปลิดลง
ใต้เกราะกรงอำนาจผู้วาดวาง

๏  สืบรอยหมัดรอยเท้าที่เขาย่ำ
ต้องกายช้ำเจ็บทนกี่พ้นสาง
สิบแปดวันร้าวจับทั้งสรรพางค์
โทษกล่าวอ้างขวางขัด "กำจัดมัน!"

๏  โอ้พี่ยา..มาลาเสียจากเมียแล้ว
เหมือนดวงแก้วดับพรากไปจากขวัญ
แสนอาลัยยามเหลียวมองเกลียวควัน
เก็บเถ้าทัณฑ์แทนบาท..แทบขาดใจ
 
๏  โอบเจ้าอ้ายถ่ายคำพ่อย้ำฝาก
จงเป็นรากหลักยืนอย่าตื่นไหว  
จงแผ่เงาบังห่มเช่นร่มใบ
ดับเชื้อไหม้เพลิงกลุ้มด้วยชุ่มเย็น

๏  เสียงสะอื้นนับนานบนลานโศก
กรีดวิโยคปานจะแล่ง..กำแพงเข็ญ
แผ่วแผ่วลมพรมพร่ำผู้ลำเค็ญ
แล้วเลือนเร้นพร้อมกาลที่ผ่านยิน

๏  หยาดน้ำตากี่หยดล้างหมดเล่า
หลั่งคละเคล้าคาวเลือดจนเหือดสิ้น
กี่ชะตาอ่อนโรยต้องโบยบิน
กับแผ่นดินเหยียบถึง..เพียงครึ่งนี้


				
15 ธันวาคม 2548 05:03 น.

..... รักแรก .....

เพรง.พเยีย


๏  คล้ายแปลก ณ แรกเห็น
จิตะเต้นและมองตาม
ไหวไหวหทัยหวาม
ผลิละลามก็คือรอ

๏  วันยามประดุจแย้ม
บทะแต้มรตีทอ
เอิบอุ่นละมุนคลอ
จะพะนอเพราะคำนึง

๏  ใจส่ำระร่ำร้อง
ปะทุก้องคระอื้ออึง
อาวรณ์สะท้อนถึง
พละตรึงเพราะตราเตือน

๏  คล้อยห่างก็ใจหาย
กละคล้ายจะใครเลือน
เกรงบ่ายหทัยเบือน
จิตะเคลื่อนวิตกคอย

๏  ตาหลับประทับเช่น
กละเห็นบ่เหือดรอย
ดาวเกลื่อนผิว์เคลื่อนถอย
บ่จะคล้อยก็คอยใคร

๏  จึงแปลก ณ แรกนี้
มนะปรีดิเปี่ยมนัยน์
เอิบสุนทรีย์ไหว
ตะละไล้ระรื่นหลง

๏  ก่อริ้วไสวแล้ว
ดุจะแก้วประกายลง
ฝากสรรคะจำนง
รติวงกระหวัดเคียง

				
22 พฤศจิกายน 2548 05:37 น.

..... รอยอดีต .....

เพรง.พเยีย


๏  แว่วทำนองเพลงหนึ่งเคยซึ้งเหมือน
กลับต่อเตือนคืนยามของความหลัง
หลงติดจมบ่วงไหวในภวังค์
จากรอยขังขื่นคำที่ย้ำมา

๏  กี่คมมีดกรีดใจจากใครเล่า
เจ็บหรือเท่าเพียงพากย์หนึ่งถากถา
หนึ่งที่ใจคอยภักดิ์สลักตรา
พิพากษาทัณฑ์ถ้อยจนสร้อยตรวน

๏  คืนแผ่นฟ้าลับผันตะวันฉาย
ผ่านความหมายมืดดำแห่งกำสรวล
ร่องรอยเมื่อตาหลับประทับทวน
กับภาพส่วนหม่นเหลือด้วยเชื้อไฟ

๏  เกินจักฝ่าเพียงเส้นที่เห็นกั้น
บอกตัวมั่นจงตระหนักเขาผลักไส
ยิ่งเห็นทางกลับยาวทุกก้าวไป
จึงแจ้งนัยรอยย่ำเพียงลำพัง

๏  ปาดน้ำตาหยดแต้มของแก้มนี้
ฝากนทีลอยลับอย่ากลับหลัง
อย่าเหลือรอยอาลัยเพื่อใครชัง
ว่าประดังปวดปร่านั้นมายา

๏  แต่นี้แล้วให้เหมือนดั่งเลือนลับ
ปล่อยไฟดับหยุดความเพื่อถามหา
เมื่อความจริงสิ่งเดียวจักเยียวยา
เผยแผ่นฟ้า..กลับกระจ่าง..เหมือนอย่างเคย..

				
14 พฤศจิกายน 2548 20:58 น.

..... โคมอธิษฐาน .....

เพรง.พเยีย


๏  ริมฝั่งน้ำคืนเพ็ญลอยเด่นสรวง
สะท้อนยวงเงินอาบลงทาบฉาย   
ระบัดคลื่นไหววาบจนภาพพราย
ริ้วระบายแต้มสีวารีลาน

๏  ดาษดวงไฟกระทงสายประกายส่อง
วาดรังรองเรืองสรรค์ร่วมบรรสาน
แต่งโค้งคุ้งคงคานิศากาล
ชัชวาลเบื้องหน้านิศากร

๏  กระทบผิวแผ่นน้ำของค่ำนี้
เหมือนฤดีพ้องจำรัสประภัสสร
ส่งคะนึงหวานร่ำให้กำจร
สู่อัมพรเชื่อมหนถึงคนไกล

๏  ผ่านเรื่อริ้วพรายพริบระยิบส่อง
จับเนตรสองพรายพร่างสว่างไหว
หวังสะท้อนความหนึ่งล่วงถึงใคร
ว่าหัวใจนางเหลียวคล้องเกี่ยวกร

๏  ฝากคำหาด้วยห่างระหว่างเห็น
หทัยเป็นเช่นหลักต้องปักศร  
จักคอยรับเคียงอยู่ไม่รู้จร
ร่วมคำอรเมื่อสองได้คล้องกานต์ 

๏  ปล่อยดวงไฟพร้อมโสมจุดโคมฟ้า
น้อมวาจาจากจิตอธิษฐาน
ขอบรรจบหนึ่งหมายจากสายธาร
จะล่องขานล่วงหมายยังสายใจ...

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพรง.พเยีย