6 กุมภาพันธ์ 2555 05:29 น.

...วันนี้...จาก วันนั้น...

เพรง.พเยีย


๑.

๏ ณ วันนี้เบื้องหน้าที่ปรากฏ     
ความสวยสดรอบทางอันกว้างใหญ่
โปรยสีสรรเพื่อก้าว...ที่ก้าวไป  
แต้มหัวใจรับฤกษ์ที่เบิกบาน  

๏ ยินเสียงใบลู่ลมระเริงเล่น  
ยามไหวเอน..แอบอ้อนอย่างอ่อนหวาน
คลอเสียงนกบรรเลงเพลงสำราญ 
โลกประสานทุกอย่าง...อยู่ข้างกาย 

๒.

๏ โลกจะสวยสดใสอย่างไรเล่า   
เมื่อเพลิงเผาใจอยู่ไม่รู้หาย
กอดแต่ความชอกช้ำเฝ้าทำลาย    
เหมือนโรคร้ายสาหัสคอยกัดกิน

๏ จะแว่วเสียงนกไพรอย่างไรเล่า  
เมื่อความเศร้ากลบเสียง..ไปเสียสิ้น
ก้องก็แต่..สะอื้นไห้ที่ได้ยิน  
คอยแต่รินน้ำตารด...ไหลบดบัง

๏ แม้ได้ลิ้มรสหวานก็พาลขม  
เมื่อติดจมในฤทธิ์ความผิดหวัง
ทอดอดีตกรีดเถือจนเรื้อรัง  
กอดวามหลังแล้วผ่าน...อย่างทานทน  

๏ จะหาแสงแห่งไหนมาโชนฉาย  
ให้รอบกายมากมีกว่าสีหม่น
เมื่อปิดซ่อนมืดมัวกับตัวตน  
จะก้าวพ้นหมองได้อย่างไรกัน

๓.

๏ เนิ่นนานเพียงไร...ก็ไม่รู้  
ที่จมอยู่ในโลกความโศกศัลย์
หนีไม่พ้น...ไปไม่ถึง...สู้ดึงดัน    
รอถึงวันอ่อนล้า...จนสาใจ

๏ แล้ววันนี้...ใจขอว่าพอเถิด  
สิ่งที่เกิด..ซ้ำซ้ำคือร่ำไห้ 
น้ำตานี้คงเหลือ...เพื่ออะไร      
เห็นก็แต่เผาในจิตใจตัว 

๏ จึงเมื่อเปิดผนึกตรอม...ที่ล้อมกรอบ  
ทุกรายรอบใช่แสงลับดับสลัว 
แท้ก็เพียงคนขลาดคอยหวาดกลัว  
แท้เพียงมัวหลงคิด...ปิดตะวัน  

๏ จึงเมื่อปล่อยลอยพ้น...ความหม่นหมอง 
เมื่อย้อนมองก็เห็นว่า..ช่างน่าขัน
จะมีเพลิงเผาใด...กองไฟทัณฑ์  
แรงมหันต์กว่าใจเล่า..เติมเผาเอง...				
5 กรกฎาคม 2554 05:30 น.

... ช่างได้เชียวหรือ ...

เพรง.พเยีย


๏ กรองกานท์หวังฝากถ้อย..............นำถึง
หมายแต่คนคะนึง..........................อกน้อง
ใช่เพียงพร่ำรำพึง..........................เลยผ่าน  นาพี่
กรองกลั่นต่างคำพร้อง...................จากห้วงใจสมร ฯ

๏ คำนึงเกินกว่าพร้อง.....................พรรณนา
รวมหยาดแห่งวรรษา......................อาจได้
เนิ่นนานบ่โรยรา............................จำหลัก  พี่เนอ
ห้วงจิตกระหวัดให้..........................แต่เฝ้าถวิลเห็น ฯ

๏ ยามริ้วฝนหยาดสร้อย..................โปรยสาย
เสมือนจิตบ่อเคยหาย......................ห่างเฝ้า
บ่เหมือนเช่นรอยทราย....................ลายเกลื่อน
หากหยดทุกค่ำเช้า.........................ชื่นนั้น ฝากฝัง ฯ    

๏ ยามห่างคอยแต่ให้......................ครวญเหลียว
ทุกสรรพกลับซีดเซียว....................ดั่งแสร้ง
รำพึงพร่ำเพียงเดียว.......................ดายอยู่  นาพี่
งามสรรพฤๅจักแจ้ง.......................หากไร้ใจเกษม ฯ

๏ รอยยิ้มเคยมอบนั้น.....................นวลถนอม
คำฝากจงอย่าตรอม.......................ตริเศร้า
น้ำใจร่วมหล่อหลอม......................จำหลัก  พี่พี่
คอยอยู่เป็นคู่เย้า...........................ยั่วยิ้มหยอกสมัย ฯ

๏ น้ำใจพี่เปรียบแม้น......................ปรอยฝน
คำหยาดปานสายชล......................ชุ่มแล้ง  
คุณค่าหนึ่งคำคน...........................ปรากฏ
รินหลั่งไป่เหือดแห้ง.......................แหล่งน้ำใจสนอง ฯ

๏ พี่เอยแม้นหากได้.......................ยินคำ
รู้เถิดเคยเก็บงำ.............................เงียบไว้
กรองกานท์ถ่ายทอดลำ...................นำบอก
หมองหม่นเมื่อยามไร้.....................พี่ข้างเคียงสมรฯ

๏ วอนพี่ขออย่าข้อง.......................เคืองใจ
ด้วยเหตุนำไฉน.............................ห่างหน้า
เขียนคำออดอ้อนนัย......................นำส่ง  พี่เนอ
คนหนึ่งคอยวุ่นว้า..........................ช่างได้เชียวหรือ ฯ

				
27 มีนาคม 2554 09:17 น.

... แด่มวลเบญจมาศ ...

เพรง.พเยีย


1.
๏  โอ...นั่น..กำแหง..แห่งแผ่นคลื่น  
กวาดกลืนทุกอย่างที่ขวางหน้า
โลกพลิกแผ่นผืนพสุธา   
พริบตา..โค่นปรักหักพัง

๏  โอ...เสียงครืนครืน..ของคลื่นยักษ์ 
ทะลักทะเลมา..อย่างบ้าคลั่ง
บรรเลงเพลงโศกให้โลกฟัง    
โถมถั่งเข้าหาอย่างท้าทาย

๏  โค่นหักพังราพณาสูร  
พอกพูนทับถมแล้วจมหาย
ชีวิตถูกซัดกระจัดกระจาย  
ทลายย่อยยับในฉับพลัน

๏  อุบัติเพียงพริบแห่งวิปโยค  
ถึงคราทั่วโลกไห้โศกศัลย์
สุดที่มือสองจะป้องกัน   
แค่ทันชีวิต..เหลือติดมา

๏  พี่น้องถูกซัดจนพลัดพราก      
กองซาก..ผู้คนออกค้นหา
หัวใจคอยเฝ้าภาวนา   
ผืนดินแผ่นฟ้าโปรดปรานี


2.
๏  เพื่อนเอย...ทุกข์ที่เธอเผชิญอยู่  
เรารับรู้แก่ใจ..ข้างในนี่
ยามเธอต้องเผชิญหน้ากับนาที  
เมื่อเกิดมีเหตุพลันมหันตภัย   

๏  ความรู้สึกร่วมขื่นนับหมื่นแสน   
มากกว่าแผ่นดินนั้นที่สั่นไหว
ปรารถนาจากทั่วทุกหัวใจ      
ร้อยร่วมไปส่งมอบคอยปลอบโยน 

๏  ตึกอาคารบ้านช่องเคยมองเห็น    
กลับกลายเป็นกองปรักที่หักโค่น
หิมะซ้ำร่วงกราวจนขาวโพลน    
ทุกแดนโพ้นพวกเราล้วนเข้าใจ 

๏  น้ำตาเธอปรากฏลงหยดหยาด  
จะเอื้อมปาดน้ำตาที่มันไหล
ข้ามทะเลผ่านทางอันกว้างไกล  
สู่เพื่อนใต้ชายคา..ฟ้าเดียวกัน

๏  แม้กำลังคลื่นยักษ์สักเพียงไหน  
หากน้ำใจห่วงหามากกว่านั่น
นับล้านมือร่วมแรงช่วยแบ่งปัน  
หวังความทุกข์เธอนั้นได้บรรเทา

๏  มือล้านมือทุกทิศจะหยิบยื่น  
ส่งความชื่นช่วยซับความโศกเศร้า
จุดแสงไฟยามที่..โลกสีเทา  
กว่ารุ่งเช้าตะวันคืน..ขึ้นอีกครั้ง

๏  กลางหิมะเหน็บหนาวและขาวโพลน 
แทรกลุกโชนงดงามด้วยความหวัง
เบญจมาศ..ทรนงจะคงยัง  
บานสะพรั่งออกเผย..อย่างเคยเป็น

๏  เชื่อ..ฉันเชื่อในอีกไม่นาน  
เธอจะผ่านวิปโยคให้โลกเห็น
ก้าวข้ามชะตาวันอันลำเค็ญ    
เสมอเช่นดวงอุทัย...หัวใจเธอ				
28 กุมภาพันธ์ 2554 05:28 น.

... เช่นสายน้ำ ...

เพรง.พเยีย


1.
๏  เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า...  
พร้อมกับเงารอยยิ้มมาส่งถึง
ค่อยค่อยวางคุณค่าลงตราตรึง  
ทุกคำนึง...พึงละเลียด..ละเมียดละไม

๏  ปานหยาดร่ำชื่นปรายแห่งสายฝน 
หลอมรินหล่น..ร่วมผสานเป็นธารใส
เพื่อช่วงหนึ่ง...รู้ตื่น...รู้ชื่นใจ   
ซึมซับไว้ช่วงวัน..อันงดงาม

๏  หากตระหนักทุกขณะที่เป็นอยู่  
อาจเพียงครู่...เผลอไปกับไหวหวาม
ชื่นนั้นหรือจะแนบชิดคอยติดตาม  
เช่นนิยามตำนานอันนิรันดร์

๏  กลัวหัวใจต้องหวนแต่ครวญคร่ำ 
กลัวต้องซ้ำอาลัยแม้ในฝัน
จมอยู่ในห้วงเหวแห่งเปลวทัณฑ์  
แต่ละวัน...ปานเร่ทะเลทราย

๏  รอเวลาสลายลงเป็นผงฝุ่น   
เผาเป็นจุณความเสียใจ..ให้เลือนหาย
บอกตัวเองลืมเสีย...อย่าเสียดาย  
ในสุดท้าย..ย่อมเลือนดับไปกับกาล

๏  จึงวันนี้แทรกตามในความชื่น  
ใจกลับตื่น..กลัวข่ม..ผสมผสาน
อย่าเลย...อย่าให้เป็นเช่นวันวาร  
เฝ้าทัดทาน..สิ่งใดที่ไม่มี

๏  ในวันนี้หยดปลายแห่งสายน้ำ  
อาจชื่นฉ่ำอาบตน..บนวิถี
แต่สักวัน..สุดปลายสายวารี  
อาจไหลรี่ผ่านไปอย่างที่เป็น

๏  ปล่อยเพียงการซึมซับและรับรู้  
ผ่านเข้าสู่กลางใจที่ไหวเต้น
สัมผัสพร้อมหยาดรื่นอันชื่นเย็น  
และพร้อมปล่อยลอยเร้นด้วยเช่นกัน

๏  เมื่อถึงกาลวาระแห่งกระแส  
ให้เหลือแค่เหตุการณ์ที่ผ่านผัน
เช่นสายน้ำไหลที่ไม่มีวัน  
ย้อนกลับหันคืนเห็นร่วมเส้นทาง


2.
๏  สายลมกระเพื่อมผิวผ่านริ้วน้ำ   
สะท้อนนำความนัยใสกระจ่าง
ภาพหนึ่งใครคอยยิ้มเพียงบางบาง 
เก็บรับวางวาดไว้..ในคำนึง 

๏  หลับตาพร้อมลมหายใจอันเบาแผ่ว   
หรือใช่แล้ว..เวลาที่มาถึง
เสียงใดหนอกำลังเฝ้ารำพึง    
ทิ้งความหนึ่งลอยหาย..กับสายน้ำ..

				
18 ตุลาคม 2553 05:33 น.

... บนยอดภู ...

เพรง.พเยีย


๏ อีกครั้งที่หัวใจออกโลดแล่น  
ไปบนแผ่นผืนดิน...พอก้าวถึง
สายหมอก..สายน้ำ...ในคำนึง  
คงตราตรึงดวงตา..สู่ดวงใจ

๏ ในฤดูหยาดรด..แห่งหยดน้ำ  
ความชื่นฉ่ำต่อเรียวเขียวไสว
แต่ละหยดหยาดพบกระทบใบ  
ก็ชื่นรับวางไว้...หัวใจคน

๏ คือใบข้าวยอดภูขึ้นชูช่อ  
ระบัดรอทอดเอียงเมื่อเคียงฝน
จากเบื้องฟ้าสู่หล้าธราดล   
มารดบน..เบื้องล่าง..เป็นรางวัล

๏ เปรียบพิสุทธิ์แห่งวัยไร้เดียงสา   
กอปรคุณค่าขึ้นระหว่างผู้สร้างสรรค์
ซ่อนความงามรออยู่บนภูชัน    
มอบกำนัลรออยู่...ผู้มาเยือน

๏ และไม่นานทุ่งขจีด้วยสีเขียว  
จะเปลี่ยนเรียวออกรวงไปทั่วเถื่อน
จากใบเขียวอ่อนน้อยจะค่อยเลือน   
จนดูเหมือนทุ่งขจีด้วยสีทอง

๏ นั่นคือก้าวฤดูกาล...การเก็บเกี่ยว 
ด้ามคมเคียวจะถือด้วยมือสอง
รวงเมล็ด..ร้อยรวมมาร่วมกอง  
แด่เจ้าของหยิบยื่นอย่างชื่นใจ

๏ อีกครั้งวางหัวใจไว้ระหว่าง  
บนหนทาง...ปรากฏความสดใส
เก็บร่องรอยรื่นรินจากถิ่นไกล  
ร่างอักษรนำไว้...ให้เพียงเธอ..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพรง.พเยีย