27 เมษายน 2551 18:18 น.
เพรง.พเยีย
๏ ไม่มีหรอก..ค่านิยามแห่งความรัก
แค่ตระหนัก..รับรู้..ตามรู้สึก
คอยละเลียดร่องรอยอันล้ำลึก
ที่ผนึกผ่านเจือ..สู่เนื้อใจ
๏ มิได้วาดฝันไป..จนไกลกว่า
จนเพ้อค่า..เกินจริงแสนยิ่งใหญ่
มิรู้หรอก..ว่ารักสักเท่าใด
แค่ตอบได้...เท่าที่มี...เท่าที่เป็น
๏ ฉันรักเธอก็ด้วย..หัวใจรัก
และตระหนักเท่าที่ใน..หัวใจเห็น
จะรักตอบหรือไม่..ไม่จำเป็น
ถึงอย่างไรก็คงเต้นอยู่เช่นนั้น
๏ ฉันรักเธอด้วยวิญญาณอันฉานฉาย
ด้วยความหมายซื่อตรงและคงมั่น
และอาจด้วยเหตุอื่นอีกหมื่นพัน
ที่ร้อยกลั่นกอรปกรึง..เป็นหนึ่งเดียว
๏ ฉันรักเธอ..ด้วยวิธีของชีวิต
ด้วยจริตร้อยเรียงจากเพียงเสี้ยว
ค่อยกอปรร่างผ่านผสมจนกลมเกลียว
เพื่อเก็บเกี่ยวขึ้นประดับอยู่กับใจ
๏ เพียงเพื่อจะมอบแด่เธอ..ด้วยความรัก
เธออาจมองอย่างตระหนัก..หรือ ผลักไส
สิทธิ์ของเธอ..ว่าจะรับ..หรือเลยไป
เจ้าเพรงสร้อยมาลัย..ก็ให้แล้ว
8 เมษายน 2551 04:57 น.
เพรง.พเยีย
๏ ป่านนี้..เขานอนหรือยังนะ
ในขณะที่เราเฝ้าคิดถึง
มานั่งเขียนขีดคำกับรำพึง
เป็นความหนึ่งจากขั้วของหัวใจ
๏ เขาทำอะไรอยู่
แค่อยากรู้เธอมีสุขดีไหม
เจ็บป่วยมีบ้างหรืออย่างไร
จะมีใครคอยอยู่ช่วยดูแล
๏ อยากจะถามออกไป..ใจจะขาด
แต่ก็ขลาดด้วยเขาไม่แยแส
ก็ใช่หญิง..เทียวขอตามตอแย
จึงได้แต่..เก็บไว้ในใจนี้
๏ "เหงาบ้างไหมคนดี..อยู่ที่นั่น"
หรือเหมือนกัน..กับคนอยู่ที่นี่
คอยละเลียดอักษรกลอนกวี
กลางราตรีเงียบเหงากับเฝ้าคอย
๏ หรือกำลังรอใคร..ที่ใจฝัน
มาเคียงขวัญลบเงาความเหงาหงอย
คนที่เขา..รอร่างไม่ห่างรอย
แอบละห้อยคอยท่าอย่างอาวรณ์
๏ "เหนื่อยไหม..ในวันนี้
คนดี..ยามเธอหลับลงกับหมอน"
คำรำพึงปรากฏในบทกลอน
ผ่านอาทร..ว่ายวนถึงคนไกล
..........................................
๏ ป่านนี้..เขาคงหลับแล้วสินะ
หนึ่งขณะที่เราเฝ้าหวั่นไหว
และหากแม้ฝันดี..เธอมีใคร
ก็ขอให้..เธอนั้น..จงฝันดี"
30 มีนาคม 2551 20:50 น.
เพรง.พเยีย
๏ ปลิดปลิวร่วงพรูลงสู่พื้น
ดาษดื่นซากใบตรงเบื้องหน้า
ใบแล้วใบเล่า..หล่นคว้างมา
ราวเตือนว่า..ถึงแล้ว..ฤดูแล้ง
......................................
๏ ร้อนแล้งที่ประดังในครั้งนั้น
ใต้ตะวันฉายวาดลงสาดแสง
รอบวัฎหมุนเวียนคงเปลี่ยนแปลง
เติมแต่งเต็มกฎฤดูกาล
๏ แต่หากร้อนแล้งในวันนั้น
เหมือนฝัน..เหมือนมี..ปาฏิหาริย์
เมื่อเธอ..ผู้เสมือนดั่งดวงมาน
ก้าวผ่านเข้ามาปรากฏกาย
๏ แล้วโลกทั้งโลกก็เปลี่ยนไป
หัวใจไหวลามด้วยความหมาย
เสมือนหยาดหยดโรยขึ้นโปรยปราย
สลายรอยแล้งในแหล่งทรวง
๏ ค่อยค่อยซึมซับประทับไว้
สู่ใจด้วยแสนความแหนหวง
ละเลียดลึกล้ำใจทั้งดวง
หนึ่งช่วงลึกซึ้งอันตรึงตรา
๏ ก่อนหยดหยาดงามในยามแล้ง
จะเหือดแห้งด้วยแดดอันแผดกล้า
เพื่อคอยเลือนหายต่อสายตา
ลับลา..จนเหมือน..ไม่เคยมี
๏ ทิ้งไว้เพียงรอย..ที่ไร้ร่าง
อ้างว้าง..ว่างเปล่า..จนล้นปรี่
ผ่านวัน..ผ่านเดือน..ผ่านปี
วิถีทอดทางจนห่างไกล
......................................
๏ วันนี้..สายลมฤดูร้อน
พัดย้อนรอยวันจนหวั่นไหว
ปาฏิหาริย์..ลับล่วงผ่านดวงไฟ
เผาไหม้..กับคำนึง..ครั้งหนึ่งมี
2 มีนาคม 2551 07:37 น.
เพรง.พเยีย
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๏ แสงโสมประโลมนยะจะกล่อม
จะถนอมหทัยนวล
กล้ำกรึงคะนึงทุขะกระบวน
มนะหวนบ่เลือนหาย
๏ มองจันทร์ก็ผันจิตะกระหวัด
ปฏิพัทธะพี่ชาย
แม้ห่างระหว่างระยะจะหมาย
จิตะคล้ายบ่คลายคลอน
๏ จันทร์เอยผิว์เผยบทะสล้าง
รุจิพร่างฑิฆัมพร
ภาพเอยก็เผยบทะสะท้อน
ตะละตอนก็ขับไข
๏ เยียบเย็นบ่เว้นขณะคะนึง
พละตรึงกะหนึ่งใคร
โอ้ลาญจะผลาญจุละไฉน
อุระไหม้ก็ยังคอย
๏ ดวงใจไฉนบ่ละถวิล
บ่ชะจินตะจางรอย
แม้กาละผ่านกมละพลอย
จะละห้อยระโหยหา
๏ หรือกรรมะนำทุรประสบ
เฉพาะพบก็เพื่อพา
รับทัณฑ์มหันตะกะสภา-
วะจะฝ่าก็สุดฝืน
.......................................
๏ พร่างพรายระบายศศินะแสง
ชุติแต่ง ณ ค่ำคืน
ขอจันทระบั่นนิละทะมื่น
ทะนุยื่นประโลมนวล
13 กุมภาพันธ์ 2551 05:04 น.
เพรง.พเยีย
๏ บรรจงร่างรอยรักผ่านอักษร
จากอกอร..ไหววามด้วยความหมาย
เป็นความนัยมอบถึง..เพียงหนึ่งชาย
ไม่คลอนคลายหักเหสักเวลา
๏ เดือนต่อเดือน..ปีต่อปี..ที่เลยเผ่าน
กี่เนิ่นนาน..ไม่เคยสิ้นถวิลหา
ถึงวันนี้..ยังคงเช่นเคยเป็นมา
ปรารถนาเคียงอยู่เพียงผู้เดียว
๏ เฝ้าถนอมเก็บไว้ดวงใจภักดิ์
ด้วยจำหลักลงแล้วอย่างแน่นเหนียว
ทุกอณู..ร้อยผสมจนกลมเกลียว
ทุกส่วนเสี้ยว..มอบสู่ขวัญอย่างบรรจง
๏ ต่อคำหวานอื่นใดมิไหวหวั่น
จะคลอนขวัญ..ปลื้มลอยให้พลอยหลง
เพียงหนึ่งเดียว..ที่ผูกพันอย่างมั่นคง
และซื่อตรงเช่นคำอยู่ร่ำไป
๏ น้อยลงหรือ..สักครึ่งของกึ่งก้อย
รักจะพลอยร้างรา..ก็หาไม่
สองดวงตา..มิเคยแลแก่ผู้ใด
หนึ่งดวงใจ..มีเพียงเงาพี่เท่านั้น
๏ แม้ตระหนักว่ามิใช่..ดวงใจพี่
ก็ยินดีได้เคียงแค่เพียงฝัน
คอยคะนึงแอบนำมากำนัล
อยู่ข้างขวัญเช่นเงาที่เฝ้าคอย
๏ จะเป็นมิตรเป็นน้องที่ข้องเกี่ยว
ยามพี่เปลี่ยวหม่นเศร้าและเหงาหงอย
และอาจเป็น..เพียงร่างที่ไร้รอย
ที่จะพลอย..พรายยิ้มเมื่อยินดี
๏ อาจบางครั้ง..หวั่นไหวอาลัยหา
เมื่ออัตตาเติบตนจนล้นปรี่
อาจน้อยใจอยู่บ้าง..ในบางที
ตามวิถีแห่งคนในวงเวียน
๏ หากสุดท้าย..หัวใจที่ไหวเต้น
มันชัดเจนออกเผย..ไม่เคยเปลี่ยน
คือ ณ รัก ลึกล้ำอย่างจำเนียร
ที่เฝ้าเพียรผ่านเจือ..สู่เนื้อใจ
............................................
๏ อาจเป็นครั้งสุดท้าย..จดหมายรัก
ที่จำหลักพร้อมเพื่อ..ถูกเผาไหม้
แต่รู้เถิด..คำน้องทุกความนัย
คงตราไว้เช่นนั้น..ตราบวันวาย..