6 ตุลาคม 2553 05:37 น.
เพรง.พเยีย
1.
๏ แล้วกำแพงก็พังทลายลง...
มิอาจคงแล้วซึ่งความเข็มแข็ง
คลื่นพายุอารมณ์กระหน่ำแรง
โหมทิ่มแทงไปทั่วทุกอณู
๏ เสียงหัวใจรัวรอบ..จนหอบสั่น
ปล่อยอัดอั้นบีดเค้นที่เป็นอยู่
กรีดร้องสะอื้นรั้ง..แล้วพรั่งพรู
กรากกรูไปด้วยสิ่งอันชิงชัง
๏ ปานทะลักทลายแห่งสายน้ำ
ซัดกระหน่ำโถมหาอย่างบ้าคลั่ง
ขมขื่นปวดร้าว..เข้าประดัง
เกินจะยั้งแล้วฤทธิ์ความปวดร้าว
๏ ไม่เหลือรอยแววตา..อันอ่อนโยน
หากคุโชนด้วยแรงอันแข็งกร้าว
ยามนี้..ใดจักแรงเท่าแสงพราว
ที่ลุกวาวโชนช่วงสองดวงไฟ
๏ ปานจะเผาทุกอย่าง..ที่ขวางหน้า
มันหนักหนาแล้วจน..จะทนไหว
มิรู้หรือ...คนคนนี้..ก็มีใจ
เหมือนใครใคร..ที่เห็นที่เป็นกัน
๏ แค่ดอกไม้ต้อยต่ำ..เขาย่ำยี
ไม่เคยมีงดงาม..แม้ความฝัน
ผ่านปี..ผ่านเดือน..ผ่านวัน
ไม่เคยมี..ปัจจุบัน..นิรันดร
๏ ขมขื่นอยู่กับการไร้ความหมาย
แฝงเงาร้ายพิษพอก..คอยหลอกหลอน
เนิ่นนาน..ร้าวลึกผลึกตะกอน
คอยกัดกร่อนเกินรั้ง..พังทลาย
2.
๏ เนิ่นนานกลางคลื่นถา..แห่งพายุ
โถมประทุท่วมท้นสู่คนพ่าย
ฝ่ากระแสทุกข์ทน..ทุรนทุราย
ปล่อยฟูมฟายจนกว่าจะสาใจ
๏ ที่สุดพายุกาล..ก็ผ่านพ้น
เหลือระคนบอบช้ำ..การร่ำไห้
หนึ่งร่างกอดกาย..ที่หายใจ
หลับใหลไปด้วยฤทธิ์ความอ่อนแรง
๏ หยาดน้ำยังคงปริ่ม..เปื้อนใบหน้า
ตราบเวลารุ่งฉาย..ขึ้นพรายแสง
ผ่านราตรีพายุลิ่ม..คอยทิ่มแทง
จะแกร่งขึ้น..หรือขลาด...ไม่อาจรู้..
19 กรกฎาคม 2553 05:34 น.
เพรง.พเยีย
๏ โปรยดอกฝนหล่นล่องละอองสาย
บรรจบปลายซับรินสู่ดินผืน
ให้รากหนึ่งปลูกฝังจนยั่งยืน
ร่วมฝากฟื้นคืนช้ำกลับอำไพ
๏ ผ่านรอยยิ้มจำหลักรอยอักษร
ลบบทตอนโศกศัลย์..สู่วันใหม่
นานเจ้าเอย..เคยคอยอย่างน้อยใจ
แอบร่ำไห้พร้อมฟ้าอยู่ครานั้น
๏ เหลือเพียงหยาดซับขวัญในวันนี้
หลอมยินดีทั้งผองมารองฝัน
ให้รอยยิ้มหนึ่งวาง..เป็นรางวัล
ลบรอยทัณฑ์หม่นว้าง ..จนร้างรอย
๏ บริสุทธิ์กลั่นของละอองหยาด
บรรจงวาดมอบวางไว้ต่างถ้อย
อุ่นสายใยท่ามฝนที่หล่นปรอย
มาหลอมร้อย..ร่วมกลายเป็นสายธาร
๏ รับรู้เถิด...น้ำใจแห่งใครนั้น
จะผูกพันธ์ร่วมคียง..ใช่เพียงผ่าน
กี่บรรยายจำหลักหรือจักปาน
เท่าดวงมานนี้ซึ้ง..อยู่เต็มทรวง
๏ เก็บรอยยิ้มฝากชื่น..หนึ่งยื่นให้
ถนอมไว้ด้วยแสน..ความแหนหวง
จากวันนี้ตราไว้..ใจหนึ่งดวง
ลงสู่ห้วงใจนี้..ชั่วชีวัน..
20 มิถุนายน 2553 18:04 น.
เพรง.พเยีย
1.
๏ ละอองสายฝนชื่นจากคืนค่ำ
คงโปรยร่ำหยาดปรุงจนรุ่งสาง
หอมเอยหอม..กลิ่นไอยังไม่จาง
หอมบางบาง..ชื่นใจของไอดิน
๏ ร่วงจากฟ้าสู่พื้น..เพื่อชื่นฉ่ำ
โปรยหยาดน้ำทอดตัวไปทั่วถิ่น
เสียงเปาะแปะ..ไกล..ใกล้..เมื่อได้ยิน
ราวเพลงพิณร่ายดล..จากคนธรรพ์
2.
๏ ตรงเบื้องหน้า..ริมชาน..ลานลั่นทม
ลานอารมณ์ซ่อนโลก..ยามโศกศัลย์
ร้อนแล้ง..เย็นเยียบ..และเงียบงัน
สะท้อนวันเก่าเก่ากับเฝ้าคอย
๏ เนิ่นนาน..บนทางอันว่างเปล่า
กี่ครั้งเจ้า..บานรอจนร่วงผล็อย
ดอกสีขาวราวช้ำ..ซ้ำซ้ำรอย
เมื่อระทม..ด้วยพลอยแต่น้อยใจ
๏ หากยามนี้กลีบดอกเจ้าออกแย้ม
เมื่อแตะแต้มด้วยร่ำหยาดน้ำใส
เปาะแปะเมื่อพบ..กระทบใบ
เหมือนเจ้าไหว..ตามจังหวะเริงระบำ
3.
๏ สิ้นสุดแล้วสินะ..ความร้อนแล้ง
ที่ทิ่มแทงทุกคราวแห่งก้าวย่ำ
วนเวียนในกรอบกรงแห่งทรงจำ
ที่ตอกย้ำ..กำซาบกับภาพเงา
๏ พร้อมสายฝนชะล้าง..บางความหลัง
ฉันกำลังยิ้มรับให้กับเจ้า
เมื่อนึกถึงยิ้มบางบาง...ที่แบ่งเบา
ยิ้มของเขา..ฝากประทับ..ลงกับใจ
๏ มิต่างเลย..ชื่นปรายแห่งสายฝน
ดับทุกข์ทน..ด้วยหยาดสะอาดใส
จึงรู้ว่าชื่นเย็นเป็นเช่นไร
เมื่อเชื้อไฟมอดพ้น..ทุรนทุราย
๏ มิต้องมีหวานใดมาปรุงแต่ง
หรือเสกแสร้ง..งดงามด้วยความหมาย
มิต้องมีใดสรร..มาบรรยาย
ก็พร่างพรายงดงามด้วยความจริง
๏ ผ่านรอยยิ้ม..แทนคำ..แทนคุณค่า
ก็คล้ายว่า..โลกตรมเคยจมดิ่ง
กลับเต็มตื้นอุ่นแอบ..เมื่อแนบอิง
พร้อมพักพิงบนทาง..เพื่อวางใจ
๏ ละลายสิ้นในอุบัติเคยกัดกร่อน
ลบภาพตอน..เก่าเก่าเคยเผาไหม้
พร้อมสายฝนหล่นปรอย..แต่นี้ไป
จะหลั่งไหลแต่ยิ้ม..แห่งยินดี
๏ ขอบคุณในเจ้าของ..รอยยิ้มนั่น
มาแบ่งปันจนเกิด..รอยยิ้มนี่
ตามหัวใจใสสะอาดขึ้นวาดวี
พร้อมแต่นี้คร่ำครวญ..ไม่หวนคืน..
21 มีนาคม 2553 10:12 น.
เพรง.พเยีย
๑
๏ ละเลียดคำกรองกานท์เพื่อผ่านให้
สู่หนึ่งใครเคยมอบ..คำปลอบขวัญ
ไมตรีถ้อยร้อยแต่งมาแบ่งปัน
น้ำใจนั้นกว่าซึ้ง..อีกหนึ่งใจ
๏ เสมือนชื่นโปรยปรายแห่งสายฝน
มาหลั่งบน..รอยเถ้าจากเผาไหม้
ด้วยสัจจะ..งดงาม..แห่งความนัย
มาเผยให้..รู้ตื่น...รู้ชื่นเย็น
๏ ขอบคุณทุกรอยยิ้มที่แย้มให้
คุณค่านัยมากมีกว่าที่เห็น
สัมผัสด้วยหัวใจ..ที่ใครเป็น
ก็รู้เช่นงามใจที่ใครมี
๏ ขอบคุณที่คงอยู่..ให้รู้ว่า
ใช่แปลกหน้าเพียงแค่มอง..แล้วเมินหนี
อันคุณค่าน้ำใจแห่งไมตรี
ทั้งหมดนี้ถนอมรับ..ลงกับใจ
๏ จึงมียิ้มจากนาง..มาวางตอบ
บรรจงมอบ..เขียนคำมานำให้
ว่าความหมายฝากนี้..ที่หนึ่งใคร
จะตราไว้..แนบลงความทรงจำ
๏ เห็นกันไหม "รอยยิ้มในสายฝน"
ของใจคน..รู้ตื่นมาดื่มด่ำ
สัมผัสแห่งละอองไอที่ใครนำ
ความชื่นฉ่ำ..ริ้วปรอยมาโปรยปราย
๒
๏ นานเพียงไหน..มิรู้หรอกเจ้าดอกไม้
ที่หัวใจเจ้าแตก..แหลกสลาย
รอคอยปานร่อนเร่..ทะเลทราย
หวังความหมายสิ่งใดที่ไม่มี
๏ ยิ้มวันนี้ปรากฏด้วยสดใส
กับหัวใจชื่นแสนขึ้นแทนที่
พอแล้ว..เถ้ากักแห่งอัคคี
จากวันนี้..มิถลำ..ซ้ำรอยเดิม
13 กุมภาพันธ์ 2553 09:02 น.
เพรง.พเยีย
... ถึงเธอ...ณ รัก ...
๑
๏ ถึงเธอ..ผู้เป็นที่รักของฉัน...
ท่ามกลางความเงียบงันที่ผันผ่าน
ราวจะหลอมเรื่องหายกับสายกาล
เป็นตำนานที่เหมือน...ไม่เคยมี
๏ เธอผู้เป็นที่รัก....
คำเอ่ยมักรำพึงไปถึง "พี่"
ยามคำนึงลอยล่องอย่างเสรี
หนึ่งคำนี้มอบหมายถึงชายเดียว
๏ วันต่อวันผ่านไปยิ่งไกลห่าง
กลายเป็นทางทอดรอยไว้คอยเหลียว
สุดสายตา..ค่อยค่อยตีบจนลีบเรียว
ทุกส่วนเสี้ยว..เก็บประทับลงกับใจ
๒
๏ สำหรับเธอ...อาจมองเห็นฉันเป็นอยู่
เป็นเพียงผู้แปลกหน้าเมื่อปราศรัย
หรือแค่หนึ่งในหลากที่จากไป
อันร้างไร้ปรากฏ..ขึ้นจดจำ
๏ ไร้ตัวตนเสมือนว่าเป็นอากาศ
หรือเพียงธาตุเนื้อพลอย..อันต้อยต่ำ
ไร้ความหมายอิงแอบไว้แนบนำ
ด้วยการย้ำให้เห็นความเย็นชา
๓
๏ แต่รู้ไหม ณ รัก สำหรับฉัน
ความผูกพันยังคงซึ่งคุณค่า
นับแต่เริ่มพบกัน..จนวันลา
คงตรึงตราใจอยู่..มิรู้คลาย
๏ เหมือนส่วนหนึ่งที่มี..ของชีวิต
คือความคิด..คือยาม..คือความหมาย
คือวิถีทางกอปร..อยู่รอบกาย
เสมือนหนึ่งแห่งสาย..ลมหายใจ
๏ บ่อยครั้งถวิลหาจนตาตื่น
ในท่ามคืน..คำนึงนาง..มีบ้างไหม?
กับคำถามแต่คอย..ล่องลอยไป
ยามอ่อนไหว..ใจร่ำกับคำนึง
๏ แม้ออกเที่ยวเดินทางในทุกที่
ก็คงมีเธอแนบชิด..ให้คิดถึง
ในบางครั้งเขียนคำผ่านรำพึง
หวังประหนึ่งเธอร่วมเห็น..บนเส้นทาง
๏ ยามหัวใจดื่มด่ำกับธรรมชาติ
เช่นดวงหยาดน้ำปรุงในรุ่งสาง
เงียบงันกับเม็ดน้อย..คอยทอดวาง
อยู่ท่ามกลางใจคน..ที่เฝ้าคอย
๏ ภาพสายน้ำขุนเขาและเงาไม้
อาจหลั่งไหลคำรื่นสักหมื่นถ้อย
แต่หนึ่งคำกี่ครั้ง..คงฝังรอย
ความหมายสักกึ่งก้อย..หรือน้อยลง
๏ เห็นรอยยิ้ม..ดวงตาประสาซื่อ
ยามเอื้อมมือบริสุทธิ์มายื่นส่ง
อยากให้เป็นมือนั้น..อันมั่นคง
ที่บรรจงจูงพลาง..ร่วมทางเดิน
๏ คงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีสิทธิ์
ความใกล้ชิด..ในระหว่าง..ความห่างเหิน
ตามสัญญา..ไม่ล่วงล้ำ..ไม่ก้ำเกิน
จึงดำเนินเช่นวิถี..ที่มีมา
๔
๏ สำหรับเธออาจว่า..ช่างน่าขัน
อาจยิ้มหยันมองไปอย่างไร้ค่า
ก็เพียงความอ่อนไหวในสายตา
ที่กลับพายึดถืออย่างดื้อดึง
๏ โปรดเถิด..อย่าหยิบยื่น..ด้วยยิ้มหยัน
สำหรับฉันก็เพียงคน..แค่คนหนึ่ง
ที่ไม่อาจลืมเวลาอันตราตรึง
เฝ้าโศกซึ้ง..เพราะรู้ดี..ยังมีใจ
๏ มิรู้หรอกจากวันนี้..ถึงวันหน้า
เหลือเวลาให้รักสักเท่าไหร่
อาจแสนนานคงรอ..อยู่เรื่อยไป
หรือมีใครปรากฏขึ้นทดแทน
๏ แต่วันนี้..ทุกอณูยังรู้สึก
คือผลึกในทรวงอันหวงแหน
ไม่มีแม้ลดทอนหรือคลอนแคลน
มันแนบแน่นฝังฝาก..เช่นรากรัก..