30 สิงหาคม 2552 11:02 น.
"เพชรสังคีต"
พระลอเสี่ยงน้ำ
สำนวน เพชรสังคีต
***
ลาวพุงขาว ๏ เมื่อนั้น
พระลอเลิศหล้ามหาศาล
เสด็จถึงกาหลงลำธาร
ภูบาลชื่นชมสมพระทัย
จึงตรัสสั่งพี่เลี้ยงทั้งสอง
น้องจะลงท่าชลาไหล
สรงวารีเล่นให้เย็นใจ
ภูวนัยก็เปลี่ยนเครื่องทรง ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
ลาวเล็กตัดสร้อย ๏ ทรงเครื่องถอดพริ้งเพราเงางาม
ดังมุนีชีพราหมณ์ตามประสงค์
ทัดเอื้องป่าตามยากลำบากองค์
ดำเนินลงริมท่าสาคร ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
ลาวเฉียง ๏ เยาวราชเอย องอาจอรองค์ ท้าวจะลงสรง ลงสรงคงคา
ดอกเอ๋ย เจ้าดอกสีดา สระสรงคงคา คลายอุราร้อนเอย ฯ
๏ มิ่งมกุฏเอย ประเสริฐสุดไตรจักร แย้มยิ้มพริ้มพักตร์ ยักย้ายกรายกร
ดอกเอ๋ย เจ้าดอกมะลิซ้อน พระลออรชร ปิ่นนครสรวงเอย ฯ
๏ แก้วขวัญเอย เชิญสุพรรณภูษา พระแสงศาสตรา นายข้าหลวงน้อย
ดอกเอ๋ย เจ้าดอกคำฝอย มิระย่อท้อถอย นายใหญ่น้อย คอยระวัง ฯ
๏ หล่อเหลาเอย หล่อเหลาเพราพิศ เยื้องกรายไว้จริต ลอบพิตรลีลา
ดอกเอ๋ย เจ้าดอกมณฑา ครรไลไคลคลา สู่ท่าสนานเอย ฯ
๏ พ่อเจ้าแมนสรวงเอย ธ จ่อมวรกาย หลบสุริย์ฉาย ภายใต้ชั้นเฌอ
ลอเอย พระลอท้าวเธอ ทแกล้วบำเรอ ปรนเปรอเสมือนใจ ฯ
๏ อ่อนไท้เอย วิไลวรองค์ ณ หัวราชวงศ์ พรหมพงศ์ฤๅเทียบ
ดอกเอ๋ย เจ้าดอกกระเจี๊ยบ น้ำกระเซ็นเย็นเฉียบ งึมเงียบทรวงเอย ฯ
๏ ผ่องแผ้วเอย ฉัตรแก้วเมืองแมน คะนึงนุชสุดแสน สุดแสนรัญจวน
ดอกเอ๋ย เจ้าดอกลำดวน โศกศัลย์ปั่นป่วน อักอ่วนอุราแรง ฯ
ทำเพลงลงสรงลาว
โอ้ลาวครวญ ๏ โอ้คะนึงเวียงแสนเมืองแมนสรวง
เคยสุขทรวงแท่นสุวรรณบรรจถรณ์
ในร่มเงาฉัตรธงอลงกรณ์
อ้าอาวรณ์จะหายไปลับตา
แสนสนมกำนัลเป็นพันหมื่น
ไม่สดชื่นด้วยนิราศเสน่หา
ทั้งรี้พลองอาจมาตยา
ก็จากลาห่างหายมาไกลองค์
คงแต่สองพี่เลี้ยงที่เคียงคู่
แลข้าหลวงเดิมอยู่สนองประสงค์
ระวังกายมิให้ระคายพง
จนถึงแม่กาหลงเข้านี่แล้ว ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
ลาวครวญ ๏ โอ้คิดถึงพระชนนีศรีแมนสรวง
ธ เหนี่ยวหน่วงมิให้พลัดจากฉัตรแก้ว
ต่อแต่นี้จะไปไร้วี่แวว
อ้ามิ่งมกุฏแพร้วพันธุ์พงศ์
สตรีใดในภิภพจบไตรจักร
ไม่สุดรักหนักฤทัยไหลหลง
เท่าพระแม่ขวัญมิ่งมาตุรงค์
ที่บำรุงผดุงทรงแต่ก่อนมา
ร้อยชู้ฤๅเท่าเนื้อเมียพี่
เมียร้อยฤๅเท่าชนนีเสน่หา
จะกินนอนสอนหัดเป็นอัตรา
แล้วใยมาทิ้งให้อยู่ไกลกัน
คิดคิดจะกลับคืนนคเรศ
ฉลองเดชพระมารดานราสรรค์
ก็เกรงเหล่าไพร่ทหารชาญฉกรรจ์
จะนินทาว่ากันให้อับอาย
นายแก้วนายขวัญซั้นเสนอ
ใครจะเพ้อครหาว่าเสียหาย
หรือไปหน่อยจึงค่อยเอื้อนอุบาย
หมดฉินยินร้ายนานา
มากูจะเสี่ยงน้ำกาหลง
แม้ดำรงรอดฤทธิ์ผีป่า
น้ำใสจงไหลหลั่งควะควั่งมา
กูมรณาน้ำจงพลั่งเป็นวังวน ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ สาธุการ
เกริ่น ๏ พอสิ้นพระวาทีวารีกระเพื่อม
เป็นเงาเงื้อมวนวางกลางเวหน
อับสิ้นสูรย์จันทร์ชั้นเบื้องบน
นทีวนแดงเดือดเป็นเลือดนก
ประจักษ์แก่พระเนตรพระลอเจ้า
สองกรเข้าทุ่มถอนข้อนอก
สามทหารตัวสั่นงันงก
ป้องปกพระเยาวราชา
เลือดแดงเวียนวนในชลเชี่ยว
ให้แสนเสียวองค์พระลอนาถา
ทั้งสี่เห็นเช่นไท้นัยนา
ก็โศกาแวดล้อมอยู่พร้อมกัน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ลาวกระแซ ๏ ฝืนฤดีลีลาขึ้นท่าน้ำ
เงียบงำความในไม่โศกศัลย์
กลับคืนพลับพลาในอารัญ
แสร้งสรวลสันต์แย้มยิ้มกริ่มพระทัย ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ