20 กรกฎาคม 2550 16:51 น.
"เพชรสังคีต"
"ขิมเสน่ห์"
...ยินเสียงขิมแว่วมาใครหนาเล่น
ไม่คุ้นเช่นที่เคยชมสมสนาน
พิเคราะห์ดูเพิ่งรู้ว่านงคราญ
คงเริ่มผ่านเรียนมาน่าชื่นชม
เจ้าเข้ามาอยู่ใหม่ในคณะ
เจ้าสวยสะเหนียมอายสยายผม
เจ้าสบตาครานั้นพลันชื่นชม
เจ้าคายคมข่มซ่อนอ่อนระรวย
ยามเจ้ายิ้มพริ้มพรายชะม้ายชะม้อย
ยามเจ้าคล้อยลอยเหม่อเออช่างสวย
ยามเจ้านั่งอ่อนอดระทดระทวย
ยามเจ้าช่วยอาจารย์สคราญนัก
"จันทร์โลม" เพลงนั้นที่เราเล่น
เหมือนดังเป็นรอยเพิ่มเริ่มสลัก
เจ้าตีขิม พี่ตีทุ้ม ฉ่ำชุ่มนัก
พี่เพ่งพักตร์สบตาพากันอาย
เจ้าคงไม่คิดไปเท่าไรดอก
แต่พี่ชอกเพราะรักแล้วแก้วปองหมาย
อยากให้เจ้าหยั่งรู้ดูใจชาย
ที่ตรอมกายเพราะเจ้าเฝ้าคนึง
พี่ชะเง้อรอเจอทุกค่ำเช้า
โอ้น้องเจ้ารู้ไหมนี่พี่คิดถึง
แม้เจ้าไม่ใฝ่ฝันพันรำพึง
ต่างพี่ซึ่ง พึงรำพัน ฝันทุกครา
เสียงขิมเจ้ายังแว่วในแก้วหู
กายดั่งรู้ประดิพัทธิ์กำหนัดบ้า
อยากยินเสียงขิมเสน่ห์ทุกเวลา
ร้อนอุราถึงครานี้พี่นี่เอย ฯ
************************************
20 กรกฎาคม 2550 15:35 น.
"เพชรสังคีต"
พี่วอน
...โอ้ว่ายามเมื่อรักสลักจิต
ดั่งศรพิษปักกลางพลางสับสน
ดวงฤทัยเวียนว่ายคล้ายวกวน
ในกงกลแห่งรักที่ปักใจ
กามฤทธิ์ประสิทธิ์มาหรือว่ารัก
แปลกใจนักจักแท้หรือแค่ไหน
พิษสวาทบาดตาหรือว่าไร
โอ้ดวงใจอยากแลหรือแค่นี้
มันคลั่งคล้ายควายถึกที่คึกคลั่ง
โถมกำลังพักคอกออกขยี้
ด้วยพละอัดอั้นตันฤดี
โอ้ชีวีสับสนจนหนทาง
ป่านฉะนี้นี่หนาข้านี่เอ๋ย
กระไรเลยครวญคราพาหมองหมาง
คำว่า "รัก" เป็นฉันใดใยอำพราง
ฉันระคางอยากรู้ดูสักที
แค่อยากให้เจ้าสอนวอนให้เห็น
ว่ามันเป็นเช่นไรในใจพี่
ไม่รู้จักรักเร้าเศร้าฤดี
ยุพตีพี่อยากรู้อยู่ในใจ ฯ
**************************************
20 กรกฎาคม 2550 15:07 น.
"เพชรสังคีต"
อยากอยู่ด้วยน้อง
๐ โฉมนางหยาดจากฟ้า แดนใด แม่เอย
โฉมผ่องผุดผาดพราย ยิ่งแล้ว
โฉมนวลกว่านวลใน จันทร์แจ่ม
โฉมแม่ดุจเพชรแก้ว ส่องฟ้าส่องสวรรค์
*
๐ ตกภวังค์พร่ำเพ้อ ครวญตาม แม่นา
พลอยพรั่นแลหวั่นหวาม อกเต้น
รำพึงแต่นงราม นวลแก้ว นาแม่
ยามนี่คงซ่อนเร้น หลบห้วงฤดีเสนอ
*
๐ จักทอดตัวพี่นี้ ฤๅไฉน
คราพี่อึดอัดใจ เช่นนี้
โปรดเถิดเปิดหทัย ของแม่
รับพี่ไปเปนหนี้ รักแท้สักหน
*
๐ จงเผยพักตร์แห่งเจ้า แลมา
มาปะทะสายตา พี่แก้ว
จะวอนส่งอุรา รักยิ่ง
โอบแม่ในจิตแพร้ว สู่ห้วงสุขสรร
************************************************
๐ ครวญครางใครใคร่ค้อน อัญขยม
จักไม่เคืองคำชม สักน้อย
ดวงใจใคร่ชิดชม เพียงหนึ่ง
เพียงแม่มาลาสร้อย หนึ่งนี้นางเดียว
************************************************
ช่วงนี้เขียนอะไรออกมาก็จะเป็นแนว "สัลลาปังคพิไสย์" ไปเสียหมด
โธ่....
20 กรกฎาคม 2550 13:22 น.
"เพชรสังคีต"
"เรือจ้างอันยิ่งใหญ่"
ชีวิตครูเขาเห็นเป็นเรือจ้าง
ลอยอยู่หว่างฝั่งฝันที่สรรหา
คอยรับส่งศิษย์ลูกทุกเวลา
จะเร็วช้าถึงฝันกันทุกคน
แรกก้าวขึ้นเรือน้อยแล้วลอยล่อง
ไปตามคลองแห่งวิชาที่พาผล
แม้เหน็บหนาวร้าวสั่นหวั่นวกวน
ซุกกายตนจนอุ่นเพราะคุณเรือ
ครั้นยามถึงแนวไพรใกล้ใกล้ฝั่ง
บ้างโดดพลั้งรั้งไปด้วยใจเสือ
ถีบสุดเท้าก้าวตนพ้นจากเรือ
ลืมคุณเมื่อเจ้าหนาวร้าววิญญาห์
พิโธ่เอ๋ยพระคุณครูเจ้ารู้แจ้ง
ใยกำแหงลืมตนคนใจหนา
จงระลึกถึงครูผู้กรุณา
ยิ่งใหญ่กว่าฟากฟ้าสุราลัย
จวบวันนี้ใจฉันนั้นตระหนัก
จิตประจักษ์ถึงผู้ท่านสานฝันใฝ่
คำน้อยเนื้อ "เรือจ้าง" จงลางไป
สมควรใช้สมัญญา "เภตราทอง"
*****
ด้วยระลึกถึงพระคุณ "เภตราทอง" ทุกลำที่ได้ส่งข้าพเจ้ามาไกลเท่านี้
19 กรกฎาคม 2550 19:06 น.
"เพชรสังคีต"
"ใบ้คลั่ง"
ฉันมิกล้าเอื้อนเอ่ยเผยคำรัก
ที่ประจักษ์อยู่ในฤทัยนี้
เขาว่าครวญเพราะรักมักราคี
จึงไม่มีความกล้าอ้าโอษฐ์พลอย
มันอัดอั้นอกเอ๋ยไม่เคยคิด
มาโดนพิษแห่งสวาทบาดคอหอย
อยากจะพร่ำวาจาน้ำตาปรอย
ไม่ใช่น้อยแสนรักปักดวงใจ
เปรียบคนใบ้ใจคลั่งหวนยั้งคิด
สักน้อยนิดอยากเผยเอ่ยไม่ได้
มั่นคลุ้มคลั่งครางครวญหวนร่ำไป
น้ำตาไหลนองเนตรเทวษตน
รักก็รักอยากให้รู้อยู่ว่ารัก
มันยากนักที่จะเอ่ยเลยสับสน
มันเปรียบเหมือนคนใบ้ใจวกวน
คลั่งรักล้นท่วมปากยากพรรณา ฯ
*****
เขียนไปพลางอึดอัดไป
เขียนไปหายใจไม่ออก...เฮ้อ