8 พฤษภาคม 2549 17:01 น.
เพชรพรรณราย
มีกระจกสองบานน่าขานคิด
เฝ้าพินิจพิจารณาหาเหตุผล
ค่าความจริงสิ่งที่เห็นเร้นในกล
ความสับสนเฝ้าค้นหาปัญญาตรอง
กระจกใสบานหนึ่งซึ่งมองผ่าน
เห็นเหตุการณ์ผ่านสายตาพาจับจ้อง
ความเป็นไปในโลกโศกสุขครอง
ข้อเกี่ยวข้องของโลกที่เปลี่ยนแปร
กระจกใสคล้ายนัยน์ตาพามองรู้
ความเป็นอยู่ดูโลกกว้างอย่างถ่องแท้
สิ่งรอบกายรายล้อมอยู่ให้ดูแล
ปรับปรุงแก้ดูแลรักษ์ปกปักษ์กัน
กระจกสองมองสะท้อนย้อนปรากฏ
ภาพกำหนดสลักตอบแค่ขอบกั้น
เงาขนานผ่านให้เห็นเป็นสำคัญ
มิปิดกั้นสัมพันธ์ต้นคนที่มอง
กระจกเงาเจ้าเหมือนใจในส่วนลึก
ให้ตรองตรึกนึกอ่านการณ์ขัดข้อง
มองตนเองเพ่งพิศพินิจตรอง
ข้อบกพร่องที่มองพลาดขาดอะไร
แล้วรวมสองคล้องกันมั่นในจิต
นำมาคิดพิศคำนึงให้ซึ้งได้
ถึงข้อเปรียบเทียบกระจกยกความนัย
มองโลกให้เข้าใจนอกในตน
4 พฤษภาคม 2549 18:10 น.
เพชรพรรณราย
พนมมือถือขันวันทาไหว้
ด้วยร่างกายผ่ายผอมพร้อมร้องขอ
หวังเศษสตางค์นั่งริมทางต่างทนรอ
เพื่อมาต่อเชือกชีวิตอย่าลิดรอน
เพราะเกิดมาวาสนาค่าน้อยนิด
ใช่ว่าผิดถูกปิดกั้นยากผันผ่อน
เลือกกำเนิดเกิดไม่ได้เพียงอ้อนวอน
จึงบันทอนให้รอนรนอับจนทาง
สังคมหยามประณามเหยียดรังเกียจกั้น
ใช่ต่างกันอันร่างกายชายหญิงสร้าง
ค่าสมมุติมนุษย์คิดลิขิตวาง
เป็นความต่างวางรากยากผันแปร
ค่าความจริงสิ่งสำคัญสำพันธ์เห็น
ใช่ที่เป็นกฎเกณฑ์ควรเว้นแก้
ความเป็นคนใช่จนรวยด้วยจริงแท้
ค่าที่แน่อยู่แก่ใจในทุกดวง
แม้ยาจกสกปรกเหม็นใช่เดนชั่ว
รวยแต่ตัวมัวเมาเจ้าน่าห่วง
ใจคิดดีทำดีหนีสิ่งลวง
ภัยทั้งปวงย่อมล่วงพ้นจนสุดทาง
พนมมือถือขันวันทาไหว้
หนึ่งดวงใจแม้ไร้สุขทุกข์ไม่ห่าง
แต่ไม่เคยเบียดเบียนใครให้อับปาง
ขอที่ทางอย่าร้างราเมตตากัน
3 พฤษภาคม 2549 19:27 น.
เพชรพรรณราย
บอระเพ็ดเข็ดขมมิชมชื่น
ยากจะกลืนขืนขัดสัมผัสขม
ใครลิ้มลองต้องเบือนหน้าค่าอารมณ์
เพราะความขมจมกับลิ้นยากสิ้นไป
หากแต่ขมนิยมค่าตัวยาดี
ขมสิดีมีไว้ใช้ยามป่วยไข้
ถึงรสชาติขยาดขมไม่สมใจ
สรรพคุณหนุนไว้ในตัวยา
รสน้ำตาลหวานลิ้นถวิลถึง
คอยรำพึงถึงความหวานผ่านชิวหา
ต่างชื่นชอบตอบคำย้ำกันมา
ปรารถนาหาลิ้มชวนชิมเชิญ
หากแต่หวานสานนำโรคให้โศกทุกข์
รสแห่งสุขปลุกไม่นานก็ห่างเหิน
แฝงโรคร้ายกายหมองหม่นทนเผชิญ
ให้ต้องเดินเผชิญผลจนตัวตาย
หวานเป็นลมขมเป็นยาน่าครวญคิด
ถูกหรือผิดคิดอย่างไรในความหมาย
อันความหวานสานนำโรคให้โศกกาย
ขมโรคหายวายสิ้นคนยินดี
เพราะภาพลักษณ์สลักไว้ไม่รู้เห็น
จึงจำเป็นต้องเฟ้นหาค่าวิถี
ดังหวานขมสมเปรียบเปรยเผยวจี
ความจริงนี้ชี้ให้เห็นเป็นสำคัญ
1 พฤษภาคม 2549 22:15 น.
เพชรพรรณราย
ต่างก็มีชีวิตที่แตกต่าง
ต่างเส้นทางย่างก้าวคราวสร้างฝัน
ต่างเดียวดายในจุดหมายขวนขวายกัน
มุ่งบากบั่นผันตนค้นทางไป
เปลี่ยวเปล่าใจในทางที่ย่างก้าว
เป็นเรื่องราวรวดร้าวคราวหวั่นไหว
แต่ความฝันมันไม่จบลบความนัย
จำเดินไปในเส้นทางอย่างเดียวดาย
จนวันหนึ่งถึงรู้ทางที่ย่างเปลี่ยว
ใช่หนึ่งเดียวเลี้ยวบรรจบพบความหมาย
อีกหนึ่งเส้นเบนเข้าลำเนากลาย
รวมสองสายเป็นหนึ่งซึ่งสองคน
จึงเข้าใจในลิขิตชิวิตสร้าง
ใช่อ้างว้างว่างเปล่าเหงาสับสน
แต่เพียงทางที่วางสร้างเกมกล
นำสองคนต่างหนทางวางสัมพันธ์
เกิดเป็นฝันอันต่อเติมเพิ่มกำลัง
สร้างความหวังฝังใจไม่ไหวหวั่น
ด้วยความรักถักทอร่วมฝ่าฟัน
ร่วมสร้างฝันสู่จุดหมายที่ปลายทาง
27 มีนาคม 2549 18:49 น.
เพชรพรรณราย
ในค่ำคืนดาษดื่นดาวพราวเวหา
แหงนมองฟ้าให้โหยหาพาคิดถึง
ในเรื่องราวคราวหลังฝังใจตรึง
เฝ้ารำพึงถึงวันเก่าเหงาหัวใจ
ในราตรีที่อ้างว้างดูว่างเปล่า
คนใจเหงาเฝ้าระบายถ่ายหวั่นไหว
สู่ท้องฟ้าดาราน้อยถ้อยความนัย
ฝากความให้ได้รับรู้หมู่ดารา
ว่าทำไมใยฉันมันเจ็บปวด
ใยร้าวรวดปวดใจในปรารถนา
ทั้งความรักสลักฝันมันจากลา
ร่ำไห้หาไม่ราสิ้นถวิลวน
ดาวเจ้าเอ๋ยเคยท้อถอยน้อยใจไหม
ทำอะไรไม่เคยดีชีวีขม
เจ้าเข้าใจไหมดาวคราวช้ำตรม
ที่สั่งสมถมรอยแผลแก่หัวใจ
น้ำตาไหลร่ำไห้ร้องก้องใจอยู่
มันพรั่งพรูไม่รู้หายวายหมองไหม้
สัญญาณเจ็บเหน็บแค้นแน่นฤทัย
เจ้าเข้าใจไหมเล่าเจ้าดาวเดือน