11 มีนาคม 2550 12:23 น.
เพชรพรรณราย
ห้วงจาบัลย์วันอ้างว่างห่างความรัก
ยากห้ามหักผลักความเศร้าเหงาให้ห่าง
กอดกายเปลี่ยวยืนเดียวดายตามรายทาง
รักไกลห่างอ้างว้างหนอสุดท้อใจ
เหนื่อยหัวใจไปกับรักที่หักสิ้น
น้ำตารินถวิลหากลับมาใหม่
หากอดีตขีดผ่านแล้วแคล้วหวนไป
เพียงร่ำไห้ใฝ่หาด้วยอาวรณ์
เงาจันทร์ส่องแหงนมองฟ้าหาเพื่อนเหงา
ร้างไร้เงาเฝ้าเพรียกหาใจล้าอ่อน
ความเจ็บปวดนวดใจเหงาเฝ้าอ้อนวอน
ให้บั่นทอนผ่อนความช้ำระกำตรม
ใครสักคนผ่อนปรนหมองร้องเรียกพร่ำ
ช่วยผ่อนช้ำนำหนทางร้างขื่นขม
มาเติมต่อก่อความหวังฝังอารมณ์
ฉุดรักขมที่จมปรักรักมลาย
เพียงรอคอยน้อยใจในความหวัง
น้ำตาหลั่งยังรินไหลไม่ขาดสาย
ความเจ็บปวดรวดร้าวใจไม่เคยคลาย
ภายสุดท้ายหมายให้เห็น...รอยน้ำตา
4 มีนาคม 2550 19:39 น.
เพชรพรรณราย
เดินเหม่อลอยค่อยค่อยเคลื่อนเลื่อนกายร่าง
สองเท้าย่างตามทางเท้าเข้าวิถี
ไร้จุดหมายปลายทางหวังตั้งชีวี
บนทางที่มีฝูงชนคนมากมาย
กริ๊กกริ๊ง...กลิ้ง...นิ่งยืนมองจ้องจับจิต
เพ่งพินิจพิจารณาหาความหมาย
เหรียญหนึ่งบาทวาดให้เห็นเป็นประกาย
ใครทำหายก้มกายเก็บเหน็บมือกำ
เสียงดังพลัก..หน้าหักคว่ำคะมำล้ม
เพราะมัวก้มลมแทบใส่ใจระส่ำ
อะไรนี่โชคดีแล้วไม่แคล้วกรรม
นั่งพูดพร่ำคำสบถรันทดจริง
พอยันกายหมายลุกขึ้นกลับมึนหนัก
เซเสียหลักหักลงคลองของน้ำทิ้ง
ทนกลิ่นเหม็นแทบเป็นบ้ามาติติง
กึ่งเดินวิ่งให้ถึงห้องต้องจำทน
ถึงประตูดูนั่นมันซวยช้ำ
กุญแจเจ้ากรรมฉันทำหล่น
เจ็บปวดนักปักใจซึ้งถึงใจตน
ฉันเป็นคนแสนอาภัพนับกับวานวัน
จาดโชคดีมีที่ไหนใจเจ้าเอย
ไม่นึกเลยเคยจะสุขทุกแปรผัน
โชคชะตาพาแปรแก่ชีวัน
ให้ตัวฉันนั้นเคราะห์ร้าย...จำได้ดี
1 มีนาคม 2550 10:46 น.
เพชรพรรณราย
กลิ่นไม้งามตามสวนชวนใฝ่หา
ผ่านลมพลิ้วปลิวมาน่าหลงใหล
อีกสีสันต์อันแต่งแต้มแซมกลีบใบ
เย้ายวนใจใฝ่หาน่าชวนมอง
จึงขยับปรับปีกบางอย่างช้าช้า
พร้อมปล่อยขาตามลมเฉื่อยเอื่อยมาต้อง
โบยบินไปใจปรารถนาหาสวนทอง
ตามกลิ่มของผองพรรณไม้หวังได้ยล
แสงอาทิตย์ลิขิตต้องส่องสีสรร
สาดสู่พันธุ์ไม้งามตามแห่งหน
สู่สายตาพาขยับปรับปีกตน
มาเกาะบนกลีบดอกไม้ในทันที
สูดกลิ่นหอมดอมดมสมฝันใฝ่
บนดอกใบไม้หลากมากแสงสี
รับรสอันหวานชื่นคืนชีวี
สุขฤดีผีเสื้อน้อยปล่อยอารมณ์
อิ่มรสหวานผ่านความงามตามสีแสง
บินตามแรงแห่งปีกบางอย่างสุขสม
ผ่านแมกไม้ชายป่านาชวนชม
ตามสายลมชมทิวทัศน์ลัดเลาะไพร
จนเหนื่อยล้ามาพักผ่อนก่อนพลบค่ำ
ยามเย็นย่ำอัสดงพงไพรใหญ่
อาทิตย์ลับกับขอบฟ้าลงคราใด
อาศัยใบแห่งมวลไม้ได้หลับนอน
22 กุมภาพันธ์ 2550 17:21 น.
เพชรพรรณราย
สายลมแว่วแผ่วไหวใจอ่อนหวิว
ลมผ่านผิวปลิวสะบัดพัดไม้ไหว
ยืนอ้างว้างกลางลมผ่านร้าวรานใจ
ลมรักไกลใจคิดหวนมิทวนคืน
เหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายใจหายห่าง
เคยเคียงข้างมาร้างกันมันสุดฝืน
เหม่อมองฟ้าถามหาเจ้าเฝ้ากล้ำกลืน
สะอึกอื้นยืนเพรียกพร่ำร้องคร่ำครวญ
ร้องเพลงหวานผ่านสายลมจมห้วงเหงา
บทเพลงเก่าเราร่วมร้องฟ้องลมหวน
คำเอ่ยอื้อนเตือนความหลังฝังรัญจวน
ร่ำเพลงหวนทวนความหลังหลั่งน้ำตา
ฝากลมแว่วแผ่วไหวไปถึงเจ้า
ด้วยเพลงเก่าให้เจ้าหวนทวนมาหา
ทวงรักเก่าที่เจ้าเลือนเบือนสัญญา
ให้รู้ว่าข้าเฝ้าคอยด้วยน้อยใจ
ลมเจ้าเอ่ยเฉลยเพลงแห่งคิดถึง
ให้ติดตรึงซึ้งถ้อยร้อยหวั่นไหว
จงรับรู้ผู้เฝ้าคอยเจ้าเหงาเพียงใด
คืนหัวใจมาใกล้กันดั่งสัญญา
18 กุมภาพันธ์ 2550 11:58 น.
เพชรพรรณราย
คืนเดียวดายกายเปลี่ยวเปล่าแสนเเหงาหงอย
กับคนคอยน้อยใจหมองร้องเรียกหา
ทนรอรักที่พลัดพรากจากชีวา
ร่ำน้ำตาสัญญาไว้ก่อนไกลกัน
คืนเหน็บหนาวคราวนั้นวันที่จาก
รักนี้ยากหากหัวใจนั้นไหวหวั่น
ความเปลี่ยนแปลงแห่งเวลาพาชีวัน
รักคงมั่นอาจเปลี่ยนไปใจสองเรา
ยามสับสนจนใจให้จำไว้
เชื่อหัวใจในศรัธทาอย่าหมองเศร้า
ความรักมั่นผันแปรได้หากใจเบา
ความหงอยเหงาเราอ่อนล้าอย่าท้อใจ
หากคิดถึงเพียงมองฟ้าดาราจันทร์
มองหาฉันจากจันทร์ดาวคราวอ่อนไหว
หากท้อถอยพลอยอ่อนล้าลงคราใด
ฉันอยู่ใกล้เธอเสมอเหม่อมองดาว
แม้เป็นคืนยืนเดี่ยวดายกายเปลี่ยวเปล่า
ใจสองเราไม่เหงาหงอยคอยปวดร้าว
ถึงจะจากพรากไกลนักรักยืนยาว
สองเราก้าวด้วยรักมั่นในศรัทธา