6 กันยายน 2548 15:25 น.
เพชรพรรณราย
เสียงแว่วแว่วแผ่วเบาเฝ้าจับจิต
แว่วความคิดสู่จิตใจใฝ่คิดถึง
คล้ายบทเพลงบรรเลงไว้ใจติดตรึง
เพลงที่ซึ้งตรึงสัมพันธ์ฉันและเธอ
เพลงแห่งรักสลักไว้ใจเราสอง
ห้วงทำนองร้องร่ำพร่ำเสมอ
ทุกถ้อยคำรำพันไปใจพร่ำเพ้อ
ห้วงละเมอเพ้อหาทุกเวลา
ถ้อยคำหวานจากมาลย์น้อยร้อยความรัก
ร่วมใจพักตร์สลักคำนำภาษา
สายสัมพันธ์มั่นคงเป็นสัญญา
พรรณนาค่าแห่งรักปักษ์ดวงใจ
ห้วงเวลาพาความสุขสนุกสนาน
ได้พบพานสมานรักอันสดใส
ร่วมบรรเลงบทเพลงคู่กู่ก้องไป
ร้อยรวมใจไว้เป็นหนึ่งซึ่งรักเรา
เฝ้ารำพันจากวันนั้นฉันกับเธอ
ไม่พบเจอเพียงเพ้อหาอุราเหงา
สองเราห่างต่างเส้นทางสร้างลำเนา
ใจสุดเหงาเฝ้าห่วงหาแสนอาลัย
บทเพลงซึ้งยังตรึงจิตคิดห่วงหา
ปรารถนาร้องเพลงคู่เธออยู่ไหน
ฉันยังรอต่อความรักปักษ์หัวใจ
เธออยู่ไกลรู้ไหมใครเขารอ
ร้องเพลงอยู่คู่น้ำตาอุราหมอง
ห้วงทำนองร้องไห้หวั่นไหวท้อ
พร่ำเพลงรักใจกลับช้ำน้ำตาคลอ
เฝ้าตัดพ้อต่อสัญญาค่าเปลี่ยนแปร
ถึงอย่างไรใจของฉันมันก็รัก
เธอสลักรักลงใจยากไขแก้
ถึงเธอไกลไม่ส่งใจมาดูแล
ขอรักแท้ดังเพลงบรรเลงใจ
5 กันยายน 2548 20:50 น.
เพชรพรรณราย
ประหันหัตถ์สัตยาอธิษฐาน
จากดวงมาลย์ผ่านศรัทธาพาความหวัง
ขอให้พบประสพสิ่งที่จีรัง
รักยืนยงดังขุนเขาเฝ้าขอวอน
อีกชะตาวาสนาจงพาพบ
ให้ประสบแต่สิ่งดีศรีคำสอน
อีกยศฐาบรรดาศักดิ์อย่าตัดรอน
เหล่าสมรจงจรจากหากพบพา
ขอให้ร่ำทำให้รวยอำนวยผล
คราวอับจนดลโชควาสนา
อยู่ที่ใดใครก็รักปักษ์อุรา
ไร้โรคาพาความสุขทุกคืนวัน
แล้วประนมก้มกราบลงตรงหน้าศาล
มือประสานกระบอกไม้ทันใดสั่น
เสียงกระแทกดังแก๊กแก๊กกระทบกัน
หนึ่งนั้นนั้นมันร่วงลงตรงตักเรา
เป็นหมายเลขบอกใบ้ให้ค้นหา
ร้อยภาษาด้วยสุนทรกลอนเสลา
อ่านข้อความตามคำใบ้ในลำเนา
ใจมันเศร้าเมื่ออ่านจบครบทุกตอน
ก็ข้อความตามกระดาษวาดเขียนไว้
ว่าเจ้าไร้วาสนาพบพาสมร
อีกยศฐาบรรดาศักดิ์ปักใจจร
แถมเดือดร้อนไร้คู่อยู่เดียวดาย
ใยถึงเป็นเช่นนี้เซียมซีฉัน
เศร้าจาบัลย์มันเจ็บปวดใจสลาย
อธิฐานบนบานไว้ใยกลับกลาย
วิมานหายสลายลับไปกับตา
นี่แหละหนาค่าความหวังที่ตั้งต่อ
หวังเพียงรอไม่ต่อสู้ไม่ค้นหา
สิ่งใดใดไม่ได้เปล่าเดินเข้ามา
แต่ได้มาด้วยอุสาหะพยายาม
5 กันยายน 2548 17:50 น.
เพชรพรรณราย
รำพันเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
เหงาทั้งใจและกายไม่หายห่าง
ทนเศร้าสร้อยคอยรักแท้อันเลือนลาง
ช่างอ้างว้างทางเปลี่ยวเหงาเศร้าอุรา
ทุกคืนค่ำย้ำจิตอธิษฐาน
ขอบนบานสานถ้อยร้อยภาษา
ฝากองค์ไท้ทวยเทพเหล่าเทวา
ช่วยนำพาอุรานี้ให้พบพาน
กับความรักรักสลักมั่นไม่หวั่นไหว
นำหัวใจให้พานพบสบตาหวาน
มอบรักแท้แก่สองเราไว้แสนนาน
ห้วงดวงมาลย์ประสานใจไว้ด้วยกัน
ห้วงรำพึงถึงเทวาว่าแสนเหงา
ตอนนี้เล่าเราสุดเหงาเศร้าโศกศัลย์
เพียงระบายถ่ายถ้อยร้อยรำพัน
ความจาบัลย์ให้ฟ้านั้นได้เข้าใจ
หลายเหตุการณ์ผ่านเข้ามาพาชีวิต
เพียรลิขิตอุทิศตนจนหมองไหม้
ความทุกข์ท้อต่อชะตาล้าฤทัย
โลกกว้างใหญ่ใฝ่ฝันเพียงลำพัง
ไม่มีแม้นผองเพื่อนเตือนใจคิด
ถูกหรือผิดคิดแต่งเติมเสริมความหวัง
เส้นทางนี้ช่างอ้างว้างเหลือกำลัง
จึงฝากฝังยังเทวาพาพบพาน
แต่เมื่อไรไม่รู้เธอผู้นั้น
จะพบกันสัมพันธ์รักสลักสาน
หรือต้องรอต่อไปจนสิ้นกาล
เผชิญโลกที่ยาวนานเพียงผู้เดียว
4 กันยายน 2548 16:41 น.
เพชรพรรณราย
ความทุกข์ท้อต่อชีวิตลิขิตเปลี่ยน
ทั้งบทเรียนอันปวดร้าวเมื่อคราวหลัง
ภาพอดีตที่กรีดใจให้พ่ายพัง
ฝันที่พังยังไม่หายวายจากใจ
ความทุกข์นี้ฝังลึกลงตรงห้วงจิต
ในความคิดติดในฝันให้หวั่นไหว
แม้เวลาพาหมุนหนุนนำไป
เจ็บปวดใจไม่เลือนลบจบสักครา
ทุกความท้อต่อชะตาพาให้เหงา
ทุกข์ความเศร้าเราร่ำไห้ใจโหยหา
ทุกความเจ็บเก็บในใจเสมอมา
ด้วยมิกล้าวาจาพร่ำว่าช้ำตรม
ความผิดพลาดประกาศไปใครรับรู้
เหล่าศัตรูคงเย้ยหยันฉันขื่นขม
คงประนามหยามเหยียบซ้ำย้ำให้จม
เก็บระบมตรมตรอมนี้เพียงลำพัง
จึงขีดเขียนบนกลอนสุนทรท้อ
เฝ้าตัดพ้อต่อชะพาค่าความหวัง
เพื่อระบายความความเหงาเศร้าประดัง
ในความหลังฝังใจไม่เคยคลาย
นามปากกาพาสมมติชุดอักษร
ในบทกลอนตอนหลังดังมุ่งหมาย
สลักไว้ใช้ชื่อ เพชรพรรณราย
ใช้ระบายคลายทุกข์ท้อต่อชะตา
2 กันยายน 2548 12:32 น.
เพชรพรรณราย
เด็กอีสานจากบ้านนาและป่าเขา
สู่ลำเนาเข้าเมืองกรุงมุ่งค้นหา
ด้วยพลังตั้งใจใฝ่ฝันมา
ปรารถนาพาความฝันอันตั้งใจ
กายและใจเต็มเปี่ยมเตรียมต่อสู้
ลิขิตอยู่ด้วยศรัทธาค่าฝันใฝ่
อุปสรรคหนักหนามุ่งฝ่าไป
แม้หวั่นไหวใจห่วงหาบ้านนาเรา
บางครั้งเหนื่อยเมื่อยท้อต่อความหวัง
และบางครั้งเปลี่ยวกายเดียวดายเหงา
คิดถึงผู้อยู่ที่บ้านย่านลำเนา
ผ่อนคลายเศร้าเร้าให้สู้อยู่ทุกครา
วันเวลาพาเคลื่อนเลื่อนชีวิต
เพียรลิขิตอุทิศตนมุ่งค้นหา
ความฝันใฝ่ใจสู้ดูโรยรา
มันอ่อนล้าพาใจท้อต่อชีวี
เด็กอีสานผ่านความฝันอันเจ็บปวด
แสนร้าวรวดปวดใจในวิถี
ความทุกข์เหงาเศร้าระทมตรมฤดี
ฝันไกลหนีวันนี้ท้อต่อชะตา
หอบความช้ำระกำฝืนคืนถิ่นฐาน
ห้วงดวงมาลย์กาลหม่นหมองร้องไห้หา
กราบแทบเท้าพ่อแม่ท่านฉันกลับมา
ด้วยน้ำตาว่าแพ้พ่ายแทบวายปราน
เกือบต้องตายมลายร่างเมื่อสร้างฝัน
ห้วงจาบัลย์อันโศกามาประสาน
เมื่อสิ้นคิดผิดพลั้งครั้งนมนาน
คิดถึงบ้านท่านทั้งสองให้ตรองดู
ด้วยสำนึกตรึกจิตพิศมองเห็น
ความลำเค็ญเข็นใจให้อดสู
คำสั่งสอนตอนเยาว์วัยให้ตรองรู้
สถิตย์อยู่คู่หัวใจไม่เสื่อมคลาย
ด้วยบุญคุณหนุนนำธรรมที่สอน
เป็นนิวรณ์ผ่อนความช้ำระกำหาย
มีทุ่งนาป่าเขาเรากร้ำกลาย
เพื่อสลายวายความเจ็บเหน็บอุรา
เฝ้าเยียวยารักษาใจให้บรรเทา
ผ่อนความเศร้าเหงาท้อต่อปรารถนา
ก่อนจะคืนฝืนสู่กรุงมุ่งอีกครา
หวนชีวาหาความหวังอีกครั้งหนึ่ง