26 ตุลาคม 2548 11:29 น.
เพชรพรรณราย
ฉันเปล่าเปลี่ยวเดียวดายใต้แสงจันทร์
ฉันโศกศัลย์จาบัลย์เหงาแสนเศร้าหมอง
ฉันร้องไห้เหว่ว้าน้ำตานอง
ฉันนั้นมองต้องเดือนดาวคราวลำพัง
ฉันยืนบนพื้นไพรไร้เพื่อนมิตร
ฉันท้อจิตอ่อนไหวในความหลัง
ฉันเปล่าเปลี่ยวเดียวดายไร้กำลัง
ฉันสิ้นหวังจะตั้งใจให้หวนคืน
ฉันต้องทนคนเหยียดหยามประนามหมิ่น
ฉันยลยินคำก่นด่าพาขมขื่น
ฉันแบกรับกับความเจ็บทุกวันคืน
ฉันสะดุ้งตกใจตื่นทุกคืนวัน
ฉันมองหาผู้มาปลอบกลับไร้ร้าง
ฉันอ้างว้างทางเปลี่ยวผู้เดียวฝัน
ฉันขาดเพื่อนเตือนใจให้จาบัลย์
ฉันรำพันหงอยเหงาอยู่เพียงเดียวดาย
ฉันมองดูเงาสะท้อนตอนอ่อนไหว
ฉันเห็นเพื่อนเตือนใจในความหมาย
ฉันไม่อยู่ผู้เดียวเปลี่ยวใจกาย
ฉันเห็นชายผู้หนึ่งด้วยซึ้งใจ
ฉันระบายถ่ายท้อต่อผู้นั้น
ฉันรำพันวันวานกาลหมองไหม้
ฉันส่งผ่านความท้อต่อเขาไป
ฉันอุ่นใจแม้เขาเงียบไม่พูดจา
ฉันมีเงาเขาเป็นเพื่อนเหมือนชิดใกล้
ฉันปวดใจได้ระบายถ่ายปัญหา
ฉันต้องพูดใต้แสงจันทร์วันเวลา
ฉันอ่อนล้ามาระบายให้เงาฟัง
21 ตุลาคม 2548 14:52 น.
เพชรพรรณราย
อาจจะมองไม่ต้องใจในสาระ
อักขระทุกอักษรสุนทรกล่าว
ทุกเรื่องนั้นที่ฉันนำพร่ำเรื่องราว
ความปวดร้าวคราวรักที่หักพัง
เพียงแค่ฉันอยากระบายถ่ายความท้อ
ฉันแค่ขอตัดพ้อต่อความหลัง
เพียงปลดเปลื้องเรื่องทุกข์ปลุกกำลัง
ฉันแค่หวังสักครั้งเพื่อตั้งใหม่
ค่าของถ้อยน้อยความหมายบรรยายเล่า
เรื่องเก่าเก่าที่เหงาเศร้าหม่นไหม้
และอดีตที่กรีดกร่อนตัดรอนใจ
คราวที่ไร้ในใฝ่ฝันที่ผันแปร
ขออภัยไว้แก่ท่านผู้อ่านกลอน
อย่าตัดรอนผ่อนกำลังครั้งพ่ายแพ้
ขอพื้นที่ลงกลอนไว้ใจอ่อนแอ
โปรดดูแลแค่ส่งคำกำลังใจ
จะติชมอารมณ์ใดใจน้อมรับ
ขอสดับรับฟังความตามแก้ไข
ผิดหรือถูกผูกอักษรบทกลอนใด
รับด้วยใจในความข้อต่อใจจริง
21 ตุลาคม 2548 07:47 น.
เพชรพรรณราย
ความอ่อนแอแพ้พ่ายด้วยหมายคิด
ทุกความผิดจิตหลอนใจอ่อนไหว
ความเจ็บปวดรวดร้าวอยู่คู่ดวงใจ
เหมือนเป็นไข้ใจล้าพาท้อทน
สิ่งต่างต่างอย่างที่หวังครั้งเก่าเก่า
มันรุมเร้าเฝ้าเกาะกินทุกแห่งหน
ความเหนื่อยล้ากายาเหงาเศร้าอับจน
เหมือนเกมกลดลบันดาลให้ผ่านมา
จะโทษฟ้าค่าดินหรือถิ่นไหน
โทษอะไรใครเล่าเราค้นหา
ใครกำหนดกฎเก่าเฝ้านำพา
ก็คือข้าอุราร่ำที่พร่ำไป
ฟ้าหรือดินยินเย้ยก็เคยฉ้อ
เทวดาฟ้าต่อก่อหมองไหม้
แม้แต่ศาลบัลดาลผ่านความนัย
ยังน้อยใจในชะตาค่าชีวี
ท้ายที่สุดความเจ็บยังเก็บอยู่
ความหดหู่ท้อถอยน้อยวิถี
ก็ยังตามกัดกร่อนลิดรอนอยู่ดี
จะหลบลี้หนีความจริงได้อย่างไร
คงต้องยอมตรอมตรมสมความผิด
มิเบือนบิดลิดรอนผ่อนผันได้
แพ้คือแพ้แค่นั้นมั่นดวงใจ
ขอร่ำไห้ใจสลายตายช่างมัน
18 ตุลาคม 2548 15:29 น.
เพชรพรรณราย
ประวัติศาสตร์ผ่านพ้น..................โบราณ
จารึกผนึกสาน.............................กล่าวถ้อย
ตำนานอีกนิทาน..........................ขานเล่า สืบกัน
รวมรวบเรียงคำร้อย....................ตัดพ้อ สุนทร
ตำนานหนึ่งบทอ้าง.......................ถึงปราชญ์
อยุธยาเป็นชาติ............................เก่านั้น
ปรากฏผู้เก่งกาจ..........................ถูกใส่ ความผิด
ศรีปราชญ์นามท่านมั่น.................ชีพสิ้น ตัวตาย
ทิ้งสลักอักขระ..............................บนแผ่น ธรณี
ความตัดพ้อสุดแสน.....................หม่นไหม้
มิอาจจะรับผิดแม้น......................สิ้นทุกข์ วายปราณ
ลิขิตอักษรโครงไว้.......................ฝากย้ำ แม่ธรณี
อีกนิทานหนึ่งบท.........................ประจักษ์ รู้ความ
ด้วยมิอาจเคียงสลัก.....................คู่คิด
เกิดโศกนาฏกรรมรัก..................อนาถ ใจจริง
ตายเพราะมิสมจิต........................แห่งรัก มั่นคง
โรมิโอจูเลียตรู้.............................ตำนาน
ยาพิษสองประสาน........................ดื่มสิ้น
ทิ้งคำหนึ่งเล่าขาน.........................รักมิ สมหวัง
ท้ายสุดต้องดับดิ้น.........................จึ่งได้เคียงกัน
นิยายหนึ่งเรื่องร้อย......................กลยุทธ
สามก๊กตำนานสุด..........................ลึกล้ำ
กล่าวซึ่งปัญญามนุษย์....................ยากยิ่ง หยั่งถึง
หนึ่งบทตัดพ้อย้ำ...........................พร่ำท้อชะตา
กล่าวถึงจิวยี่ผู้................................ทรนง
มิอาจมาตรประสงค์.........................ดั่งคิด
ต้องซึ่งกลแห่งขง-...........................เบ้งปราชญ์ ปัญญา
มีหนึ่งจิวยี่ลิขิต...............................เล่าไชร้ มีเหลียง
เพียงแค่อยากยกข้อ......................สุนทร
จารึกเป็นโครงกลอน.....................เล่าอ้าง
ตัดพ้อต่อโลกจร.............................ผันจาก ใจเรา
เฉกเช่นนิทานบ้าง........................ลบล้าง ท้อทนฯ
18 ตุลาคม 2548 11:52 น.
เพชรพรรณราย
แค้นสุดแค้นแน่นฤทัยใจจำจด
เก็บและกดทดไว้ไม่ราหาย
วันเวลาพาไปไม่เสื่อมคลาย
แค้นไม่หายวายลบจบสักที
ฉันมันคนจนค่าราคาของ
มิใช่ทองที่คนปองจ้องไว้นี่
ฉันแค่ดินหินกรวดใช่อวดดี
ฉันก็มีตัวตนคนเหมือนกัน
คนเรานั้นมันไม่เก่งแต่กำเนิด
ไม่พริ้งเพริศเลิศวิไลได้ดังฝัน
จะให้ได้อย่างใจในสิ่งอัน
ตัวของฉันมันไม่รู้ดูไม่เป็น
บีบบังคับนับวันขู่อยู่ทุกเมื่อ
ท้อใจเหลือเบื่อหน่ายจริงสิ่งที่เห็น
ด้วยอำนาจประกาศก้องต้องลำเข็น
ยากจะเร้นเป็นผู้น้อยด้อยราคา
ก็แค่มียศถาบรรดาศักดิ์
หยามเหยียดนักหักทางวางให้ข้า
หากไม่ทำจำต้องโทษลงอาญา
ดั่งคนบ้าตัวข้าใหญ่ใครเทียมทัน
เอือมระอาล้าใจไร้นับถือ
นี่นะหรือคือผู้ใหญ่ใช่ไหมนั่น
กิริยาอาการผ่านมานั้น
ควรที่ฉันมันเคารพนบไปไย
กับคนอื่นคนไกลใช่ลูกน้อง
ประคับประคองน้องพี่พูดปราศรัย
ทีลูกน้องมึงกูอดสูใจ
หากหนีได้ฉันคงทำด้วยจำทน
ใช่ประณามตามบทกลอนสุนทรกล่าว
เป็นเรื่องราวคราวคับแค้นแสนสับสน
เพียงอยากให้เข้าใจใครสักคน
มองดูตนคนอื่นบ้างสร้างสัมพันธ์
แค่อยากให้ลงมาดูผู้ต่ำด้อย
เพียงหนึ่งน้อยที่เข้าใจในตัวฉัน
โปรดเถิดหนาอย่าบีบบังคับกัน
ขอสักวันให้ฉันบ้างอย่าร้างรา