28 มกราคม 2550 22:24 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
หากว่ารักเฉกเช่นดั่งสายลม
ที่พร่างพรมพริ้วแผ่วให้ความหวัง
พามาซึ่งความสดชื่นฟื้นกำลัง
นี่กระมังลมรักพัดเป็นไป
หากชีวิตเป็นเช่นแผ่นหินผา
ที่แกร่งกล้าต่อสู้ต่อความไข
เผชิญท้าแก้ปัญหาสิ่งใดใด
จนหัวใจจักเจ็บและด้านชา
เมื่อลมรักพัดผ่านภูเขาหิน
ก็ทิ้งสิ้นความแข็งแกร่งแผ่นผา
กลับกลายเป็นภูเขาดินอ่อนนุ่มนา
แต่ลมพาพัดไปไม่หยุดลง
ลมรักพัดลิ่วลับลู่ภูเขาเอ๋ย
เจ้าไม่เคยสมหวังสมประสงค์
เป็นภูเขาที่เดียวดายไร้ลมคง
ไม่ใช่หงษ์ที่อยู่คู่สายลมเย็น
รู้อย่างนี้ใจเจ็บจนด้านชา
เช่นศิลาที่เย็นเยียบไร้ความเห็น
หากชีวิตที่เกิดไม่อาจเป็น
จงอยู่เช่นภูผาอย่างเดียวดาย
แม้เป็นหินแกร่งกล้าเช่นภูผา
ที่เวลาทลายลงน่าใจหาย
เกิดมาแล้วสิ่งใดล้วนมลาย
ก็ขอตายโดเดี่ยวแม้สิ้นลม
22 มกราคม 2550 20:01 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
หากน้ำตาทุกหยาดที่ฉันหยด
สามารถลดความเหงาที่เศร้าหมอง
ไร้เขาแล้วยังนั่งน้ำตานอง
ทำไมร้องออกมาไม่เข้าใจ
ในเมื่อเขาไปดีอย่างนี้แล้ว
คงไม่แคล้วมีสุขกับคนใหม่
คนอย่างฉันนั้นไม่มีดีอะไร
มีเพียงใจที่รักเธอและน้ำตา
20 มกราคม 2550 06:54 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
หากหัวใจ ของคุณ อยู่ที่อื่น
แกล้งมื่นชื่น บอกรัก พาลขื่นขม
เมื่อใจคุณ ไม่อยู่นี่ ฉันก็ตรม
ละอารมณ์ รักคุณ ไปเถิดไป
อย่ามัวแกล้ง ทำลีลา ว่ายังรัก
ฉันประจักษ์ ความจริงแล้ว ใจอยู่ไหน
แล้วตัวมา อยู่ตรงนี้ ด้วยเหตุใด
ตามหัวใจ ไปเถิด อย่าแกล้งกัน
ปากบอกอย่าง ใจทำอย่าง น่าตลก
น่าจับชก ปากซักที ให้หน้าหัน
รักของฉัน เป็นเครื่องเล่น หรือไงกัน
เจ็บแสบคัน ไปหมด โอ้หัวใจ
แม้ใจฉัน ยังรักคุณ เท่าท้องฟ้า
แพ้คำว่า รักเล่นเล่น จากคนใหม่
แม้เธอนั้น ไม่รับรู้ ช่างปะไร
โปรดเถอะไป ไสหัวออก นอกเส้นทาง
แม้ว่ารัก และคิดถึง เธอมากมาก
แต่จงจาก ไปเถอะ พ่อใจกว้าง
ถึงฉันร้อง ร่ำไห้ และควรญคราง
ทั้งสองปราง นองน้ำตา อย่ามามอง
ถึงจากไป ตอนไหน ค่าเท่ากัน
มีแต่ฉัน ที่เสียใจ และคับข้อง
ถึงอยู่ไป ฉันก็ร้อง น้ำตานอง
เธอเกี่ยวข้อง กับคนนั้น ทั้งกายใจ
โปรดเถอะนะ จงห่างไกล ชีวิตฉัน
อย่าให้มัน เศร้าโศก ต้องร่ำไห้
ฉันเสียใจ ตอนไหน ไม่เป็นไร
เพราะอย่างไร เธอก็ ไปอยู่ดี
20 มกราคม 2550 02:36 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
อัสดง ลงแล้วละ พี่ชายเอ๋ย
อกที่เคย พรั่นพรึง กับลำแสง
กลัวไม่ได้ เห็นอาทิตย์ มาแสดง
เห็นสีแดง ยามเย็นย่ำ ช่างหวั่นใจ
ท้องนภา แดงเพลิง ดั่งเลือดนก
ดั่งวิหค โดนเชือด เขาเถือไถ
เอาโลหิต ทาบทา ท้องฟ้าไง
เห็นแล้วไซร้ สะพรึงจิต คิดหวาดกลัว
แถมเสียงร้อง เหล่านกน้อย ที่ขับขาน
คือสัณญาณ กู่ก้อง หาเมียผัว
จะค่ำแล้ว โปรดกลับรัง มาสู่ครัว
อย่าไปมั่ว เฉไฉ ไม่กลับรัง
แต่เสียงนี้ น้องฟัง ช่างวังเวง
ดั่งเสียงเพลง แห่งน้ำตา ต้องมนต์ขลัง
เสียงขับขาน ร้องเรียกหา มีพลัง
นี้กระมัง ทำให้น้อง นองน้ำตา
บรรยากาศ พาเศร้า และใจหาย
แสงสุดท้าย ของวัน จะลับฟ้า
หากพรุ่งนี้ น้องไม่ตื่น ไม่ลืมตา
ไร้วิญญา แล้วพี่ชาย คิดอย่างไร
ชีวิตคน ยาวสั้น เพียงนึกคิด
หากชีวิต ที่ใช้นั้น มีค่าไหม
มันก็ขึ้น อยู่กับ ใจของใคร
ตัดสินไป ค่าของคน ตามสายตา
แต่ทว่า ค่าชีวิต ของน้องนั้น
คงสิ้นพลัน เมื่อไร้คน มาค่ะขา
ไม่มีพี่ สุดที่รัก คงระอา
ไร้คุณค่า ของชีวิต อยากสิ้นใจ
แต่ตอนนี้ มียอดรัก อยู่ที่นี่
อยู่ตรงนี้ โปรดอย่าหนี น้องไปไหน
น้องคนนี้ ขอเพียง กำลังใจ
สู้วันใหม่ กล้ามองฟ้า อัสดง