31 กรกฎาคม 2554 22:33 น.
เปลวเพลิง
วันนี้นำบทกลอนเก่าๆของคุณจินตนา ปิ่นเฉลียวมาฝากครับ ให้ข้อคิดดีมากๆเลย แล้วก็เพราะมากเช่นเดียวกันครับ
จึงฝากคำย้ำไว้ให้เตือนจิต
เพื่อนเคยมีใจคิดสักนิดไหม
ชีพเกี่ยวเส้นเป็นข่ายทอสายใจ
สอดสายใยร้อยผสมสังคมคน
ด้วยสายจิตพิศวาสวิลาศนี้
ถักชีวีเป้นข่ายรายทั่วหน
ข่ายใจจักถักจนแกร่งด้วยแรงชน
แต่จะป่นถ้าแยก...แตกสามัคคี
เรามีรัก ภักดิ์ อภัย เป็นใยเหนียว
พันเป็นเกลียวก่อกมลจนสุขศรี
ตราบความรัก ภักดิ์ หวัง เรายังมี
สังคมชีวิตไม่ประลัยลาญ
แต่ถ้าแม้นมนุษย์ชาติที่กาจกล้า
มุ่งมาฆ่ากันก็เห็นเป็นวิตถาร
เหมือนแหกข่ายสายรักให้หักราน
ซึ่งเหมือนการฆ่าตัวของตัวเอง
นานเท่าใด...ตราบใยรักถักข่ายชีพ
เหนียวจนบีบคั้นปรามทรามข่มเหง
นานเท่านั้น...โลกสุขสันต์สิ้นหวั่งเกรง
เพราะละเลงด้วยรักไม่ใช่เลือดคน
28 กรกฎาคม 2554 18:01 น.
เปลวเพลิง
เมื่อวานผมได้ไปหาซื้อบทกวีนิพนธ์ ชุด ขอบฟ้าขลิบทอง ของ อุชเชนี มาอ่าน
อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากๆครับ เลยอยากนำมาแบ่งปันให้ชาวบ้านกลอนได้อ่านกัน บทที่ผมนำมาเสนอวันนี้มีชื่อว่า "เป็นไปได้หรือ" ลองไปอ่านกันครับ
ฉันมองเงาเขาขุนละมุนซ้อน
หว่างเมฆมออรชรร่อนเรียงอยู่
มองอุษาอ่าแสงแจ้งดำรู
ฉาบผาภูผ่องผาดเพียงดาดทอง
ฉันมองคลื่นรื่นเร่เข้าเห่ฝั่ง
พร่ำฝากฝังภักดีไม่มีสอง
มองดาวเฟี้ยมเยี่ยมพักตร์ลักษณ์ลำยอง
จากคันฉ่องชลาลัยใสสะอาง
ฉันมองไม้ดอกขาวพราวทุ่งหญ้า
จำนรรจาเอียงอายสายลมสาง
มองนกน้อยจ้อยแฝงแข่งน้ำค้าง
สดุดีฟ้ากว้างพร่างตะวัน
ฉันมองแสงเดือนสอดลอดร่มไผ่
เหมือนยองใยเงินยวงอันสรวงสรร
เสกฉลุปรุระยับสลับชั้น
เป็นมิ่งขวัญตาคิดพินิจครวญ
หวามหัวใจเหมือนได้รัดสัมผัสหล้า
ห้วงนภานิรันดรอาวรณ์หวน
สรรพสิ่งโสภิตดุจชิดชวน
ใจรัญจวนจอดรักไม่พักเลือน
โฉดไฉนใจมนุษย์มาฉุดชัก
ทำหาญหักโหดกระหายหมายฉะเฉือน
ทลายงามเพื่อสงครามย่ามใจเยือน
ทลายเรือนทลายรักหลักโลกา
เมื่อทุ่งราบยังอาบเดือนเหมือนอย่างนี้
เมื่อราตรียังรวยรื่นชื่นนาสา
เป็นไปได้หรือนี่ที่มนตรา
สงครามฆ่ารักเสียแล้วแคล้วใจคน
ปล.เจอกันอีกทีหลังสอบกลางภาคนะครับ หนังสือกองพะเนินรออยู่ ขอให้ดื่มด่ำกลับกลอนนะครับ
15 กรกฎาคม 2554 02:47 น.
เปลวเพลิง
มะลิขาวพราวกระจ่างอยู่กลางสวน
กลิ่นหอมหวนอบรื่นชื่นนาสา
เหมือนน้ำนมสีขาวสกาวตา
อันมารดาหลั่งอุทกจากอกตน
จะกี่ครั้งจากวันวานผ่านถึงนี่
แม่ปรานีแผ่รักประจักษ์ผล
ปากที่พร่ำเตือนใจเหมือนร่ายมนตร์
สร้างลูกให้เติบตนเป็นคนดี
อุ่นไอแห่งเมตตาเอื้ออาทร
อุ่นตักนอนหนุนเสน่ห์อุ่นเกศี
อุ่นอ้อมแขนอ้อมหทัยในธาตรี
อุ่นอารีแม่ให้ไม่ลดลง
ยืนอยู่กลางสวนขวัญมะลิขาว
อวลอะคร้าวตรลบใจชวนใหลหลง
เด็ดดอกขาวเหล่านั้นอย่างบรรจง
ด้วยประสงค์ร้อยผกาเป็นมาลัย
แด่พระคุณร่มชีวันอันโอบเอื้อ
ปกแผ่เผื่อความรักมั่นนิรันดร์สมัย
มอบสุมาลย์พรรณรายจากสายใจ
บูชาในรักแท้ของแม่เอย..
12 กรกฎาคม 2554 09:09 น.
เปลวเพลิง
เราต่างมีฝันใฝ่ในชีวิต
เลือกลิขิตเป็นงานหวานและหวัง
ด้วยใจซื่อซึ่งจะทรงพลัง
นี่แหละ...กังวานแว่วแจ้วจับใจ
ค่าของแรงแห่งการทำงานนี้
โปรยมาลีบูชิตชีพพิสมัย
คล้ายรางวัลแสนหวานซ่านหทัย
ว่อนอยู่ในสายขวัญนิรันดร์มา
ความซื่อตรง ทรงศักดิ์ ภักดิ์และหวัง
แหละจะรังสรรค์ผสานงานเลอค่า
ทอประกายดั่งฤทธิ์กฤติยา
เพื่อป่นยับบรรดาสิ่งระยำ
เราหยาดแรงหยาดเหงื่อเรื่อพิลาส
ซึ่งไม่อาจยอมให้ใครเหยียบย่ำ
ค่าของแรงแห่งเราที่เฝ้าทำ
จึงเลิศล้ำเหลือล้นด้วยผลงาน
ค่าของแรงแห่งฝันในวันนี้
ทรงศักดิ์ศรีน่าถนอมกลิ่นหอมหวาน
เถิดเพื่อน...เชิญดื่มด่ำอย่างสำราญ
ผลผลิตกิจการของงานเรา
8 กรกฎาคม 2554 17:46 น.
เปลวเพลิง
แรกอุษาฟ้าสางกระจ่างแสง
หัวระแหงทุกแห่งอุ่นอรุณศรี
เพชรน้ำค้างวามวาวราวมณี
จับอยู่ที่ยอดหญ้างามตานัก
เหมือนแรกรุ่งเรืองรวีแห่งชีวิต
ประกาศิตความดีเป็นศรีศักดิ์
สาดส่องมาอุ่นในหัวใจภักดิ์
สัญลักษณ์ไมตรีชีวีคน
หากมิตรคือลานหญ้าพฤกษาไสว
น้ำค้างคือสายใยไมตรีผล
แสงตะวันแห่งรักก็จักดล
เพชรอำพนหยาด ณ ปถพิน
เรามีโลกซึ่งมีสุนทรียะ
เป็นคีตะแผ่วผวนชวนถวิล
และมีรัก มีหวัง พลังจินต์
กล่อมชีวินดินแดนมาแสนนาน
พื้นพิภพหัวใจนั้นใสสวย
เมื่อคนช่วยฉานแสงแรงประสาน
ร้อยเม็ดเหงื่อแน่นเหนียวเป็นเกลียวงาน
จำเรียงผ่านเพลงว่าสามัคคี
ชื่นเช้าด้วยฟ้าฝันวันอ่อนไหว
ทอสีทองของหทัยได้สุขี
เพราะมีรัก มีพลัง ความหวังดี
เราจึงมีสุนทรีย์แห่งชีวัน