18 ธันวาคม 2553 21:21 น.
เปลวเพลิง
จากสายน้ำเย็นใสในลำธาร
ฉันคืบคลานขึ้นสู่ยอดพงหญ้า
ลอกคราบเป็นแมลงปอแกร่งกายา
มีกำลังวังชากว่าครั้งใด
ค่อยกระหยับปีกโผโต้ลมอ่อน
ชมแสงแดดแรงร้อนอย่างรักใคร่
ด้วยปีกนี้ฉันจะบินท่องถิ่นไกล
อย่างที่ใจหมายมาดปรารถนา
บนดินแดนแสนไกลภายหน้านั้น
อาจมีอันตรายร้ายเกินกว่า
ฟ้าอาจเกรี้ยวดินอาจโกรธโหดคลั่งบ้า
จนยากฝ่าฟันไปยังปลายทาง
แต่ฉันไม่กริ่งกลัวหรอกโลกเอ๋ย
แม้นไม่เคยบินไปที่ไกลห่าง
เมื่อฉันเลือกบินเหินเพื่อเดินทาง
ฉันก็จะบินคว้างอย่างอดทน
อาจต้องผ่านถิ่นที่ไม่รู้จัก
ไม่เห็นหลักชัยเผยเลยสักหน
ไม่เห็นแว่นแคว้นใดในมณฑล
หรือหนาวจนเหน็บทั่วทั้งหัวใจ
อาจพบสุขโศกเศร้าบางเช้าค่ำ
อาจร้องร่ำบางคราน้ำตาไหล
อาจพบมิตร-ศัตรูอยู่ทั่วไป
อาจเจ็บไข้เจียนสิ้นชีพชีวา
เพราะว่าฝันฉันนี้มีความหมาย
ฉันจึงได้บินรุดไปสุดหล้า
และอาจต้องบินผ่านกาลเวลา
เนิ่นนานกว่าใครใครใต้ฟ้าคราม
แต่สักวันเถิดนะในสักวัน
จะพบถิ่นที่อันแอร่มอร่าม
ที่ฉันจักชื่นชมกับความงาม
ในทุกโมงทุกยามของชีวี
แหละเช่นนี้นะมิ่งมิตรผู้น่ารัก
เธอก็จักพบฝันอันสดศรี
เมื่อเธอทุ่มแรงใจกายเท่าที่มี
และไม่ยี่หระหวั่นภยันตราย
มาเถิดมามาบินเคียงกับฉัน
มาด้นดั้นสู่เส้นชัยดั่งใจหมาย
เห็นไหมนั่นแสงสว่างยังพร่างพราย
ที่สุดปลายทางฝันอันเรืองรอง
14 ธันวาคม 2553 23:19 น.
เปลวเพลิง
ฉันรอนแรมมาไกลเพื่อเสาะหา
ถิ่นสวยงามอร่ามตาใต้ฟ้าฝัน
ที่ซึ่งไร้อิจฉาการฆ่าฟัน
ไม่แบ่งชนแบ่งชั้นฉันหรือใคร
ที่ที่ฉันจากมานั้นทารุณ
มีแต่กรุ่นไฟลามความหมองไหม้
ราวฟ้าดำมืดบอดตลอดไป
น้ำใจก็แห้งเหือดเลือดนองดิน
ฉันเฝ้าฝันวันโลกไร้โศกเศร้า
วันที่เราเข้าใจกันไม่สิ้น
วันที่รักหลั่งมาเป็นอาจิณ
วันที่สินคือธรรมนำจิตคน
วันที่ทั้งสัตว์-มนุษย์สุดผืนหล้า
ต่างพึ่งพาอาศัยไม่ขัดสน
วันที่คนเท่าเทียมทุกชั้นชน
ไมตรีล้นส่งผ่านทางดวงตา
ด้วยสองมือเราอาจเปลี่ยนแปลงโลก
ให้ข้ามยุควิโยคสู่หรรษา
ดั่งอยู่ชั้นเมืองแมนแดนนภา
หากแต่ว่าสองเท้าเราติดดิน
แม้รู้มันยากเหลือคณานับ
ที่จะจับสุขเยือนสู่เถื่อนถิ่น
แต่ก็จะเสาะหาบนธรณิน
ตราบโลกสิ้นแสงทองเรืองอุไร
เราจะจับมือกันเมื่อวันที่
โลกใบนี้กระจ่างสว่างไสว
วันที่ทุกมุมซอกของภพไตร
จะแผ้วผ่องตลอดไปด้วยศีลธรรม
8 ธันวาคม 2553 21:02 น.
เปลวเพลิง
จะเก็บเกี่ยวดวงดาวที่ราวฟ้า
นำเอามาเรียงร้อยเป็นสร้อยสาย
อันวิจิตรอัศจรรย์พรรณราย
ดั่งเพชรพรายระยับวับแวววาว
เด็ดเสี้ยวจันทร์นวลผ่องของคืนค่ำ
มาแทนอำพันใสในห้วงหาว
พลิกราตรีดำมืดอันยืดยาว
มาแต่งแต้มให้งามราวนิลมณี
ร้อยความอบอุ่นไว้ในสายลม
เพื่อพัดพรมความสุขไปทุกที่
กล่อมผู้คนหลับใหลให้ฝันดี
อย่าได้มีฝันร้ายในนิทรา
บรรจงร้อยเสียงหรีดหริ่งเป็นพิณแก้ว
ที่หวานแว่วจับใจในราวป่า
ร้อยดอกไม้กลิ่นหอมมาล้อมฟ้า
เป็นมุ้งกั้นอสุราในราตรี
ก่อนอุษารุ่งสางอีกครั้งหน
ก่อนแดนดลประภัสร์จรัสศรี
ขอมอบสร้อยโสภาของราตรี
เป็นกำนัลให้น้องพี่ฝันดีเอย
ปล.เข้านอนคืนนี้ ขอให้ทุกคนนอนหลับฝันดีนะครับ^^
3 ธันวาคม 2553 14:46 น.
เปลวเพลิง
พุทธรักษ์สะอาดล้วน ตรีงตา
งามดุจรักบิดา มอบให้
ผ่านกาลผ่านเวลา นานเท่า ใดแฮ
ยังอยู่คงมั่นไว้ มิรู้คลายคลอน
โอ้พ่อคือพระผู้ มงคล
สถิต ณ ดวงกมล ลูกนี้
อื่นใดแห่งสกล บ่เทียบ เทียมนา
คือหนึ่งแสงส่องชี้ ชั่วฟ้าดินมลาย
สองมือพ่อโอบคุ้ม ดวงมาน
แต่เนิ่นแต่นานกาล ไป่สิ้น
มือพ่อปัดภัยพาล เสื่อมสูญ
แม้เหลือบยุงไรริ้น ห่างไร้ไต่ตอม
สายตาของพ่อเฝ้า ห่วงใย
ทอถักจากหัวใจ แก่ข้า
สองเท้าพ่อก้าวไป หมายมุ่ง
นำสู่โพ้นเบื้องหน้า พบพ้องสิ่งงาม
บูชาคุณพ่อผู้ เมตตา
ลูกจึ่งร้อยมาลา นบไหว้
ขอพ่อปราศโรคา เปี่ยมสุข
เป็นร่มโพธิ์มิ่งไม้ ตราบนี้แสนนาน