15 กรกฎาคม 2554 02:47 น.

ในสวนมะลิ

เปลวเพลิง

มะลิขาวพราวกระจ่างอยู่กลางสวน 
กลิ่นหอมหวนอบรื่นชื่นนาสา
เหมือนน้ำนมสีขาวสกาวตา 
อันมารดาหลั่งอุทกจากอกตน

จะกี่ครั้งจากวันวานผ่านถึงนี่ 
แม่ปรานีแผ่รักประจักษ์ผล
ปากที่พร่ำเตือนใจเหมือนร่ายมนตร์ 
สร้างลูกให้เติบตนเป็นคนดี

อุ่นไอแห่งเมตตาเอื้ออาทร 
อุ่นตักนอนหนุนเสน่ห์อุ่นเกศี
อุ่นอ้อมแขนอ้อมหทัยในธาตรี 
อุ่นอารีแม่ให้ไม่ลดลง

ยืนอยู่กลางสวนขวัญมะลิขาว 
อวลอะคร้าวตรลบใจชวนใหลหลง
เด็ดดอกขาวเหล่านั้นอย่างบรรจง 
ด้วยประสงค์ร้อยผกาเป็นมาลัย

แด่พระคุณร่มชีวันอันโอบเอื้อ
ปกแผ่เผื่อความรักมั่นนิรันดร์สมัย
มอบสุมาลย์พรรณรายจากสายใจ 
บูชาในรักแท้ของแม่เอย..				
12 กรกฎาคม 2554 09:09 น.

งาน

เปลวเพลิง

เราต่างมีฝันใฝ่ในชีวิต
เลือกลิขิตเป็นงานหวานและหวัง
ด้วยใจซื่อซึ่งจะทรงพลัง
นี่แหละ...กังวานแว่วแจ้วจับใจ

ค่าของแรงแห่งการทำงานนี้
โปรยมาลีบูชิตชีพพิสมัย
คล้ายรางวัลแสนหวานซ่านหทัย
ว่อนอยู่ในสายขวัญนิรันดร์มา

ความซื่อตรง ทรงศักดิ์ ภักดิ์และหวัง
แหละจะรังสรรค์ผสานงานเลอค่า
ทอประกายดั่งฤทธิ์กฤติยา
เพื่อป่นยับบรรดาสิ่งระยำ

เราหยาดแรงหยาดเหงื่อเรื่อพิลาส
ซึ่งไม่อาจยอมให้ใครเหยียบย่ำ
ค่าของแรงแห่งเราที่เฝ้าทำ
จึงเลิศล้ำเหลือล้นด้วยผลงาน

ค่าของแรงแห่งฝันในวันนี้
ทรงศักดิ์ศรีน่าถนอมกลิ่นหอมหวาน
เถิดเพื่อน...เชิญดื่มด่ำอย่างสำราญ
ผลผลิตกิจการของงานเรา				
8 กรกฎาคม 2554 17:46 น.

สุนทรีย์แห่งชีวิต

เปลวเพลิง

แรกอุษาฟ้าสางกระจ่างแสง             
หัวระแหงทุกแห่งอุ่นอรุณศรี
เพชรน้ำค้างวามวาวราวมณี                             
จับอยู่ที่ยอดหญ้างามตานัก

เหมือนแรกรุ่งเรืองรวีแห่งชีวิต                       
ประกาศิตความดีเป็นศรีศักดิ์
สาดส่องมาอุ่นในหัวใจภักดิ์                             
สัญลักษณ์ไมตรีชีวีคน

หากมิตรคือลานหญ้าพฤกษาไสว                   
น้ำค้างคือสายใยไมตรีผล
แสงตะวันแห่งรักก็จักดล                                  
เพชรอำพนหยาด ณ ปถพิน

เรามีโลกซึ่งมีสุนทรียะ                                      
เป็นคีตะแผ่วผวนชวนถวิล
และมีรัก  มีหวัง  พลังจินต์                              
กล่อมชีวินดินแดนมาแสนนาน

พื้นพิภพหัวใจนั้นใสสวย                                 
เมื่อคนช่วยฉานแสงแรงประสาน
ร้อยเม็ดเหงื่อแน่นเหนียวเป็นเกลียวงาน      
จำเรียงผ่านเพลงว่าสามัคคี

ชื่นเช้าด้วยฟ้าฝันวันอ่อนไหว                         
ทอสีทองของหทัยได้สุขี
เพราะมีรัก มีพลัง ความหวังดี                         
เราจึงมีสุนทรีย์แห่งชีวัน				
30 พฤษภาคม 2554 23:07 น.

มิช้าฟ้าสางรางรอง

เปลวเพลิง

บทกลอนนี้เขียนโดย  อุชเชนี  เป็นบทกลอนที่ค่อนข้างเก่าพอสมควร
เป็นกลอนบทหนึ่งที่อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจเวลาท้อแท้หรือเหนื่อยกับการทำสิ่งต่างๆได้ดีมาก  ผมจึงอยากมอบกลอนบทนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ทุกๆคนครับ



เพื่อนรัก
หนาวหนักเหนื่อยเหน็บเจ็บหรือ
หลับเถิดลมร้ายรายระบือ
หวีดหวือเวียนใจใกล้แล้ว

ขลุ่ยครวญหวนโหยโรยล่อง
ทั่วท้องทุ่งธารลานแก้ว
หลับเถิดดาวรุ่งพุ่งแพร้ว
วาดแววหวังวับจับฟ้า

โลกนี้แสนคับอับเฉา
มือเจ้าวางบนมือข้า
พอแล้วหลับเถิดแก้วตา
มิช้าฟ้าสางรางรอง

สาดแสงแรงรักหลักโลก
คลายโศกทุกข์เศร้าเราสอง
หลับเถิดรักเจ้าราวทอง
ผาดผ่องใจจนล้นมี

แดนดินถิ่นดำคล้ำมืด
ชาชืดเฉาใจใคร่หนี
หลับเถิดรักกล้าข้านี้
จักคลี่แสงคลุมคุ้มกัน

ความหวังฝังไว้ในดาว
ในหาวห้วยไม้ไพรสัณฑ์
หลับเถิดกว่าแสงตะวัน
ฉายฉันแฉกฟ้าร่าเริง				
15 พฤษภาคม 2554 13:45 น.

ดอกไม้ฤดูร้อน

เปลวเพลิง

ดอกไม้ฤดูร้อน
เจ้าบานต้อนรับฤดูอยู่แต่ไหน
สายลมร้อนโชยฟ้าเมื่อคราใด
ดอกไม้ไหวบานเด่นมิเร้นเงา

มาแต่งแต้มสีสันให้โลกสวย
จะมัวขวยเขินไปกระไรเล่า
กลีบอ่อนโยนพรายพร่างและบางเบา
จักทนแดดแผดเผานานเท่านาน

อาจไร้สายฝนโปรยมาโรยหล้า
กลีบผกาจักท้าร้อนจนอ่อนหวาน
ยืนต้นท้าทุกข์ท้อทรมาน
ดั่งปราการดอกไม้ในแผ่นดิน

เจ้าบอบบางเสียยิ่งกว่าหญิงสาว
ทั้งเข้มแข็งแกร่งกร้าวราวผาหิน
ทุกอณูกลีบสีคือชีวิน
อันหลั่งรินแรงใจไม่เว้นวาย

ให้ดอกไม้ฤดูร้อนซึ่งอ่อนหวาน
ชูช่อก้านรับตะวันอันเฉิดฉาย
คงคุณค่าสีสันพรรณราย
เป็นเลื่อมลายแพรรุ้งอันเรืองรอง

เจ้าบานอยู่ในใจใครทุกผู้
และคงอยู่ด้วยหวังอันผุดผ่อง
เพื่อเฝ้ารอวันที่ฟ้าสีทอง
หลังละอองหยาดฝนหล่นพรั่งพรู

และจะประจักษ์ตาว่าดอกไม้
อาจถูกแดดแผดไหม้แต่คงอยู่
เป็นความงามความกล้าแกร่งแห่งฤดู
ประดับทั่วพื้นภูของหัวใจ

ดอกไม้ฤดูร้อนแสนอ่อนหวาน
ยังผลิบานและผลิหวังพลังไข
โปรยกลีบบางสร้างฝันอันอำไพ
แด่เธอผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้






ปล.ห่างหายไปสามเดือน ช่วงปิดเทอมกลับบ้านเลยไม่ได้โพสต์
วันนี้มีโอกาสเลยมาโพสต์เยี่ยมเยียนทุกๆท่านนะครับ
หวังว่าทุกคนคงสบายดีนะครับ   เอาดอกไม้ฤดุร้อนมาฝาก
ให้ทุกๆท่านชมครับ				
ไม่มีข้อความส่งถึงเปลวเพลิง