22 พฤษภาคม 2553 21:40 น.
เปลวคำ
ณ ห้องนี้มีไฟไล้สลัว
มีความกลัวซ่อนอยู่ประตูอ้า
แสงปกป้องต้องเงาสีเทาทา
เหมือนคนบ้านั่งนับขับกวี
ในเงาหม่นทั่วห้องจ้องเกิดรูป
เหมือนโดนสูบวิญญาณปานภูตผี
เรียนรู้ในตัวตน-บนเสรี
ในวิถีพอดีวิธีการ
ยอมรับในจุดดับการปรับเปลี่ยน
อย่างพากเพียรเวียนเห็นเป็นแก่นสาร
แสวงหาศรัทธา-มายาวนาน
เกินประมาณทานทนอยู่คนเดียว
ณ ห้องนี้ไม่กว้างเป็นห่วงนัก
มีภาพลักษณ์ที่เก่าดูเปล่าเปลี่ยว
ละอองฝุ่นปนเปเซซีดเซียว
ไม่เหมือนเรียวโค้งรุ้งที่ฟุ้งนาน
มีหยากไย่โดดเดี่ยวเกี่ยวอยู่ข้าง
จากความว่างร้างเก่าเราไถ่หว่าน
เป็นเมล็ดผลผลิตติดบนลาน
เกิดวิญญาณงานฝากจากผู้ใด
เป็นลิขิตติดมาเหมือนตราบาป
เกิดเป็นภาพชีวิตมีสิทธิ์ไหม
จะเลือกอยู่ในห้องหรือต้องไป
ทนนั่งในไฟมัวสลัวเลือน.
...............................
15 พฤษภาคม 2553 22:57 น.
เปลวคำ
คือ..ตัวแทนสันติที่ผลิดอก
คือ..สิ่งบอกออกผลบนทางสาย
คือ..ภาระหน้าที่แม้พลีกาย
คือ..ผู้คนอีกมากมายสุดสายตา
สันติ..ภาพกำหนดเป็นกฏหมู่
สันติ..ดูแบ่งปันสุดหรรษา
สันติ..พบรบกันวันอาญา
สันติ..มาเพื่อตนสู่หนใด
ภาพ..ที่เหลือทิ้งไว้เมื่อไหร่จบ
ภาพ..แห่งศพทบมาความสาไถย
ภาพ..ความแตกแยกกันดูบรรลัย
ภาพ..คนไทยทิ้งร่างที่สร้างมา.
.......................................
14 พฤษภาคม 2553 21:13 น.
เปลวคำ
เดินทางไกลรู้ไหมใจมันเหนื่อย
เดินทางเอื่อยเรื่อยไปมีใครถาม
เดินทางหลงจนเหงาและเศร้าตาม
เดินทางยาม มืดมนไร้คนมุง
เพื่อข้ามผ่านอุทยานกาลสมัย
เพื่อข้ามผ่านเภทภัยที่ไร่ทุ่ง
เพื่อข้ามผ่านน้ำตามาพยุง
เพื่อข้ามผ่านเมืองกรุงที่มุ่งไป
เหลือสิ่งใดไว้บ้างอยู่ข้างหลัง
มีความหวังเบื้องหน้าจะกล้าไหม
ความรู้สึกอ้างว้างเริ่มห่างไกล
จมอยู่ในวิถีของชีวัน
เคยเฝ้าฝันทุกวันเป็นบันทึก
เป็นผนึกความเศร้าของเงาฝัน
จนมิอาจเปรียบเทียบจนเงียบงัน
พ้นผ่านคืนและวันที่ฝันมา
เก็บหัวใจไม่ห่วงแม้ดวงเก่า
ทุกข์บางเบาเอาเรื่องอยู่เบื้องหน้า
มันบาดลึกหัวใจตอนใกล้มา
เพื่อค้นหาแสงสว่างแม้ห่างไกล.